ตอนที่ 2 - หรือว่าจะเป็นเกย์
“พรีม ทางนี้” ทันทีที่หญิงสาวในชุดนักศึกษาก้าวลงจากรถ เพื่อนรักอย่างนิวเยียร์ที่มาถึงก่อน และได้นั่งรออยู่ที่ม้าหินอ่อนที่อยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถของมหาวิทยาลัยชื่อดังก็ได้ยกมือขึ้นตะโกนเรียก
พรีม ศรัณย์ภัทร หิรัญอัครมนตรี นักศึกษาปี 2 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน อายุ 20 ปี เจ้าของใบหน้าวีเชฟ สวย เซ็กซี ผมยาวสลวยสีน้ำตาลประกายทอง แม้จะสวมใส่ชุดนักศึกษาที่ไม่รัดรูปมาก แต่ก็พอเห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง และก้อนกลมสองก้อนเด่นชัดชวนสะกดสายตาหนุ่มๆ ให้พากันหันมองทุกครั้งที่เดินผ่าน
“เมื่อคืนแกมีเรื่องอะไรจะบอกฉัน” นิวเยียร์ยิงคำถามที่อยากรู้ใส่เพื่อนรักขณะที่ทั้งสองคนกำลังพากันเดินเข้าไปยังอาคารของคณะ เพราะเมื่อคืนที่คุยแชทกันค้างไว้ คือพรีมบอกว่ามีเรื่องจะบอก แต่ขอมาบอกด้วยตัวเองในเช้าวันนี้
“ฉันกำลังจะหมั้น”
“ฮะ!!!” คำตอบสั้นๆ ถึงกับทำให้นิวเยียร์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เพื่อนสาวของเธอยังไม่มีแฟน อยู่ ๆ จะมาหมั้นกับใคร
“นี่แกแอบซุ่มไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเพื่อนรักอย่างฉันถึงไม่รู้เรื่อง” นิวเยียร์คาดคั้นเอาคำตอบ
“แฟนบ้าอะไรล่ะ ก็แค่จะหมั้นเพื่อช่วยบริษัทของฉันก็เท่านั้น” พรีมอธิบายสาเหตุที่แท้จริง แม้จะคิดมาดีแล้วกับการตัดสินใจในครั้งนี้ แต่การหมั้นหมายและเข้าไปอยู่ในบ้านของใครก็ไม่รู้ ก็ทำให้เธอเกิดความลำบากใจขึ้นมาไม่มากก็น้อย
“แกจะเอาแบบนั้นจริงๆ เหรอ หมั้นกันเพราะธุรกิจ แล้วคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะรักแกได้หรือไง”
“ไม่รู้สิ แต่อีกสองเดือนข้างหน้าฉันก็ต้องหมั้นแล้วย้ายไปอยู่ในบ้านของเขาแล้ว”
“ไม่เป็นไรนะแก ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ฉันเชื่อว่าแกจะผ่านมันไปได้” นิวเยียร์รีบคว้ามือเพื่อนเอามาจับเพื่อให้กำลังใจ
“ขอบใจแกมากนะ”
“ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร อายุเท่าไหร่”
“เห็นว่าชื่อธีร์ อายุสามสิบ”
“ฮะ อายุขนาดนั้นยังยอมถูกคลุมถุงชนอีกเหรอ เขาเป็นคนรักสันโดษแบบอยากหนีไปบวชอยู่คนเดียว หรือไม่ก็เป็นเกย์ไหมวะแก ถึงไม่ยอมมีเมียสักที” นิวเยียร์ออกความเห็นด้วยความสงสัย
และเธอเองก็สงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ผู้ชายอายุสามสิบปี เป็นถึง CEO ที่ทั้งเก่งทั้งฉลาดแบบนี้ แถมตระกูลนั้นก็เป็นตระกูลมหาเศรษฐี คงจะหาแฟนเข้าบ้านให้แม่สักคนได้ไม่ยาก แต่ทำไมถึงยังไม่มีนี่สิ ถ้าไม่บ้างานหรือเคยถูกหักอก ก็คงจะเป็นเกย์อย่างที่นิวเยียร์ว่า
“ถ้าเป็นเกย์ก็ดีน่ะสิ จะได้ตกลงกันง่ายๆ หน่อย”
“ตกลงเรื่องอะไร” นิวเยียร์ถามกลับ
“ก็ในเมื่อหมั้นกันเพราะเรื่องธุรกิจ งานแต่งของเราก็คงไม่จำเป็นต้องทำให้มันเกิดขึ้นก็ได้ และการอยู่ด้วยกันแบบนอนห้องเดียวกันอย่างที่ทางนั้นต้องการ แต่ถ้าอีตาพี่ธีร์นั่นเป็นเกย์อย่างที่คิดไว้จริงๆ ก็คงไม่มีอารมณ์มาทำผู้หญิงสวยๆ อย่างฉันหรอก แกว่าไหม” พรีมยกยิ้มตอบเพื่อนสาว
“ก็หวังว่าเขาจะเป็นเกย์อย่างที่คิดไว้นะ” นิวเยียร์ตอบอย่างไม่เต็มเสียง เพราะเธอเองก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นลักษณะนิสัยหรือท่าทางของผู้ชายคนนั้นมาก่อน ก็ได้แต่คาดเดาตามความคิดของเธอก็เท่านั้น
เวลาหมั้นก็ใกล้จะมาถึง พรีมขอให้นิวเยียร์มาลองชุดหมั้นเป็นเพื่อนที่ร้าน เพราะคนที่เธอจะหมั้นหมายด้วยให้เหตุผลว่าติดงานมาไม่ได้ และตั้งแต่วันที่ทั้งสองครอบครัวตกลงเรื่องนี้กัน เธอก็ยังไม่เคยพูดคุยหรือเห็นแม้แต่เศษเสี้ยวใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ
“ว่าที่คู่หมั้นของแกนี่ยังไงกัน ขนาดลองชุดหมั้นก็ยังไม่มา ช่างให้เกียรติเพื่อนรักของฉันซะจริง”
“เอาน่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
พรีมคิดในแง่ดี บางทีการที่ทางนั้นเป็นฝ่ายไม่เห็นเธออยู่ในสายตามันก็เป็นผลดีต่อตัวเธอ ยิ่งเขาไม่สนใจเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งมีอิสระทำอะไรตามใจตัวเองได้มากเท่านั้น
“เอาแกว่าก็แล้วกัน ไหนดูสิว่าคนสวยสุดเซ็กซีที่มีนามว่าแม่นางศรัณย์ภัทรจะใส่ชุดแบบไหนให้อีตาคู่หมั้นตะลึงในความงามดี” นิวเยียร์เอ่ยพลางเลือกดูชุดหมั้นให้กับเพื่อนสาว ก่อนจะหยิบออกมาจากราวชุดหนึ่งแล้วยื่นให้เพื่อนรัก
พรีมรับชุดมาไว้ในมือแล้วเข้าไปลองสวมใส่ในห้องลองชุด ก่อนจะออกมาด้วยชุดไทยที่มีความเรียบหรู ท่อนบนห่มด้วยสไบสองชั้น ชั้นในเป็นสไบแพรจีบสีชมพูกลีบบัว ห่มทับด้วยสไบปักสีทอง ท่อนล่างเป็นผ้าซิ่นที่เป็นผ้าไหมยกทอง คาดด้วยเข็มขัดทอง และสวมใส่เครื่องประดับแบบเต็มยศ ขนาดเพื่อนรักเห็นยังตะลึงในความสวยเบิกตาโพลงค้างจ้องมองอย่างไม่วางตาขนาดนี้ ถ้าผู้ชายคนนั้นมาเห็นจะไม่ตะลึงยิ่งกว่านิวเยียร์เหรอ
“โหยัยพรีม สวยเวอร์วังมากจ้า…” นิวเยียร์ถึงกับรีบลุกขึ้น แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดชัตเตอร์รัวๆ ส่วนอีกคนก็ยืนโพสต์ท่าให้เพื่อนถ่ายได้หนำใจ
