ตอนที่ 3 เพราะเป็นเพื่อนไง ถึงกล้าพูด
ตอนที่ 3 เพราะเป็นเพื่อนไง ถึงกล้าพูด
ผับ LV
“หน้าบูดเป็นตูดลิงมาเลยนะมึง”
เฟิงเฮยมาถึงโต๊ะวีไอพีริมระเบียงชั้นสองของผับด้วยชุดเที่ยวกลางคืนเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนขาดเข่าตัวโปรด ก็ถูกเพื่อนสนิทอย่าง คิงมาเฟียใหญ่ในประเทศไทยเอ่ยแซวทันที เฟิงเฮยไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป กระแทกตัวนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยวอย่างรู้สึกเซ็ง ๆ
“ไม่ต้อง” ริมฝีปากหนาขยับปฏิเสธทันที เมื่อลีชังมาเฟียเซียงไฮ้เพื่อนสนิทอีกคน ยกมือขึ้นเรียกสาวสวยให้เข้ามาบริการอย่างรู้ใจ แต่กลับต้องยกเลิกแทน ลีชังหันไปมองสบตากับคิงอัตโนมัติด้วยความแปลกใจ หากเมื่อไหร่ที่เพื่อนสนิทมาเที่ยวผับเป็นต้องเรียกสาวสวยเข้ามาบริการทุกครั้งไป
“เฮ้ย! หิมะจะตกประเทศไทยหรือปะวะ วันนี้ไอ้เสือไม่รับผู้หญิงว่ะ” คิงอุทานขึ้นน้ำเสียงคึกคัก เฟิงเฮยเพียงตวัดสายตามองคิงเท่านั้น แล้วกระดกดื่มเหล้าราคาแพงที่สาวนมโตข้างกายลีชังยื่นมาเสิร์ฟคราเดียวหมดแก้ว
“เงียบผิดปกติ ทะเลาะกับเมียมาเหรอวะ?”
“เปล่า”
“วันนี้ดูมึงอารมณ์ไม่ดีเลยนะ?”
ปั่ก!
เฟิงเฮยกระแทกแก้วเปล่าที่เพิ่งดื่มเหล้าราคาแพงหมดไปวางบนโต๊ะกระจกตรงหน้าอย่างแรง บ่งบอกถึงอารมณ์คุกรุ่นที่อยู่ภายในใจได้เป็นอย่างดี ก่อนจะทิ้งตัวพิงหลังกับพนักพิงโซฟา…
“จินขอร้องกู แต่เอาจริง ๆ เป็นการขู่ซะมากกว่าว่ะ”
“เรื่อง?” คิงเลิกคิ้วขึ้นถาม เฟิงเฮยถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างไม่อยากเอ่ยถึงสักเท่าไหร่ แต่หากไม่พูดระบายออกไปคงอึดอัดใจตาย
“ห้ามให้กูยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนอีก ไม่อย่างนั้นจะเลิกกับกู ครั้งนี้ดูจะเอาจริงว่ะ แล้วกูก็ดันไปรับปากแล้วซะด้วยสิ!”
“ถ้ากูเป็นจินกูเลิกไปตั้งนานละ ไม่ทนอยู่กับผู้ชายเจ้าชู้อย่างมึงให้เสียเวลาชีวิตหรอก” ลีชังเอ่ยขึ้นอย่างซ้ำเติม
“เอ้า!ไอ้ห่า…มึงเพื่อนกูนะ ไหงไม่เข้าข้างกูวะ”
“เพราะเป็นเพื่อนไง กูถึงกล้าพูด! มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ไม่ควรยุ่งกับผู้หญิงที่ไม่ใช่เมียปะวะ”
“คนดีว่ะไอ้สัส!” คิงเอ่ยขึ้นน้ำเสียงขบขัน ทำราวกับว่าบทสนทนาของเพื่อนสนิททั้งสองเป็นเรื่องตลก ลีชังไหวไหล่อย่างน้อมรับคำชมจากเพื่อนสนิท แม้ว่าจะเป็นการประชดประชันก็ตาม ต่างจากเฟิงเฮยที่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“ถึงกูจะเจ้าชู้ยังไงแต่กูก็ยังจินคนเดียวไหมวะ ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่เล่น ๆ ไม่ได้มีความหมายอะไรกับกู”
“ก็จินไม่ได้คิดเหมือนมึงไง คราวนี้มึงก็ลองไตร่ตรองให้ดีแล้วกัน ถ้าไม่อยากเสียจินไป กูเตือนมึงแล้วนะ”
เฟิงเฮยถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ มือหนายกแก้วเหล้าราคาแพงขึ้นจิบพลาง ๆ ระหว่างสมองกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ด้วยนิสัยที่ชอบอะไรสวย ๆ งาม ๆ โดยเฉพาะผู้หญิง เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงพบเจอได้ค่อนข้างยาก หากเลิกสนใจได้ปานนี้คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอยู่อย่างนี้
….
คฤหาสน์ ซางเหลี่ยง
จุบ~
“อื้อ~” ชายหนุ่มใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ส่งเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อถูกรบกวนการนอนหลับ บนใบหน้าหล่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างนุ่ม ๆ แนบชิดลงมาตาม เปลืองตา หน้าผาก แก้ม ปลายสันจมูกโด่ง และ ริมฝีปากหยักได้รูป
“ตื่นได้แล้วค่ะ คุณสามีสุดหล่อ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยกระซิบข้างใบหู ทำให้ประสาทสัมผัสเฟิงเฮยกลับมาทำงานได้เป็นปกติอีกครั้งหลังจากถูกปลุกด้วยคนรัก คว้าเอวคอดกิ่วร่างเล็กเข้ามาประชิดกับลำตัวหนาเปลือยเปล่า
“จิน~” เฟิงเฮยกระชับกอดคนรัก น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยขานเรียก ขณะเปลือกตาหนาค่อย ๆ ปรือขึ้น เพื่อปรับโฟกัสการมองเห็น ก่อนที่จะมองเห็นใบหน้าน่ารักเต็มตา เธออยู่ในชุดเสื้อฮูดสีเทา กางเกงยีนขาสั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“เช่นกันครับคนสวย” เจ้าของใบหน้าหล่อแสดงความรักต่อผู้เป็นภรรยา ผงกศีรษะขึ้นจูบริมฝีปากนุ่ม เบา ๆ หนึ่งที
“ปล่อยแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ จินหิวข้าว”
“อาบน้ำด้วยกันไหม”
“ไม่เอาจินอาบแล้ว”
“อาบอีกรอบก็ได้หนิ นะจิน…นะครับ” จินหมี่หรี่ตามองจับผิดสามีที่กำลังรบเร้าเธอด้วยสีหน้าออดอ้อน ดวงตาคมฉายแววความเจ้าเล่ห์อยู่ในนั้นอย่างเปิดเผย
“เอาตรง ๆ อยากให้อาบด้วยหรือว่าอยากทำอะไรกันแน่?”
“อยากอาบด้วยอยากเอาด้วยตรงพอไหมครับคนสวย”
“เสียใจค่ะวันนี้ไม่ได้ เมนส์มา”
“…” ได้ยินอย่างนั้นเฟิงเฮยตีหน้าบึ้งทันที ถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่างรู้สึกเสียดายและเซ็งในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งปล่อยแขนออกจากเอวคอดกิ่วของจินหมี่แล้วดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ทนเอาหน่อยน่า~คุณสามี สามวันเท่านั้น” นิ้วเรียวจับปลายคางเจ้าของใบหน้าหล่อที่กำลังทำหน้าตาบูดบึ้งเขย่าไปมาอย่างหยอกเย้าปลอบใจ
“ฮึ ตามนั้น”
ฟอด~ว่าจบเฟิงเฮยหอมแก้มใสฟอดใหญ่ คนถูกหอมยิ้มเขินพลางลูปแก้มปอย ๆ
“ไปรอข้างล่างนะ เร็ว ๆ ล่ะ”
“ครับ”
เมื่อได้รับคำตอบจากสามีจินหมี่ก็ส่งยิ้มตาหยีทิ้งท้ายแล้วก้าวขาลงจากเตียง โดยมีสายตาเฟิงเฮยมองตามแผ่นหลังเล็กจนกระทั่งประตูห้องนอนปิดสนิท ถึงได้ระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างคิดไม่ตกกับเรื่องอะไรบางอย่าง
#เวลาต่อมา
แกรก
“แต่งหน้าไปไหนจิน” ประตูห้องนอนถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของเฟิงเฮย จินหมี่ที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกชำเลืองหางตามองแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบคำถาม…
“ยัยน้ำหนาวชวนไปคาเฟ่น่ะ”
“สองคน?”
“พี่ยูด้วย”
“ไอ้สัสนี่อีกล่ะ!” เฟิงเฮยพูดเสียงเบาพอให้ได้ยินคนเดียว ก่อนจะกระแทกตัวนั่งปลายเตียงสีหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก “งั้นเฟิงไปด้วยนะ ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”
“เดี๋ยวก็ชวนพี่ยูทะเลาะอีกหรอก
“ก็เฟิงไม่ชอบสายตาที่มันมองจินหนิ รู้ทั้งรู้ว่าจินมีผัวอยู่แล้ว! แต่ก็ยังคิดไม่ซื่อกับจิน”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่ยูคิดยังไงกับจิน?” จินหมี่หมุนเก้าอี้หันหน้าเข้าหาสามี
“ผู้ชายมองกันป๊าดเดียวก็รู้แล้วจิน จินก็น่าจะรู้หนิว่ามันไม่ได้คิดกับจินแค่รุ่นน้องคนหนึ่ง”
“ใช่รู้ แต่แล้วยังไง จะให้จินเลิกคบกับพี่ยูเพียงเพราะเหตุผลไร้สาระแบบนั้นจินทำไม่ได้หรอก พี่ยูไม่ได้ผิดอะไร” พูดจบจินหมี่ก็หมุนเก้าอี้กลับไปจดจ่อกับการแต่งหน้า เฟิงเฮยที่ไม่สามารถบังคับอะไรคนรักได้ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาฟึดฟัดอย่างหงุดหงิดเท่านั้น
“เอาเถอะ ยังไงเฟิงก็จะไปกับจินด้วย”
“งั้นก็ตามใจ สงบเสงี่ยมอย่าให้เกิดเรื่องล่ะ”
เฟิงเฮยเล่นหน้าเล่นตาล้อเลียนภรรยา แต่ต้องรีบดึงหน้ากลับมายิ้มแย้มรับทราบ เมื่อจินหมี่ผุดตัวลุกจากเก้าอี้หันมามองค้อน ๆ แล้วเดินไปยังห้องแต่งตัว ซึ่งตนก็รีบเดินตามหลังไปเพื่อเปลี่ยนชุด
@Garden café
เฟิงเฮยและจินหมี่สวมใส่ชุดคู่ เสื้อยืดสีขาวสกรีนรูปหัวใจหั่นครึ่ง หากยืนข้างกันรูปหัวใจก็สมบูรณ์แบบ ส่วนท่อนล่างกางเกงยีนขายาว
“จินยอมเฟิงแล้ว อย่าให้มีปัญหานะ รับปากแล้วต้องทำให้ได้” จินหมี่ชี้นิ้วย้ำกับเฟิงเฮยอีกครั้งอย่างคาดโทษ
เจ้าของใบหน้าหล่อก็พยักหน้ารับอย่างมั่นใจ ก่อนจะคว้ามือเล็กมาประสานเพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จากนั้นก็เดินเข้าร้านกาแฟในสวนพร้อมกัน บรรยากาศรอบ ๆ ร่มรื่น สบายตา น่านั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือ มีทั้งดอกไม้และต้นไม้ขนาดไม่สูงใหญ่มากรายรอบ