ยังไงเพื่อนกัน (มัน) ดีอยู่แล้ว 3
“เออ ก็อาจจะใช่ วันหนึ่งเก้าอาจมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ไม่มีวันหวนกลับไปหาพี่แล้วกัน เออ วันหลัง เจอกันอย่ามาทักนะ อย่าหาว่าเก้าไม่เตือน!” ฉันทำเสียงดุตอนทิ้งท้ายคำพูด จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในร้านตามเดิม
“มันว่าไง”
พอทิ้งตัวบนเก้าอี้ไอ้ตรีก็ถามทันที สีหน้ามันดูอยากรู้มาก
“มันถามกูว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย” ฉันบอกออกไปตรงๆ
“แล้วมึงจะกลับมั้ยล่ะ”
“กลับกับพ่องมันสิ ทำกับกูขนาดนั้น” บอกเลิกกันตรงๆ มันก็ยังดีกว่าแอบกิ๊กกับผู้หญิงอื่น ถ้าไม่บังเอิญเจอเซอร์ไพรส์วันนั้น ฉันคงถูกไอ้พี่บิ๊กหลอกไปถึงไหนก็ไม่รู้
“อือ มึงยังรักพี่มันอยู่มั้ย”
“ถามบ้าอะไรของมึง”
“ก็ดูมึงเหมือนโกรธพี่มันไม่เลิกไง”
“กูโกรธไม่เลิก เพราะมันมาตอแยนี่แหละ เลิกกันไปแล้ว ก็จบไม่สวยขนาดนี้ มันยังมีหน้ามาทัก มาถามว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย มึงจะไม่ให้กูโมโหเหรอวะ” ฉันเริ่มฉุนที่ไอ้ตรีมันมาสงสัยว่าฉันจะยังรักไอ้พี่บิ๊กอยู่หรือเปล่า
“อือ โอเค กลับกันเถอะ” มันพูดแค่นั้น แล้วเดินไปเช็คบิล
เมื่อกลับถึงห้อง ฉันก็ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอน ปกติชุดนอนของฉัน คือกางเกงบ็อกเซอร์และเสื้อกล้าม เสื้อแขนกุดบ้าง แต่วันนี้ฉันรู้สึกว่าไม่ควรแต่งตัวแบบนั้น จึงหยิบกางเกงขายาวแบบผ้าฝ้ายสบายๆ กับเสื้อยืดตัวหลวมสีทึบ เพราะฉันถอดเสื้อชั้นในแล้ว ตอนนี้ยังไม่ง่วง จึงอยากดูซีรีส์ในเน็ตฟลิกซ์สักเรื่องก่อนนอน
แต่ไม่ลืมจัดกระเป๋าสำหรับการเดินทางพรุ่งนี้
เมื่อกลับออกมายังห้องนั่งเล่นก็เห็นไอ้ตรีกำลังคุยโทรศัพท์ นอกระเบียงสีหน้าดูเครียดๆ และมันก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนของมันแล้ว นั่นคือกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว
ฉันเปิดทีวีแล้วเอนตัวลงนอนเพื่อจะดูซีรีส์ที่ดูค้างไว้ ผ่านไปไม่กี่นาทีไอ้ตรีก็เดินมานอนเอนตัวลงข้างๆ แล้วพึมพำ
“ใส่ชุดไรของมึง”
“เอ่อ เรื่องของกู”
“อย่าบอกว่ามึงจะใส่ชุดนี้นอนนะ”
“เรื่องของกู”
“มึงทำแบบนี้ ยิ่งจะทำให้กูคิดนะ”
“คิดอะไรของมึง” ฉันละสายตาจากจอทีวีหันมาทางมัน เห็นหน้าหล่อๆ นั้นยิ้มมุมปาก แล้วพูดเสียงเนิบๆ
“มึงทำตัวไม่ปกติ ทั้งที่บอกให้กูลืมเรื่องวันก่อน แต่ดูมึงสิ ทำตัวไม่ปกติทั้งวัน”
“ทั้งวันอะไรของมึง”
“มีคนมารุมล้อมถ่ายรูป แต๊ะอั๋งกู มึงก็ไม่เข้ามาช่วย เปลี่ยนชุดนอนจากบ็อกเซอร์ เสื้อกล้ามเป็นขายาวกับเสื้อตัวใหญ่ แถมตอนอยู่ที่สระ มึงมองกูแล้วหน้าแดงอีก”
มันจาระไนมาครบเลย ซึ่งมันทำให้ฉันเถียงมันไม่ได้จริงๆ
“กู...ไม่รู้สิ” ไม่รู้จริงๆ ในตอนนี้ว่าจะตอบมันว่าอะไร เพราะฉันเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองดีนัก
“มึงตอบไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะกูก็ไม่อยากได้คำตอบ แต่แค่รู้สึกว่ามึงน่ะทำตัวไม่เหมือนเดิม ทั้งที่บอกให้กูลืมเรื่องคืนนั้น”
“แล้วมึงลืมมันได้เลยหรือไงวะ!” ฉันเริ่มโมโหกับความย้ำพูดย้ำให้ฉันคิดถึงเรื่องคืนก่อน
“ก็...”
