EPISODE 07 หน้ากาก
หลายวันต่อมา
ในที่สุดก็ถึงวันเปิดเรียนวันแรก ฉันขอร้องอ้อนวอนสุดชีวิตเพื่อให้เฮียฮ่องเต้มาส่งที่คณะเพราะไม่อย่างนั้นคงได้เดินให้เหนื่อยเพราะฉันไม่มีรถขับพ่อกับแม่ฝากฝังชีวิตฉันไว้กับเฮียเลยนะ คอนโดนี้ก็ไม่ได้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเลยสักนิดเดียว
"ตอนเย็นเฮียว่างมารับมั้ย"
ฉันหยิบกระเป๋าขึ้นมาแนบอกแล้วถามคนขับแต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
สายตาของเฮียกำลังมองออกไปยังกระจกหน้ารถที่มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดนักศึกษาแบบเดียวกันกับฉันยืนอยู่กับเพื่อนของเธอ แววตาที่เขามองนั้นทำให้หัวใจของฉันมันบีบตัวแน่นจนจุกแปลกๆ
"เฮีย!"
"หะ...หา! อะไรจะเสียงดังทำไมวะ!" พอโดนเรียกจนตกใจเขาก็ทำท่าทางหงุดหงิดใส่ฉัน แบบนี้บ่งบอกถึงความผิดปกติอย่างแน่นอน ต้องไปสืบสักหน่อยแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับเฮีย
"ก็ชาถามแล้วเฮียไม่ตอบอะ"
"มีอะไร" น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงสายตายังคงมองไปตรงที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นระยะ ฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวไก่ตื่น
"เย็นนี้มารับชาด้วยนะ เลิกห้าโมงเพราะรุ่นพี่นัดรวมรับน้องต่อ"
"หัดหาเพื่อนคบแล้วไปกับเพื่อน เฮียไม่ใช่เบ๊ที่จะมารับใช้เธอได้ทุกเวลา"
"ก็ถ้าเฮียว่างตอนไหนชาก็จะรอมารับก็ได้ ไม่ได้คิดว่าเป็นคนใช้สักหน่อย เราแต่งงานกันแล้วแค่นี้มันยากเย็นนักหรือไง" ทำหน้าที่สามีที่ดีหน่อยก็ไม่ได้
"เรื่องของเธอเถอะ ทีอย่างอื่นล่ะเก่งนัก ลงไปได้แล้วรีบไปเรียน!"
เอะอะก็ขึ้นเสียงใส่ตลอด อย่าให้ถึงที่ฉันต้องขึ้นเสียงบ้างแล้วกันจะเอาให้หัวหด
ฉันลงมาจากรถก็เดินเข้าไปในอาคารเพื่อต่อแถวหน้าลิฟต์รอขึ้นไปยังชั้นเจ็ดของอาคารนี้ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดของคณะบริหาร นักศึกษาส่วนใหญ่จะมาเรียนที่นี่เพราะเป็นอาคารเรียนรวมวิชาพื้นฐานของคณะ ส่วนอาคารของแต่ละสาขาก็จะกระจายอยู่รอบๆ
"ชะนี!!" เสียงของชายใจหญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินอ้อนแอ้นเข้ามาใกล้
"ยัยปาล์มมี่ เบาๆหน่อยสิเขามองกันหมดแล้ว" ใครบอกว่าฉันไม่มีเพื่อนกันล่ะ นี่แหละเพื่อนคนแรกของฉันในมหาวิทยาลัย เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนมาลงทะเบียนและไม่รู้อะไรชักพาให้เราทั้งคู่มาถูกตาต้องใจกันแบบนี้
