บท
ตั้งค่า

5

5

“ค่ะ ฉันอาศัยอยู่ที่ไตรสุรเดช บ้านหลังสุดซอยโน้นค่ะ”

เธอกล้าพูดกับเขามากขึ้น เมื่อดูท่าแล้วเขาไม่ใช่คนร้ายที่จะทำอันตรายเธอ แม้ใบหน้าจะดูเหี้ยมๆ แววตาจะดุดัน แต่เธอสัมผัสถึงความห่วงใยจากเขาได้

“เจ็บมากไหม”

มือใหญ่เอื้อมไปจับใบหน้าเธออย่างอ่อนโยน เธอคงเจ็บมากเพราะก่อนหน้านี้ก็โดนทุบตีทำร้ายมาจากบ้านแล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดทันที่ได้เห็นสายตาเอื้ออาทรนั้น ทั้งยังน้ำเสียงห่วงใย และมืออุ่นที่สัมผัสผิวหน้าของเธอ

“เป็นคนใช้ที่นั่นเหรอ”

เขาหยั่งเชิงถาม พิณทิราพยักหน้าเบาๆ เธอไม่กล้าบอกใครๆ หรอกว่าเป็นหลานสาวเจ้าของบ้าน

“จะไปซื้อส้มตำหรือเปล่าล่ะ เดี๋ยวฉันเดินไปเป็นเพื่อน”

พิณทิรามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย เขาจึงรีบพูด

“ถ้าเกิดพวกมันกลับมาอีกจะทำยังไง เธอจะสู้พวกมันได้เหรอ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ถ้าฉันไปด้วย ฉันจะปกป้องดูแลเธอเอง”

คำพูดของเขาทำให้พิณทิราอบอุ่นใจยิ่งนัก

“ขอบคุณค่ะ คุณไม่ใช่คนแถวนี้นี่คะ เอ่อ... หมายถึงคุณมาทำธุระแถวนี้เหรอคะ”

“ใช่ ฉันมาหาเพื่อนน่ะ แล้วเธอซื้อส้มตำไปให้ใครล่ะ หรือซื้อไปกินเอง”

เขาชวนสนทนา ลอบมองหญิงสาวด้วยความพึงพอใจ ขณะเดินเคียงข้างไปยังร้านส้มตำหน้าปากซอย

“ฉันซื้อไปให้คุณวิน่ะค่ะ เธอเป็นลูกสาวเจ้าของบ้าน”

สิงหรัตน์พยักหน้ารับรู้ คิดไว้ไม่มีผิด หญิงสาวร้ายกาจคนนั้นเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขา แค่คิดก็สะอิดสะเอียน ขยะแขยงผู้หญิงเจ้าอารมณ์คนนั้นเหลือเกิน แต่ถ้าเป็นหญิงสาวที่เดินอยู่ใกล้ๆ นี่สิ เขากลับรู้สึกถูกชะตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

... แม้เธอจะเป็นเพียงคนรับใช้ แต่เขาไม่ได้มองคนแค่ฐานะ จิตใจคนสำคัญกว่าการปรุงแต่งภายนอก

ถ้าจะมีภรรยาสักคน เขาต้องพิสูจน์ว่าพวกเธอรักเขาจริง ไม่ใช่ต้องการเพียงเงินทองของเขาเท่านั้น ต้องอยู่ร่วมกันดูแลกันจนแก่เฒ่า ไม่ใช่หม้อข้าวไม่ทันดำก็เลิกรากันไป

เขาไม่อยากให้ชีวิตครอบครัวมีปัญหาเพราะมีพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง น้อยนักที่เด็กๆ เหล่านั้นจะได้รับความอบอุ่นแท้จริงจากคนที่ไม่ใช่บุพการี

... เขาเป็นหนึ่งในจำนวนคนโชคดีคนนั้นที่มีแม่เลี้ยงใจดีรักและดูแลเขาเหมือนลูกในไส้

“ชื่ออะไรล่ะ คุยกันตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อเลย”

“ชื่อพิณทิราค่ะ คุณเรียกฉันว่าพิณก็ได้ค่ะ”

พิณทิรายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่คิดรังเกียจรูปลักษณ์ภายนอกของเขา

“ชื่อเพราะดี” เขาเอ่ยชม

“ฉันชื่อสิงห์”

เขาแนะนำตัวเองก่อนถึงร้านส้มตำไก่ย่างหน้าปากซอย

“พิณขอบคุณคุณสิงห์อีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้คุณคงแย่แน่”

พิณทิราขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้งใจ หน้าสลดชั่ววูบก็จางหายไป เธอคิดว่าหากเขาไม่เผอิญผ่านมาแถวนี้เธออาจโดนทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต

“เรียกพี่สิงห์ก็ได้ ส้มตำไก่ย่างร้านนี้อร่อยเหรอ เจ้านายถึงใช้ให้มาซื้อ” เขาเอ่ยถามมองสภาพแวดล้อมของร้านอย่างสำรวจตรวจตรา

“ค่ะ อร่อยมาก เค้าทำสะอาดด้วยค่ะ”

หญิงสาวรีบพยักหน้ายิ้มให้อีกฝ่าย

“พี่เริ่มหิวแล้วสิ ยังไม่ได้ทานอะไรเลย”

สิงหรัตน์ลูบท้องไปมา ทำหน้าตาน่าสงสาร มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“งั้นพิณเลี้ยงตอบแทนพี่สิงห์นะคะ แต่อุ๊ย!!! ตายจริงพิณไม่ได้พกเงินมา มีแค่เงินทอนไม่กี่สิบบาท ทำไงดี แล้วต้องซื้อส้มตำไปให้คุณวิอีก”

พิณทิราล่วงกระเป๋านำเศษเงินออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย หญิงสาวบิดมือไปมา สายตามองแค่ปลายเท้า ไม่กล้าเงยหน้ามองอีกฝ่าย ได้แต่ก้มหน้าด้วยความอายที่เอ่ยปากจะเลี้ยงตอบแทนเขา แต่กลับไม่มีเงินพอ

“มานั่งสิ ถือว่าพี่เลี้ยงแล้วกัน อยากให้พิณนั่งทานเป็นเพื่อน พี่ไม่อยากนั่งคนเดียว”

เขาแก้สถานการณ์ให้เธอรู้สึกดีขึ้น พิณทิราสัมผัสได้ในความเอื้ออาทรนั้น มือใหญ่แสนอบอุ่นกอบกุมมือน้อยเอาไว้แล้วดึงไปนั่งเก้าอี้ที่ทางร้านจัดให้

พิณทิราดึงมือออกด้วยความขัดเขิน ก้มหน้างุดเมื่อโดนสัมผัสจากชายหนุ่ม สิงหรัตน์มองความน่ารักของอีกฝ่ายยิ้มๆ แต่ไม่พูดอันใด

“วันหลังค่อยเลี้ยงพี่ก็ได้ ส่วนไก่ย่างส้มตำของเจ้านายพิณก็สั่งได้ตามสบายพี่จ่ายให้เอง แล้วไม่ต้องบอกว่าเกรงใจอีก เพราะพิณก็อุตส่าห์นั่งทานเป็นเพื่อนพี่”

สิงหรัตน์ดักคอเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว เขารู้ว่าเธอเกรงใจ แต่เขามีวิธีพูดให้เธอไม่ขัดเขินหรือกระดากอายไปมากกว่านี้

“แต่พิณเกรงใจจังเลยค่ะ”

“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย งถ้าเกรงใจ พิณตอบแทนน้ำใจพี่สิ”

“คะ?”

เธออย่างไม่เข้าใจ ตะแคงหน้ามองอีกฝ่าย กิริยาน่ารักนั้นทำให้สิงหรัตน์อมยิ้ม

“เล่าเรื่องพิณให้พี่ฟังบ้างสิ เพื่อเพิ่มบรรยากาศในการทานของเรา พี่จะได้ไม่เบื่อ นี่ถือว่าเป็นการตอบแทนพี่แล้วกัน”

เขาหาทางออกให้อย่างน่ารัก ชายหนุ่มหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มอย่างชื่นใจ มองหน้าหญิงสาวเพื่อรอฟัง

“เอ่อ... เรื่องของพิณเหรอคะ” เธอถามด้วยความไม่แน่ใจ

“ใช่”

เขาพยักหน้า แม้พิณทิราจะไม่เข้าใจว่าเขาต้องการรู้เรื่องของเธอไปทำไม แต่เธอก็ยินดีเล่า อย่างน้อยเป็นการตอบแทนเขาบ้างอย่างที่เขาว่า

สิงหรัตน์ทานข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่างด้วยความเอร็ดอร่อย เขาฟังหญิงสาวเล่าไปเรื่อยๆ โดยชี้ชวนให้เธอทานไปพร้อมๆ กับเขา

“เสียใจด้วยนะเรื่องแม่ของพิณ แต่ก็เก่งนะ เรียนหนังสือจะจบปริญญาตรีแล้ว” เขาเอ่ยชม

“ค่ะ แล้วพี่สิงห์ล่ะคะ บอกว่ามาหาเพื่อนเจอหรือยังคะ”

เธอรีบถามเผื่อเขามีอะไรให้เธอช่วยเหลือบ้าง

“พี่ได้เจอเพื่อนแล้ว”

“พี่เป็นคนที่ไหนเหรอคะ”

“พี่เป็นคนงานอยู่ทางปักษ์ใต้น่ะ ตามนายหัวเข้ามาทำธุระในกรุงเทพ”

สิงหรัตน์ตอบเสียงเรียบ ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องตัวเองมากนัก แต่เขาสนใจเรื่องหญิงสาวตรงหน้ามากกว่า

“ทำไมแม่ถึงตั้งชื่อว่าพิณทิราล่ะ”

“มีคนถามพิณบ่อยเหมือนกันค่ะ เค้าบอกว่าชื่อแปลกดี แม่บอกว่าอยากให้พิณทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยนค่ะ เลยตั้งชื่อพิณแบบนี้” เธอตอบด้วยความภูมิใจเมื่อนึกถึงมารดา

“อ่อนโยนได้ แต่อย่าอ่อนแอ ให้คนอื่นรังแก”

“คะ?” เธอมองหน้าเขาอย่างสงสัย เหมือนเขารับรู้อะไรที่เกี่ยวกับเธอ

“ไม่มีอะไรหรอก ทานสิ อร่อยๆ จริงอย่างที่พิณว่านั่นแหละ เดี๋ยวทานเสร็จแล้วจะเดินไปส่ง”

พิณทิราทานข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำกับชายหนุ่มด้วยความหิว วันนี้เธอทำงานบ้านตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากน้ำก๊อกข้างบ้านที่เธอแอบดื่มไม่ให้กานดาและวิธาดาได้เห็น

สิงหรัตน์ลอบมองหญิงสาวนิ่ง เขากำลังคิดอะไรหลายอย่างในหัว โดยเฉพาเรื่องว่าที่ “เจ้าสาว” สมองอันชาญฉลาดของนายหัวหนุ่มผุดพรายความคิดหนึ่งขึ้นมา สายตาสีสนิมมองหญิงสาวไม่วาง ก่อนพิงหลังกับเก้าอี้ของร้าน ยกมือขึ้นกอดอก พร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก

“ขอบคุณมากค่ะ พี่สิงห์รอเดี๋ยวนะคะ พิณจะไปหยิบเงินค่าส้มตำมาให้”

พิณทิราไหว้ชายหนุ่มหน้าโหดที่อุตส่าห์เดินมาส่งเธอถึงหน้าบ้าน นึกได้ว่าเธอควรไปหยิบเงินมาให้เขา เพราะเท่านี้เธอก็ติดหนี้บุญคุณเขาจะแย่

“ไม่เป็นไร ขอเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม”

สิงหรัตน์เอ่ยขอตรงๆ หลุบตามองริมฝีปากจิ้มลิ้มเพียงครู่ ก่อนเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย

“คะ?”

หญิงสาวมองตอบด้วยความงุนงง และโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว เขารั้งร่างอรชรเข้าหา พิณทิราตาโตอ้าปากทำท่าจะร้อง เขาประกบริมฝีปากหยักหนาลงมาจุมพิตอย่างดูดดื่ม มือน้อยรัวกำปั้นใส่ไม่ยั้ง แต่มิอาจต้านแรงกำลังอีกฝ่ายได้

“ขอมัดจำไว้ก่อนนะ แม่ขนมหวาน”

สิงหรัตน์กระซิบบอกเมื่อถอนริมฝีปากออกห่างอย่างอ้อยอิ่งด้วยความเสียดาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel