บทที่ 3/5
เมื่อมาถึงภูเก็ต ชายหนุ่มก็ส่งข้อความผ่านทางไลน์ไปบอกศศินา ไม่เลือกโทรเพราะรู้ว่าหญิงสาวกำลังอยู่ในงานสัมมนา เมื่อมาถึงห้องสิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำคือ หยิบขวดน้ำหอมกลิ่นประจำตัวเมีย ฉีดไปทั่วที่นอน หลังจากฉีดเสร็จ ก็ดมกลิ่นนั้นอย่างชื่นใจ คงนอนหลับได้ในคืนนี้ คนติดกลิ่นเมียคิดในใจ
เมื่อเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ลงไปที่กองถ่ายที่กำลังเตรียมงานกันอย่างขมักเขม้น นางเอกสาวกำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวที่พามาด้วย ลงรองพื้นแบบ make up no make up อยู่ริมสระด้านหนึ่ง รู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋า จึงหยิบขึ้นมาดู เป็นสายเรียกเข้าของศศินา ชายหนุ่มกดรับพร้อมรายงานตัว
“กำลังดูความเรียบร้อยของกองถ่ายอยู่ครับ”
รีบรายงานเอาหน้ากับเมีย เมียสั่งให้มาทำงาน ก็ต้องตั้งใจทำงาน เขามันเป็นผัวที่อยู่ในโอวาท
“ตั้งใจทำงาน ดีมากค่ะ”
เมียชมก็มีกำลังใจ ที่จะลุยงานเต็มที่
“พักเบรคเหรอ ไม่กล้าโทรไปเพราะไม่รู้ตารางเวลา”
“ใช่พักเบรค นี่ถ้าไม่มางานนี้ เสียดายแย่เลย ฉันได้ไอเดียดีดีเยอะเลยที่จะไปทำแคมเปญทางการตลาดในปีหน้า”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นี่ล่ะเมียเขา ขยันทำงานจนเกินค่าจ้าง ที่ธุรกิจเติบโตมาได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเลยเป็นเพราะศศินาเป็นแบบนี้ ทุ่มเทให้การทำงานสุดๆ
“เจอน้ำหวานหรือยัง”
“เจอแล้ว นั่งเครื่องมาด้วยกัน”
“อืม ดูแลเขาดีดีล่ะ เขาอุตสาห์เลือกบริษัทเรา นี่วันนี้เจอคุณตินห์ด้วยนะ”
ศศินาเอ่ยถึงติณห์ พิริยะกุล ผู้บริหารของพิริยะประกันชีวิต
“เหรอเป็นไงบ้าง ได้คุยกันไหม นี่เขารู้หรือยังว่าน้ำหวานเลือกสยามพาณิชย์ประกันภัย”
“ต้องรู้แล้วสิ คุณบีต้องไปปฏิเสธอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้คุยกัน แค่ทักกันเฉยๆ ”
หญิงสาวตอบพร้อมมองเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในบทสนทนา เดินเข้ามาหาพอดี
“พูดถึงก็เจอเลย เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ คุยกับเขาก่อน”
หญิงสาววางสาย พร้อมหันมาส่งยิ้มทางธุรกิจให้กับติณห์ พิริยะกุล
“สวัสดีครับคุณนา เมื่อเช้ายังไม่ได้คุยกันเลย นี่มาคนเดียวเหรอครับ คุณพีทมาด้วยไหม”
ติณห์ พิริยะกุล เป็นชายหนุ่มวัยสามสิบห้าที่หน้าตาดี เขาดูภูมิฐาน และอบอุ่น ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มจริงใจมาให้หญิงสาว ถ้าใครจะคิดว่าการเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน แล้วต้องมาร้ายใส่กันแบบในละคร คงใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง
เพราะติณห์ พิริยะกุล เป็นชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มจริงใจส่งมาให้เสมอ
“คุณพีทไม่ได้มาค่ะ ไปดูกองถ่ายโฆษณาที่ต่างจังหวัดค่ะ”
หญิงสาวส่งยิ้มจริงใจตอบกลับไป
“เฮ้อเสียดายจริงๆ ที่น้ำหวานไม่เลือกพิริยะ เราใจตรงกันเลยนะครับ”
ชายหนุ่มเย้าอย่างอารมณ์ดี
“แหม แต่ได้ข่าวว่า พรีเซนเตอร์คนใหม่ของพิริยะก็ได้นิด ชนิดา นางเอกร้อยล้านมาแทนใช่ไหมคะ สงสัยโฆษณาตัวนี้ออก ยอดขายประกันชีวิตของพิริยะคงพุ่งไปแบบดับเบิ้ลดิจิต”
“ข่าวคุณนาไวเสมอเลยนะครับ สนใจย้ายมาทำงาน ทางฝั่งพิริยะบ้างไหมครับ ผมมีตำแหน่งGMรอคุณนาอยู่ ให้เป็นสองเท่าของที่สยามพาณิชย์ให้เลยครับ”
“โอ้ว คุณติณห์คะ ให้เกียรตินาเกินไปแล้ว นาความสามารถไม่ถึงหรอกค่ะ ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ”
หญิงสาวปฏิเสธไปอย่างสุภาพ และถ่อมตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ติณห์ทาบทามเธอแบบนี้ เขามักจะแหย่แบบนี้เสมอเมื่อเจอกัน และไม่ใช่แค่ติณห์ที่ทาบทามเธอ บริษัทอื่นๆ ก็ให้ เฮดฮันเตอร์เพียรส่งข้อเสนอมาที่เธออยู่เนืองๆ ถ้าเธอเห็นแก่ผลประโยชน์ เธอคงไปตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำอยู่มันไม่ใช่ผลประโยชน์ไง แต่มันคือหัวใจล้วนๆ
“คุณนาถ่อมตัวมากเกินไปครับ คนในวงการเขารู้ว่าที่สยามพาณิชย์โตวันโตคืนได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้คนฝีมือดีแบบคุณนามานั่งบริหาร ผมเชื่อว่าคงไม่ใช่แค่พิริยะเจ้าเดียวที่ทาบทาม น่าจะมีอีกหลายเจ้าที่ยื่นข้อเสนอให้คุณนา”
ติณห์พูดอย่างคนที่รู้จริง เขาไม่แน่ใจว่า สยามพาณิชย์ให้อะไรกับเธอ รู้แต่เพียงว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทกับภัทรพล ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง แต่ในใจลึกๆ เขาคิดว่าคงมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่ก็ไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่นัก
“นามีความลับจะบอกค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยพร้อมทำท่าทีว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก
ชายหนุ่มฟังอย่างตั้งใจ
“จริงๆ นาไม่ได้อยากมาบริหารงานแบบนี้หรอกค่ะ นาอยากเป็นปาตีซีเย”
ศศินาเอ่ยถึงอาชีพ Patissier หรือเชฟทำขนมหวาน
“ห๊า คุณนาชอบทำขนมเหรอครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างแปลกใจ
“ดูไม่ให้เลยใช่ไหมคะ”
หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี นี่ความลับของเธอเลยนะ ไม่เคยมีใครรู้เลยแม้แต่ภัทรพล
“เปล่าครับผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่ผมแค่ประหลาดใจว่าขนาดคุณนามีความฝันอยากเป็นเชฟขนมหวาน ยังสามารถทำการตลาดจนสยามพาณิชย์ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี นี่ถ้ามีความฝันด้านการบริหาร พิริยะคงตกที่นั่งลำบาก”
ติณห์เย้ากลับอย่างคนอารมณ์ดีเช่นกัน
“หลวมตัว เข้ามาน่ะค่ะ เลยต้องอยู่ยาว”
เธอแอบละคำว่าหลวมใจในประโยคเอาไว้
“โชคดีของวงการประกันนะครับที่ได้คนเก่งมีความสามารถมาทำงาน เราเลยมีคนคุณภาพในวงการเพิ่มขึ้น แต่น่าเสียดายแทนวงการขนมหวาน ที่ขาดปาตีซีเย มากความสามารถไป”
“แหมพูดแล้วจะหาว่าคุย นาน่ะโตมากับเครื่องนวดแป้งเลยนะคะ แม่นาทำเบเกอรี่ขายเลี้ยงนามาตั้งแต่เกิด นาช่วยแม่นวดแป้งตั้งแต่จำความได้เลยค่ะ”
หญิงสาวพูดอย่างคิดถึงมารดา
“คุณแม่ยังทำอยู่ไหมคะ ถ้ามีโอกาสผมอยากจะชิมบ้าง”
“แม่นาเสียไปนานแล้วล่ะค่ะ”
ศศินาพูดด้วยสีหน้าปกติ แต่ติณห์สังเกตเห็นแววตาแสนเศร้าในแวบเดียว แวบเดียวจริงๆ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความเข้มแข็ง
“ผมขอโทษด้วยครับ และเสียใจด้วยจริงๆ”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุยกับคุณติณห์แล้วทำให้นาได้มีโอกาสคิดถึงความฝัน คงต้องหาโอกาสรื้อวิชาที่แม่ให้มาหน่อย เชื่อไหมคะ ว่าตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย นาไม่เคยได้นวดแป้งทำขนมอีกเลย สงสัยคงต้องหาเวลาทำในสิ่งที่รักบ้างแล้ว”
“ถ้าคุณนาอยากทำตามความฝันเมื่อไหร่ปรึกษาผมได้เลยนะครับ น้องสาวผมจบหลักสูตรPastry Chef มาจากฝรั่งเศส ตอนนี้ก็เปิดร้านอยู่ที่ใต้ตึกพิริยะครับ ว่างๆ ลองไปชิมได้นะครับ”
“โอ้ นาเล่าความฝันให้ฟังถูกคนจริงๆ นาต้องหาโอกาสไปชิมแน่ๆ ค่ะ”
ทั้งสองคนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปอีกเล็กน้อย ก็แยกย้ายกันไปสัมมนาต่อ
ติณห์ รู้สึกประทับใจในตัวของศศินามาก โดยปกติเจอกันตามงาน ก็ได้ทักทายกันเล็กน้อย วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกันเรื่องอื่น ก็ค้นพบว่าหญิงสาวมีความเป็นธรรมชาติสูง คุยด้วยแล้วสบายใจ และมีความอบอุ่นจริงใจมอบให้กับคนรอบข้างที่เขาสัมผัสได้ เขาประทับใจในตัวศศินา อยากได้เธอมาทำงานด้วย และถ้ามีโอกาสได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ก็คงดี โชคดีมากที่วันนี้เขาตัดสินใจมางานนี้แทนผู้จัดการฝ่ายการตลาดของพิริยะ ทำให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับหญิงสาว
‘ทำยังไงจะได้รู้จักมากกว่านี้น้า’