"ขอโทษค่ะ ปาล์มมี่ดีใจที่เจอเพื่อนหน้าลิฟต์พอดีไม่อยากจะเชื่อว่าจะเจอ" น้ำเสียงและกิริยาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสายตาของปาล์มมี่เหลือบไปเจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรยืนอยู่ข้างฉันพอดี
ก็พอๆกับเฮียแหละ แต่สำหรับฉันแล้วเฮียหล่อที่สุดในจักรวาล
รุ่นพี่ยกยิ้มขึ้นเพียงนิดก่อนจะหันกลับไปด้านหน้า มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงอีกข้างถือหนังสือเพียงหนึ่งเล่ม ใบหน้าของเขาหล่อกระชากใจใครหลายคนได้เลยโดยเฉพาะเพื่อนฉันที่มันยืนขั้นกลางอยู่ตรงนี้
"แกมาเรียนยังไงปาล์มมี่ เลิกเรียนขอกลับด้วยคนสิ"
"ฉันก็เดินมาสิยะพักอยู่หอนักศึกษาชายตึกสิบนี่เองแกจะไปกับฉันมั้ยล่ะ" ให้ตายเถอะฉันคิดว่ามันอยู่หอนอกซะอีก คิดว่าจะขอติดรถไปด้วยสักหน่อย
"คิดยังไงอยู่หอใน"
"เหตุผลเพียงอย่างเดียวของฉันคือผู้ชายค่ะชะนี ลาภปากฉันเลยนะเดินไปทางไหนก็มีแต่ข้าวหลามหนองมน แกรู้มั้ยว่าหอพักชายคือสวรรค์ของกระเทย" ยังปาล์มมีหัวเราะชอบใจจนลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ในลิฟต์แล้ว ไม่พอรุ่นพี่หน้าตาดีคนเมื่อกี้นี้ก็ยืนอยู่กับเราด้วย
แถมตอนนี้เขายังแอบมีรอยยิ้มเพราะคงได้ยินสิ่งที่เราพูดคุยกันอยู่
"งั้นแกมีรถใช้หรือเปล่า" ฉันเปลี่ยนเรื่องเลยดีกว่า ปาล์มมีกำลังทำเราดูแย่ในสายตาคนอื่น นี่มันเพิ่งเป็นการเรียนวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยเลยนะ
"มี มอเตอร์ไซค์นะ ทำไมเหรอ"
"ไปส่งกลับคอนโดหน่อยสิ พอดีฉันไม่มีรถกลับ"
"อยู่คอนโดแต่ไม่มีรถใช้เนี่ยนะยัยใบชา!" ปาล์มมีส่งเสียงดังขึ้นมาประจวบเหมาะกับตอนที่ลิฟต์กำลังเปิดออกพอดี
ติ๊ง!
"แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย!"
"ก็แกบอกว่าอยู่คอนโด แต่ไม่มีรถใช้" ยัยเพื่อนสาวสองยังคงสงสัยไม่เลิกฉันจึงต้องอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
"พอดีฉันมาพักอยู่กับ..." พอพูดมาถึงตรงนี้ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคิดถึงคำพูดของเฮียที่ว่าไม่ให้บอกเรื่องของเรากับใครเด็ดขาด "มาพักกับพี่ ก็เลยกลับไม่ได้เพราะพี่ฉันเลิกเรียนค่ำ"
"ออ สบายมากฉันจะไปรับส่งแกเอง"
"ขอบคุณน้า...คนสวย เธอมันสวยที่สุดในสาขา" ว่าแล้วก็เอาหน้าไปซบกับอฝแขนของปาล์มมีอย่างออดอ้อน ทำไมใจดีอย่างนี้เนี่ยแม่พระมาโปรด
"อย่ามาอ้อน ฉันขนลุก!" ปาล์มมีสะบัดตูดเดินหนีฉันเข้าไปในห้องเรียนที่ตอนนี้มีเพื่อนร่วมสาขาเดียวกันอยู่เต็มห้อง บางคนก็รู้สึกคุ้นตาอยู่แล้วเพราะสองสามวันมานี้รุ่นพี่นัดพวกเรามาทำความรู้จักและทำกิจกรรมร่วมกัน
จนกระทั่งสายตาของฉันไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนกลางห้อง ใบหน้านั้นฉันจำได้เป็นอย่างดีว่าคือผู้หญิงคนที่เฮียมองตาค้าง
