บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 แผนของนายปราบ

12.45 น.

พวงชมพูเดินลงมาจากคณะพร้อมกับรวิกาญน์และวรเทพสองเพื่อนสนิท ทั้งสามเดินมานั่งตรงโต๊ะม้าหินที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองคณะ ตรงจุดนี้จะมีสุ้มขายอาหารอยู่สี่ห้าสุ้ม วรเทพเดินไปซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ บริการสองสาว พร้อมกับซื้อลูกชิ้นปลาทอดเจ้าอร่อยติดมือไปด้วย

“อ่ะ กินกันซะ บ่นว่าหิวไม่ใช่เหรอ” วรเทพวางของกินลงบนโต๊ะ

“แกนี่รู้ใจฉันสองคนจัง” รวิกาญน์พูด มือก็ใช้ไม้จิ้มจิ้มลูกชิ้นขึ้นมาใส่ปาก

“จะไม่ให้รู้ใจได้ไง ก็แกสองคนบ่นว่าหิวตั้งแต่อยู่ในห้องสมุด หูฉันไม่หนวกนะ” วรเทพตอบกลับ

“อ่ะโธ่ นึกว่ารู้ใจเพื่อนซะอีก” รวิกาญน์พูดหยอกเพื่อน “แต่ก็ขอบใจนะที่ซื้อมาให้กิน ฉันล่ะชอบ อิ่มจังตังค์อยู่ครบ”

คนพูดทำหน้าระรื่น หยิบของกินที่วรเทพซื้อมาให้เข้าปาก

“งก” วรเทพกระแทกเสียงใส่ แต่ใบหน้ายิ้ม

“แล้วนี่แกจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า หรือว่านัดสาวที่ไหนไว้” รวิกาญน์เป็นคนถาม

“ไม่ได้นัดใครทั้งนั้นแหละ ว่าจะชวนแกสองคนไปหาของกินที่พารากอน ฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่น”

“แกจะชวนฉันสองคนไปกินอาหารญี่ปุ่น แล้วแกซื้อของกินมาให้ฉันทำไม”

“แกเข้าใจคำว่ารองท้องไหม กว่าจะไปถึงห้าง แกสองคนไม่ท้องขาดเหรอ” วรเทพให้เหตุผล

“เออจริง” รวิกาญน์เห็นด้วย

“ฉันคงไปไม่ได้นะ ฉันมีนัด” คำพูดของพวงชมพูเรียกความสนใจให้กับเพื่อนทั้งสองมาก

“นัดใครไว้ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมีนัดกับใครนอกจากฉันสองคน” รวิกาญน์ถาม

“พี่ปราบน่ะ พี่ปราบบอกว่าจะมารับ” พวงชมพูตอบ

“อ้าว พี่ปราบกลับมาแล้วเหรอ ว่าแต่หน้าตาเหมือนในรูปที่แกเอามาให้ฉันสองคนดูหรือเปล่า”

รวิกาญน์หูผึ่งขึ้นมาทันที เธอกับวรเทพรู้เรื่องปราณปวิชจากคำบอกเล่าจากปากพวงชมพูมาตั้งแต่ที่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพ่อเลี้ยง และได้เห็นหน้าค่าตาของปราณปวิชจากมือถือของพวงชมพูที่แอบถ่ายรูปของลูกชายพ่อเลี้ยงจากรูปถ่ายในห้องนอนของเขา

“หล่อกว่าในรูปเยอะเลย” พวงชมพูตอบตามตรง

“แล้วพี่ปราบจะมากี่โมงล่ะ ฉันจะได้อยู่รอดูหน้าพี่ปราบ อยากรู้ว่าตัวจริงจะหล่อกว่าในรูปหรือเปล่า”

“ฉันส่งข้อความไปบอกพี่ปราบตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว เขาบอกว่าไม่เกินบ่ายโมง”