“งั้นฉันเอาชุดนี้แหละ ขี้เกียจลองหลายชุด” พรีมเอ่ยกับเพื่อนรัก
แม้ในร้านจะมีชุดสวยๆ ให้เลือกมากมาย แต่มันก็แค่พิธีที่ทำให้มันเสร็จๆ ไป จะใส่ชุดไหนก็เหมือนกัน
“จะไม่ลองอีกสักชุดสองชุดเหรอ เผื่อมีชุดอื่นที่สวยกว่า” นิวเยียร์อดเสียดายไม่ได้ ถ้าเป็นเธอก็คงจะเลือกไม่ถูกว่าจะใส่ชุดไหนดี
“เอาชุดนี้แหละ แกว่าสวยก็พอแล้ว” พรีมก้มลงมองชุดที่สวมใส่อีกครั้ง ก่อนจะฉีกยิ้มให้เพื่อนรัก
“จ้าแม่คนสวย”
“ฉันกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ เอาเวลาไปหาของกินอร่อยๆ ดีกว่า”
ออกจากร้านทั้งสองสาวก็ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกล แล้วพากันเข้าไปนั่งในร้านเพื่อกินปิ้งย่างสไตล์เกาหลีอย่างสบายใจ เมื่อกินกันอิ่มแล้วก็จัดการเช็กบิลแล้วพากันเดินออกจากร้าน
ทั้งสองคนเดินย่อยอาหารพูดคุยกันไป และพอไปถึงชั้นที่เป็นซูเปอร์มาเก็ต ก็พากันหยิบตะกร้าใบเล็กคนละใบ เดินเลือกซื้อของกินติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย
พรีมขอแยกกับเพื่อนเพราะนิวเยียร์กำลังเดินไปยังโซนขนมขบเคี้ยว ส่วนเธอก็เดินไปยังโซนตู้แช่เย็นเพื่อหาซื้อนมและโยเกิร์ต เมื่อเธอหยิบของใส่ในตะกร้าที่วางไว้กับพื้น และก้มหยิบตะกร้าหมุนตัวจะเดินออกมา ก็ชนเข้ากับชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสูตเต็มยศ และข้างๆ ยังมีผู้ชายวัยใกล้เคียงกันยืนอยู่ด้วยอีกคน แต่ประเด็นคือเธอชนจนโทรศัพท์ในมือของเขาหล่นลงพื้นไปเป็นที่เรียบร้อย
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวังเอง” พรีมช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายเพื่อขอโทษ
“ไม่เป็นไร”
พรีมแล้วรีบก้มหยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่ที่พื้น เป็นจังหวะเดียวกันกับเจ้าของมือถือที่ก้มลงมาพร้อมกันจนศีรษะของทั้งสองคนชนกันจนเกิดเสียงดัง
“โอ๊ย…” หญิงสาวก้นจ้ำเบ้านั่งพับเพียบลงกับพื้น ดีที่กระโปรงไม่ได้สั้นมาก ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ในขณะที่อีกฝ่ายแค่ยกมือลูบตรงหน้าผากแล้วก็คว้าโทรศัพท์ของเขาแล้วเดินออกไป โดยที่ไม่สนใจเธอเลยสักนิดว่าจะเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“ไอ้บ้า คนอะไรหน้าตาก็ดี แต่ไร้มารยาทที่สุด” พรีมหันไปถลึงตาใส่แผ่นหลังของคนตัวสูงที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง พร้อมกับด่าตามหลังเสียงอู้อี้ในลำคอ รีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้าตะกร้าเดินไปหาเพื่อนที่เดินเลือกซื้อขนมด้วยอารมณ์ขุนมัว