บทที่ 1/4
นางสาวศศินา เก่งการค้า เด็กสาวต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพ
ด้วยทุนเรียนดีจากมหาวิทยาลัยเอกชน ชื่อดังของประเทศ
มหาวิทยาลัยที่มีแต่ลูกคหบดี
เธอเหมือนแกะดำในฝูงแกะขาว เป็นเหมือนตัวแปลกแยกในสังคม
เด็กสาวบ้านนอกผู้รักการเรียน แต่งตัวเชยๆ หน้าตาธรรมดา
นอกเหนือจากมันสมองระดับหัวกะทิ
ก็มีเพียงผิวขาวและรูปร่างสมส่วน ที่พอจะเป็นความภูมิใจในชีวิตได้บ้าง
เพื่อนสนิทที่มีเพียงคนเดียวของเธอคือเขา ผู้ที่ไม่เคยรังเกียจเธอเลย
แม้เธอกับเขาจะมีพื้นฐานทางครอบครัวที่ต่างกัน
พอเข้ามาเรียนในกรุงเทพได้แค่ปีเดียว แม่ผู้ที่เป็นครอบครัวคนสุดท้ายของเธอ
ก็จากไปอย่างกระทันหันด้วยอุบัติเหตุ ศศินาจึงเหมือนคนตัวคนเดียวบนโลกใบนี้
ในวันที่ร้องให้ หมดแรงไม่มีกำลังใจที่จะเรียนต่อ เพราะไม่รู้จะทำไปเพื่อใคร
ชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาเป็นครอบครัวของเธอตั้งแต่วันนั้น
“ฉันจะเป็นครอบครัวให้แกเอง”
ชายหนุ่มโอบกอดเธอไว้ ด้วยวงแขนกว้าง ที่เป็นเหมือนความอบอุ่นเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต
นอกจากการเป็นครอบครัว ภัทรพลก็เป็นกระเป๋าเงินให้เธอ แม้เธอจะเป็นนักเรียนทุน
แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุนที่ได้รับ ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวหลายๆ อย่างในชีวิต
ตอนปีหนึ่งภัทรพลจ้างเธอทำรายงาน จดเลคเชอร์ ติวหนังสือ
หากภัทรพลคือกระเป๋าเงินของเธอ เธอก็เป็นมันสมองของเขา
จุดเริ่มต้นของทั้งคู่คือการเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ เพื่อนสนิทต่างเพศ
ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ศศินาไม่ต้องไปทำงานพิเศษตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต
นอกเวลาเรียนเหมือนที่ผ่านมา เพราะภัทรพลมักจะหางานโน้นนี่นั่น มาให้หญิงสาวทำเสมอ
ศศินารู้ดีว่า ภัทรพลกำลังช่วยเธออยู่ เพราะไม่อยากให้หญิงสาวต้องทำงานหนัก
ชายหนุ่มจึงมีงานพิเศษมาไหว้วานเธออยู่เนืองๆ
ภัทรพลเป็นคนหัวดีแต่ขี้เกียจ หลายครั้งเป็นการทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบิดา
ชีวิตของภัทรพลตั้งแต่มีศศินา ก็อยู่ในระเบียบมากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้พ่อของภัทรพลผู้ที่ทุ่มเทชีวิตให้กับงาน
คลายใจลงได้บ้างเมื่อชีวิตของเขามีศศินาเข้ามาดูแล
“นา แกก็รู้ ว่าคนอื่นเป็นแค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวของผู้ชายมักมากอย่างฉัน
แต่แกก็รู้ดีนี่ ว่า ฉันไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาอยู่ในจุดเดียวกับแกเลยสักคน”
ใช่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ข้างกายเขา
“แต่พีท....”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดต่อ ชายหนุ่มก็อุ้มหญิงสาวมาวางบนโต๊ะ
พร้อมจัดการกระชากแพนตี้ตัวน้อยออกมาจากเรียวขาขาวผ่องในทันที
"ไม่ต้องพูดแล้วเสียเวลาเอา"