มันเป็นฝ่ายพูดไม่ออกบ้างแล้ว
“ก็นั้นแหละ มันคงต้องใช้เวลาไง แถมมึงก็ไม่ปล่อยให้กูได้อยู่คนเดียวเลย”
“อยู่คนเดียวยิ่งฟุ้งซ่าน คิดเยอะ อยู่ด้วยกันนี่แหละ ดีแล้ว”
“ดีกับผีน่ะสิ” ฉันพูดขณะเหลือบมองเจ้านกเหยี่ยวกางปีกบนท่อนขามัน แถมยังเผลอมองสิงโตบนแผงอกของมันด้วย
ทำไมยิ่งมอง ยิ่งให้ความรู้สึกแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียจริงๆ คืนนั้นมันหลอกหลอนอยู่เรื่อย
“เรามานอนกันอีกมั้ย” จู่ๆ มันก็ชวนดื้อๆ ทำฉันอึ้ง แล้วผุดลุกขึ้นนั่ง
“มึงอยากตายใช่มั้ยไอ้ตรี!” ฉันยกกำปั้นขึ้นหวังจะชกหน้าหล่อๆ ของมัน แต่มันดันคว้าไว้แล้วรั้งฉันเข้าไปใกล้ ใกล้จนหน้าเราชิด กายก็เบียดกัน
“มึงรู้สึกใช่มั้ย ระหว่างเรามันอาจไม่จบง่ายๆ”
“มันต้องจบ เพราะมึงกับกูเป็นเพื่อนกัน และที่สำคัญกูมีน้องรินแล้ว”
“มึงคิดว่าจะเป็นแฟนน้องรินได้ตลอดไปเหรอ มึงสามารถทำเรื่องแบบนั้นกับน้องรินได้เหรอ”
นึกแล้วอยากตบปากตัวเองที่เคยเผลอเล่าเรื่องที่ฉันยังไม่สามารถมีเซ็กซ์กับน้องรินได้ ทั้งที่น้องรินก็เปิดโอกาสและบางครั้งก็เอ่ยชวนตรงๆ แต่พอฉันเริ่ม มันก็ไปได้แค่จูบเท่านั้น
“ในอนาคตกูอาจทำได้”
“งั้นก็ตามใจมึงเหอะ” มันพูดแล้วปล่อยฉันเป็นอิสระ
“แล้วมึงเป็นไร จู่ๆ มาชวนกูทำแบบนั้นอีก”
“ก็ไม่มีอะไร ถ้ามึงต้องการ กูก็พร้อมไง”
“มึงหาว่ากูเงี่ยนเหรอ”
มันหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของฉัน แล้วเอ่ยตอบ
“มึงก็ใช้คำพูดนะ แต่นั่นแหละ มึงก็เงี่ยนได้นี่ ผิดอะไรล่ะ ในเมื่อเป็นคน มันเป็นเรื่องธรรมชาติเปล่าวะ ซีเรียสทำไม”
“มันซีเรียสตรงมึงเป็นเพื่อนนี่แหละโว้ย”
“เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมั้ย”
“มึงอย่าบอกให้กูเป็นแฟนนะ เพราะมึงก็รู้การเป็นแฟนกันมันง่ายมาก แต่มันยากที่จะอยู่ในสถานภาพนั้นได้ตลอดไป รักๆ เลิกๆ มันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่เหมือนเพื่อนนะ ถ้าไม่ทำอะไรเหี้ยต่อกันเกินรับไหว เราก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไปได้”
“บางทีเราอาจคบกันได้ตลอดไปก็ได้” มันพึมพำ
“ตลอดไปสำหรับความรักแบบอื่น กูเชื่อนะ แต่ความรัก ความใคร่ กูไม่เชื่อเลย ดูอย่างพ่อแม่เราสิ และดูกูกับไอ้พี่บิ๊ก และคนอื่นๆ ที่กูคบ กูไม่อยากเสียมึงไป เพราะกูคงไม่สามารถเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกับแฟนเก่าได้หรอก กูไม่อยากเสียมึงไปนะตรี” ท้ายประโยคฉันคงเศร้า เพราะมันยอมแพ้ ไม่เซ้าซี้อะไรอีก แต่ก็...
“ไม่เป็นแฟนก็ได้ แต่เป็นเฟรนด์ฟอร์เบดด้วยได้มั้ย”
“ไอ้สัดนี่ มึงคิดจะให้กูเป็นหนึ่งในบรรดากิ๊กของมึงอีกคนหรือไงวะ!” ฉันเริ่มโมโหมันอีกรอบละ
“มึงก็คิดไปไกล กูบอกแค่ว่า ถ้ามึงต้องการเซ็กซ์ มึงก็นอนกับกูได้ แค่นั้นแหละ เข้าใจอะไรยากจัง!”
มันทำเสียงหงุดหงิดใส่ฉันอีก
“กูไม่ต้องการโว้ย ที่สำคัญกูมีแฟนแล้ว มึงจะมาชวนกูทำเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้ได้ยังไง ไอ้เพื่อนเวร และมึงก็แรดไปทั่วแบบนี้ กูกลัวเหมือนกันนะ”
“มึงไม่ต้องกลัว ถึงกูจะแรดกูก็ดูแลตัวเองอย่างดี ตรวจโรคทุกสามเดือน และต่อไปนี้กูจะเลิกแรดแล้ว”
“จะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนว่างั้นเถอะ”
“กูจะรอนอนกับมึงคนเดียว”
“ไอ้ตรี!” คราวนี้เหลืออดจริงๆ ฉันชกไปที่แขนมันเต็มแรง และมันก็ดึงมือฉันไว้กระชากตัวเข้าไปหาจนร่างฉันเกยทับบนหน้าอกของมัน พอฉันทำท่าจะโวยวาย มันก็ดึงหน้าฉันไปประกบจูบอย่างรวดเร็ว
ฉันคิดว่าต้องดิ้นสุดแรง เพื่อจะหลุดออกมาเตะต่อยมันให้หนำใจ แต่กลายเป็นว่าตัวฉันอ่อนระทวย แถมยังขยับปากตอบรับจูบของมันอีก
ความรู้สึกวาบหวิวนั้นเกินบรรยาย จูบคืนนั้นฉันจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าตอนนั้นมันแค่ต้องการปลดปล่อยความร้อนรุ่มในร่างกาย แต่จูบตอนนี้มันต่าง มันหวิวๆ แต่ไม่เร่าร้อน แค่อุ่นๆ หวานๆ จนรู้สึกเหมือนตัวจะลอย สมองว่างเปล่าเป็นสีขาวฟุ้งๆ
กระทั่งลิ้นเราแตะต้องกัน ความเร่าร้อนก็บังเกิด ยิ่งยามปลายลิ้นถูกอีกคนดูดดึง ขบเบาๆ ทั้งริมฝีปากบนและล่าง
“อา...” ฉันเผลอครางออกมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่ แต่ฉันรู้ว่าหากปล่อยให้ไอ้ตรีจูบต่อไป ทุกอย่างมันจะจบลงเหมือนวันนั้น ฉันจึงแข็งใจผลักมันออกห่าง
“ทำไม มึงก็ต้องการไม่ใช่เหรอ” มันถาม
“มันไม่ถูกต้อง กูมีน้องรินอยู่” ฉันพูดพร้อมกับหายใจลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติ
มันนิ่งไป แล้วพยักหน้ารับ
“ทำไมล่ะ คืนนั้นมึงก็ยังสยองกับการที่ได้นอนกับทอมอย่างกูไม่ใช่เหรอ แถมร้องห่มร้องไห้อีก แล้วทำไมวันนี้มึงถึงได้ทำแบบนี้ มันย้อนแย้งนะโว้ย”
“อือ กูรู้” มันตอบรับสั้นๆ แค่นั้นไม่มีคำอธิบาย และฉันก็รู้ว่าไม่ควรซักไซ้ถามให้มากความ เพราะอาจเข้าตัว
“อย่าทำอีกนะ ไม่งั้นกูโกรธมึงจริงๆ ด้วย”
“โอเค จะไม่ทำอีก”
“สัญญา”
“อือ...สัญญาก็ได้ แต่มึงไม่คิดบ้างเหรอว่า สิ่งที่มึงทำกับกูวันนั้น มึงควรรับผิดชอบบ้าง”
“อะไรของมึงอีก”
“ถ้ากูหวั่นไหว มึงจะทำยังไง จะเลิกเป็นเพื่อนกับกูเลยหรือเปล่า”
คำถามนั้นฉันตอบไม่ได้จริงๆ
“เราไม่ควรคุยเรื่องนี้อีกนะโว้ย เราต้องหยุดก่อนที่มันจะทำเราพัง”
“เค หยุดก็ได้ แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์มาเล่นเกม ขณะที่ฉันก็นอนดูซีรีส์ไปอย่างไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ กระทั่งง่วง ก็ปิดทีวีแล้วเดินเข้าห้องนอน ในขณะที่ไอ้ตรียังเล่นเกมอยู่
:::::::::::::::::