และมันไม่ใช่แค่มองแบบธรรมดา มันมีอะไรซ่อนอยู่ในแววตาของเฮียด้วย
"คนนั้นยัยเพลง ชอบทำตัวเด่นนะฉันว่า" ปาล์มมีสะกิดฉันที่เผลอมองยัยนั่นนานไปหน่อยเพิ่งจะรู้ตัวตอนเพื่อนพูดคำนั้นออกมา "แกก็คิดเหมือนฉันสินะชะนี"
"เขาเด่นอยู่แล้วหรือเปล่า" เราสองคนหมุนตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องเพราะมาสายกว่าเพื่อนเลยเหลือแค่แถวหน้าสุดให้นั่งเท่านั้น
"ในฐานะที่ฉันมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่ในร่างเดียวกัน ฉันมองออกว่ายัยนั่นน่ะไม่ได้สวยไปกว่าคนอื่นหรอกแค่ทำตัวเหมือนตัวเองสวยน่ะ"อันที่จริงฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยหรือไม่สวย ตอนนี้อยากรู้แค่ว่าเฮียคิดยังไงกับผู้หญิงคนนี้
"อย่าไปว่าเขา"
"จะไม่ว่าได้ไง มันว่าฉันก่อน" ปาล์มมี่หันไปมองเพื่อนสาขาที่ชื่อเพลงคนนั้นพอยัยนั่นมองกลับนางก็สะบัดหน้าหันกลับมาทันทีเหมือนเป็นการเปิดสงคราม "ตอนมาลงทะเบียนเรียนฉันแอบได้ยินมันคุยกับเพื่อนว่าไม่ชอบกระเทย บลาๆ แต่สาขานี้ดันมีกระเทยถึงสี่คน"
"พูดแบบนั้นเลยเหรอ" ทำไมต้องไม่ชอบด้วยล่ะไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็เป็นคนเหมือนกันหมด
"ใช่ นางแค่ทำตัวเหมือนนางเอกแต่จิตใจโคตรสกปรก"
ฉันเข้าใจความรู้ของปาล์มมี่เลยคงกวนใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ถ้าเป็นฉันก็คงจะญาติดีกับยับเพลงนั่นไม่ได้หรอก
"ปาล์มมี่" แล้วเสียงหวานๆของใครซักคนก็ดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเรา พอหันไปมองถึงรู้ว่าเป็นเพลงกำลังยืนยิ้มหวานให้พวกเราอยู่ "มีอะไรกับเราหรือเปล่า พอดีเห็นเธอทำเหมือนไม่พอใจอะไรเราอยู่เลย"
"..." ปาล์มมี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง "ไม่มีอะไรนี่เพลง เราซื้อหมอนมาให้เลยโดนหมอนกัดคอน่ะ ลองสะบัดหน้าแรงๆดูไม่เกี่ยวกับเธอเลย ทำไมถึงคิดแบบนั้น ฉันงง"
นี่ฉันดูละครเวทีอยู่หรือเปล่าเนี่ย ปาล์มมี่แสดงเก่งมากแต่ยัยเพลงนั่นก็ไม่แพ้เลย
"อ้าวเหรอ ขอโทษนะที่เข้าใจผิด ฉันกลัวจะไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจน่ะ"
"ไม่เลยจ่ะเพลง เธอเข้าใจผิดแล้ว" ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าหน้ากากมครหนากว่ากันแต่ฉันที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ยังไงก็ดูออกว่าปลอมทั้งคู่ เห็นรอยยิ้มของปาล์มมี่ตอนนี้บอกเลยว่าขนลุก จนกระทั่งเพลงกลับไปนั่งที่ตัวเองเพื่อนถึงได้พูดออกมาอย่างหงุดหงิด "นังตอแหล"