เมื่อเช้านี้หลังจากปราณปวิชมาส่งพวงชมพูหน้าคณะ เขาได้บอกกับเธอว่าจะมารับกลับบ้านเพราะเธอไม่มีรถ คราแรกเธอปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ตอบโต้กลับไปว่านั่งรถเมล์กลับเองได้ ซึ่งเมื่อก่อนก็นั่งอยู่ทุกวัน ทว่าปราณปวิชดื้อรั้น ตื้อจนพวงชมพูต้องยอม ก่อนลงจากรถปราณปวิชได้แลกเบอร์มือถือและไลน์กับพวงชมพูเพื่อสะดวกในการติดต่อ

“นี่ก็คงใกล้มาแล้วมั้ง จวนบ่ายโมงแล้ว” วรเทพพูดขึ้น ก่อนหันไปปรามรวิกาญน์ “แกก็อย่าทำตัวแรดล่ะ ไว้หน้าชมบ้าง”

“แหม ฉันไม่อาจเอื้อมหรอกย่ะ ฉันรู้ตัวฉันดี หน้าตาก็ไม่ได้สวย ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีเด่อะไร คนอย่างพี่ปราบไม่มองฉันหรอก แต่กับชมน่ะไม่แน่ ทั้งสวย ผิวพรรณก็ดี แถมอยู่บ้านเดียวกันด้วยนะ ฉันล่ะเชียร์เต็มที่เลย”

“พี่ปราบไม่มองฉันหรอก ผู้หญิงระดับเดียวกับเขามีเยอะแยะไป”

พวงชมพูเจียมตัว แม้ว่าหัวใจยกให้เขาไปทั้งดวง ทว่าในความเจียมตัวก็มีความหวังว่า เขาจะมองตน...เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ

“ของแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะหรือว่าการศึกษา หน้าตาก็ด้วย มันอยู่ที่ใจล้วนๆ ฉันได้ยินออกบ่อยเรื่องซินเดอเรลล่า เมืองไทยก็มีออกถมไป” วรเทพพูดตามจริง คล้ายให้กำลังใจเพื่อนไปในที เพราะรู้ว่า พวงชมพูแอบชอบปราณปวิชมานานเป็นปีแล้ว “แกสวย นิสัยก็ดี กิริยามารยาทก็เรียบร้อย ผู้ชายที่ไม่มองแกถือว่าโง่”

“เออใช่ ฉันเห็นด้วยกับโจ๊ก”

พวงชมพูละความสนใจจากเพื่อนก้มมองดูมือถือตัวเองเมื่อได้ยินเสียงข้อความทางไลน์เข้ามา เธอกดเปิดเพื่ออ่านข้อความนั้น

“พี่ปราบส่งข้อความมาบอกว่า อีกห้านาทีจะถึง” พวงชมพูบอกเพื่อน

“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน เวลาเจอหน้าผู้ชายชอบปวดฉี่”

รวิกาญน์บอกเพื่อนทั้งสอง

“ฉันไปรอตรงต้นหูกวางนะ นัดพี่ปราบไว้ตรงนั้น”

“เคร” คนพูดเดินไปห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล พวงชมพูกับวรเทพพากันเดินไปรอปราณปวิชตรงจุดนัดหมาย

ปราณปวิชขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัยตรงไปยังคณะที่พวงชมพูเรียนอยู่ อีกประมาณหนึ่งร้อยเมตรจะถึงจุดนัดหมาย ยิ่งขับเข้าไปใกล้เขามองเห็นพวงชมพูยืนอยู่ตรงต้นหูกวาง โดยมีร่างชายหนุ่มที่ดูคล้ายจะสนิทสนมกันมาก เนื่องจากชายคนนั้นนำแขนพาดบ่าพวงชมพู มองดูแล้วคล้ายคนรักมากกว่าเพื่อน

“หึ...ทำเป็นอาย ทำเป็นเขินที่แท้ก็แสดงละคร” ปราณปวิชพูดเหยียด “ในมหาลัยยังขนาดนี้ ข้างนอกจะขนาดไหนเนี่ย สงสัยจะง่ายเหมือนแม่”

ความคิดปราณปวิชไปไกล เขาคิดตามภาพที่เห็น ทว่าในใจกลับไม่พอใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่า เธอถูกชายอื่นโอบกอด ราวกับว่าหวงไม่อยากให้ชายใดเข้าใกล้พวงชมพู

‘ทำไมต้องรู้สึกอย่างนี้กับชมด้วยวะ ไม่สิ เราต้องเกลียด ท่องไว้ต้องเกลียด’

หลังจากสะบัดความรู้สึกอันไม่ชอบใจออกไป ปราณปวิชจอดรถเทียบกับทางเท้า ก่อนก้าวลงจากรถยนต์ พวงชมพูยิ้มให้ปราณปวิช วรเทพลดแขนลงมาอยู่ข้างตัวเมื่อเห็นปราณปวิช ลูกชายพ่อเลี้ยงเพื่อนสนิทที่เคยเห็นผ่านทางรูปภาพ เพิ่งได้เห็นตัวจริงวันนี้ และเห็นพ้องกับคำพูดพวงชมพูก่อนหน้าว่า หล่อกว่าในรูปหลายเท่า

“สวัสดีค่ะพี่ปราบ” พวงชมพูยกมือไหว้ปราณปวิช

“สวัสดีครับพี่ปราบ” วรเทพทำเช่นเดียวกับเพื่อน ปราณ-ปวิชยกมือรับไหว้วรเทพตามมารยาท

“ใครล่ะชม แฟนเหรอ” ปราณปวิชหยั่งเชิงถาม

“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนซี้ย่ำปึกชมครับ เราคบกันเป็นเพื่อนมาตั้งแต่ประถมครับ” วรเทพชิงตอบ “มีแต้วอีกคนครับ โน่นไง เดินมาพอดี”

ปราณปวิชมองร่างสาวนักศึกษาที่กำลังเดินมาทางตน ก่อนหันไปยิ้มให้พวงชมพู รู้สึกสบายใจกับคำตอบของวรเทพ สนิทกันมาตั้งแต่เด็กนี่เอง ทั้งคู่ถึงได้โอบบ่ากันอย่างไม่ถือสา รวิกาญน์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าอันหล่อเหลาของปราณปวิช เธอยกมือไหว้ ก่อนที่พวงชมพูจะแนะนำให้ปราณปวิชรู้จักเพื่อนรักทั้งสองของตน

“กินอะไรกันหรือยัง พี่รีบออกมายังไมได้กินข้าวกลางวันเลย ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม” ปราณปวิชกล่าวชวน ความที่เขาพูดออกมาโดยไม่รู้ว่าชวนใคร ทั้งสามจึงมองหน้ากัน “ชวนทั้งสามคนน่ะแหละ พี่หิวจนไส้บิดแล้ว”

“ไปค่ะไป เมื่อกี้ชมบ่นว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่นที่พารากอนค่ะ เราไปกินกันที่นั่นดีไหมคะพี่ปราบ” รวิกาญน์เสนอโดยใช้พวงชมพูเป็นข้ออ้าง คนถูกอ้างหันมามองหน้าเพื่อนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะตอนนี้ท้องเธอร้องประท้วงหิว

“งั้นไปกันเลยนะ” เมื่อตกลงกันได้ ทั้งสี่จึงก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่ปราณปวิชจะเคลื่อนตัวจากจุดที่จอด ขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สถานที่ที่เลือกไปให้ท้องอิ่ม

....................

ปราณปวิชทำตัวเป็นสุภาพบุรุษและพ่อบุญทุ่ม เขาดูแลพวงชมพูกับเพื่อนอย่างดี นอกจากจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่า ของดีราคาแพง เช็คบิลแล้วเหงื่อตก แต่สำหรับเขาถือว่าเล็กน้อยมาก หลังจากอิ่มท้องปราณปวิชกับสามเพื่อนรักได้เดินออกจากร้าน ขณะเดินปราณปวิชจับกระเป๋าสะพายของพวงชมพูมาคล้องบ่าเสียเอง

“ชมถือได้ค่ะพี่ปราบ” พวงชมพูทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่าปราณปวิชจะทำเช่นนี้

“ไม่เป็นไร พี่อยากถือให้ กลัวชมจะหนักบ่า” คำพูดเป็นห่วงเป็นใยของปราณปวิช ทำให้พวงชมพูเอียงอาย รวิกาญน์กับวรเทพมองหน้ากันแล้วยิ้ม มีความคิดตรงกันว่า ปราณปวิชกำลังจีบเพื่อนของตน “ไปดูหนังกันดีกว่านะ วันนี้หนังใหม่เข้า”

“พี่ปราบไม่เข้าบริษัทหรือคะ” พวงชมพูเอ่ยถาม

“ไม่ล่ะ พี่อยากอยู่กับชมมากกว่า” ปราณปวิชทำให้พวงชมพูหน้าแดงก่ำ เขินหนักมาก “อีกอย่างพี่ไม่ได้ดูหนังนานแล้วด้วย วันนี้มีหนังใหม่เข้าเลยกะว่าจะเบี้ยวงานดูหนัง”

“ถ้าพี่ปราบอยากอยู่กับชม แต้วกับโจ๊กขอตัวกลับก่อนนะคะ” รวิกาญน์ไม่อยากเป็นส่วนเกิน

“อย่าคิดว่าแต้วกับโจ๊กเป็นส่วนเกินสิ พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ ถ้าคิดอย่างนั้นคงไม่ชวนแต้วกับโจ๊กมาหาอะไรกินด้วยจริงไหม” ปราณปวิชบอกเพื่อให้รวิกาญน์เข้าใจ “ไปกันหลายคนชมจะได้ไม่เขิน จะได้ชินกับการไปไหนมาไหนกับพี่ด้วย เพราะพี่คิดว่านับจากวันนี้พี่คงพาชมไปกิน ไปเที่ยว ไปไหนด้วยกันบ่อยๆ แน่ๆ”

ยิ่งปราณปวิชพูดและการกระทำก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า พวงชมพูเป็นคนสำคัญ

“ค่ะ ถ้างั้นก็ไปดูหนังกันค่ะ”

รวิกาญน์ไม่ปฏิเสธ ทั้งสี่จึงพากันเดินไปยังชั้นที่โรงภาพยนตร์ตั้งอยู่ หลังจากจัดการซื้อตั๋วเสร็จ พวกเขาและเธอเข้าไปดูภาพยนตร์ตามตั้งใจ

โรงภาพยนตร์ที่ปราณปวิชซื้อตั๋วดู เป็นโรงภาพยนตร์เบาะคู่ทั้งโรง ปราณปวิชนั่งกับพวงชมพู วรเทพนั่งกับรวิกาญน์ ขณะที่หนังกำลังฉาย ปราณปวิชหันมองหน้าพวงชมพูที่ตามองดูหน้าจอยักษ์ ก่อนหลุบมองมือเธอ

“ชม” ปราณปวิชเรียกพวงชมพูเบาๆ คนถูกเรียกหันมองหน้าคนพูด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะกล่าวคำใด ความตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อเขาดึงมือตนมากุมไว้ “พี่ขอจับมือหน่อยนะ แอร์เย็นมากเลยพี่หนาว พี่อยากได้ไออุ่นจากชม”

พวงชมพูตกใจและเขิน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายกุมมือ และเป็นผู้ชายที่ตนแอบพอใจอยู่เงียบๆ เธอจึงปล่อยให้เขากุมมือโดยง่าย ไม่ทักท้วงหรือดึงมือออก เกรงว่าชายตัวโตจะหนาวด้วย ทว่าปราณปวิชกลับคิดว่า พวงชมพูเป็นผู้หญิงใจง่าย ไม่ถือตัว ซึ่งก็เป็นเรื่องดีกับแผนการของตน...ที่ใกล้ความสำเร็จไปทุกขณะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel