ตอนที่ 1
“นั่นไมเคิลใช่ไหม”
หัวคิ้วของสาวใหญ่วัยสามสิบแปดปีชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย ‘ดาวริน’ หันมาถาม ‘กานดา’ เมื่อเหลือบไปเห็นหนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่ไซส์ฝรั่งซึ่งเป็นลูกชายของกานดา ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่โรงจอดรถ
“อะไรกัน... นี่เธอจำหลานไม่ได้หรือไง... นี่แหละเจ้าไมเคิลลูกชายฉัน”
กานดากล่าว
“โห... โตเร็วมากอ่ะ”
ดาวรินนึกย้อนไปเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นไมเคิลยังไม่สูงใหญ่ขนาดนี้ แต่ด้วยพันธุกรรมของบิดาซึ่งเป็นฝรั่งชาวอเมริกัน ก็ทำให้ไมเคิลแลดูสูงใหญ่สะดุดอย่างที่เห็น
“ไมค์... จำได้ไหมนี่ใคร”
กานดาร้องเรียกลูกชายที่กำลังเดินตรงเข้ามาใกล้เทอเรสที่หล่อนกับเพื่อนรักกำลังนั่งคุยกันอยู่
“จำได้สิครับ... สวัสดีครับน้าดาว”
ชายหนุ่มเข้ามายกมือไหว้ ก่อนจะทรุดร่างลงนั่งใกล้นางกานดาผู้เป็นมารดา
ไมเคิลไม่เคยลืมเพื่อนของแม่คนนี้ จะเพราะอะไรเสียอีกล่ะ... ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าดาวรินเป็นผู้หญิงที่มีความสะสวยสะดุดตาเหลือเกิน ใบหน้าของหล่อนคมสวย ผมดำขลับ ตาคม ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน และที่สำคัญก็คือทรวงอกอะร้าอร่ามคัพดับเบิ้ลดีที่ทำเอาหนุ่มน้อยอย่างไมเคิลใจเต้นระทึกทุกครั้งเมื่อได้เจอหน้า
“นึกว่าจำน้าดาวไม่ได้เสียแล้ว”
นางกานดากล่าวกลับลูกชาย
“จำได้สิครับ”
ไมเคิลมองหน้าสาวใหญ่เพื่อนมารดา รอยหยักที่มุมปากขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหวาน
สาเหตุที่ไมเคิลต้องเรียกเพื่อนของแม่ว่า ‘น้า’ ก็เพราะว่าหล่อนเป็นเพื่อนรุ่นน้องของนางกานดา ดาวรินอายุก่อนกว่ากานดาสามปี
“เหนื่อยไหมลูก... รอเดี๋ยวนะแม่จะเอาน้ำเย็นมาให้”
นางกานดามองร่างอาบเหงื่อของลูกชาย เพราะว่าไมเคิลเพิ่งกลับจากแตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ที่สนามหน้าเทศบาล ร่างกายจึงโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ อาบพราวไปทั่วเรือนร่าง ริ้วลายกล้ามเนื้อของหนุ่มฉกรรจ์น่ามอง ดาวรินมองเห็นสรีระของไมเคิลชัดเจนเต็มตาก็เพราะว่าเขาถอดเสื้อยืดพาดบ่าเอาไว้ ทั้งตัวก็เหลือแค่กางเกงบอลผ้าร่มขาสั้นปิดกึ่งกลางกายเอาไว้แค่นั้น
“ไม่ได้เจอกันนาน... โตขึ้นเป็นกอง”
ดาวรินยังคงตะลึงมองลูกชายของเพื่อนรัก ก็ใครจะคิดว่าเด็กชายตัวเล็กๆ ที่หล่อนเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน วันนี้จะเติบโตเป็นชายหนุ่มสุดหล่อเหลา ออร่าเจิดจรัสไม่แพ้ดารา
ดาวรินรู้ว่าไมเคิลได้ความหล่อเหลาของบิดามาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
หล่อนยังจดจำ ‘วิลเลี่ยม’ ซึ่งเป็นพ่อของไมเคิลได้ไม่เคยลืม ดาวรินยอมรับว่าเคยนึกอิจฉากานดา ที่หล่อนได้สามีเป็นฝรั่งชาวอเมริกันสุดหล่อเหลาที่เพื่อนๆ แอบมองอย่างนึกอิจฉา
“ไมเคิล... ตอนนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”
ดาวรินอยากรู้
“สิบแปด... ย่างสิบเก้าแล้วครับน้าดาว”
ชายหนุ่มตอบพลางคว้าเสื้อยืดที่พาดบ่ามาเช็ดเหงื่ออาบพราวอยู่ทั่วแขน ดาวรินเผลอมองเส้นขนสีดำที่แผ่คลุมแผงอกแกร่งไปด้วยมัดกล้าม ขนบางส่วนลามลงมาถึงกล้ามท้อง ก่อนจะไปรวมกันเป็นแพหนาอยู่รอบสะดือและลึกลงไปใต้ขอบกางเกงผ้าร่มชื้นเหงื่อแนบเนื้อ มองเห็นต้นขาแข็งแกร่งสุดเซ็กซี่ กลิ่นเหงื่อกลิ่นกายของหนุ่มฉกรรจ์ที่นั่งอยู่เหนือลมโชยมากระทบจมูกของดาวรินเป็นระยะ... ทำเอาหัวใจเต้นแรง
“นอกจากเล่นฟุตบอลแล้วยังเล่นกล้ามด้วยหรือจ๊ะ”
สาวใหญ่เพื่อนมารดาชวนคุย ขณะสายตายังแสดงความสนใจในตัวชายหนุ่มไม่คลาย
“ครับน้าดาว... ใกล้สนามบอลมีโรงยิม เสร็จจากเล่นบอลผมก็แวะเล่นเวททุกวันครับ”
“แล้วตอนนี้เรียนชั้นไหนแล้ว”
“จมมอหกแล้วครับ... ระหว่างนี้กำลังรอเอ็นทรานส์ อาทิตย์หน้าผมกะว่าจะเข้าไปติวที่กรุงเทพฯ ครับ”
เสียงฝีเท้าของกานดาดังใกล้เข้ามาทุกที อึดใจสั้นๆ ต่อมาเจ้าของบ้านก็มาถึงพร้อมกับแก้วน้ำเย็นในถาดโลหะสีเงินสำหรับลูกชาย ส่วนอีกแก้วเป็นน้ำมะเขือเทศ สำหรับดาวรินเพื่อนรัก
“น้ำจ้ะลูก... แก้วนี้ของน้าดาว... หรือจะเอาน้ำมะเขือเทศด้วยมั้ยลูก”
กานดาถามลูกชาย
“ไม่ครับ... น้ำมะเขือเทศรสชาติมันแปลกๆ เค็มๆ ขื่นๆ เลี่ยนๆ ยังไงไม่รู้”
ไมเคิลส่ายหน้า
“แต่น้ำมะเขือเทศมีประโยชน์มากนะจ๊ะลูก... ไม่เชื่อก็ดูน้าดาวสิ ผิวสวยกว่าสาวๆ อีก นี่ขนาดวัยใกล้สี่สิบแล้วนะ”
กานดากล่าวกับลูกชาย แต่สายตาหันไปชมเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ ผิวพรรณของดาวรินช่างเปล่งปลั่งสะดุดตาเหลือเกิน
“แหม... ดาก็ชมกันเกินไป... ”
ดาวรินกล่าว แต่ก็อดปลื้มไม่ได้ หล่อนชินเสียแล้วกับคำชมเรื่องผิวพรรณ
“คุณแม่ไม่ได้พูดเกินความจริงหรอกครับ... น้าดาวยังสาวยังสวย”
ไมเคิลกล่าว อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองสองเต้าอวบเต่ง ขนาดผิวพรรณภายนอกของน้าดาวยังขาวเปล่งปลั่งถึงเพียงนี้ แล้วถ้าตรงนั้นล่ะ... ตรงที่ตาของตนกำลังจ้อง ตรงสองเต้าที่เบียดกันแน่นจนรู้สึกอึดอัดแทนเจ้าตัว
“น้าดาวจะค้างกับเราคืนนึง”
กานดาบอกลูกชาย
“ว้าว... จริงหรือครับ”
ชายหนุ่มดีใจจนออกนอกหน้า ปากตอบมารดา แต่สายตายังไม่ละจากน้าดาว ไม่อาจควบคุมอารมณ์ให้หยุดจินตนาการ สองเต้าอวบขาวของน้าดาวคงใหญ่เหมือนแม่ลูกอ่อนนมคัด ไมเคิลเชื่อว่ามันน่าจะขาวชนิดที่ว่ามีเส้นเลือดสีเขียวกระจายเป็นสายรางๆ อยู่ภายใต้ความบอบบางและหยุ่นนุ่ม
อู้ว... น่าเกลียดที่คิดอะไรแบบนี้ แต่ไม่เคิลก็หยุดคิดไม่ได้ หารู้ไม่ว่าทุกอย่างนั้นเป็นไปตามแรงกระตุ้นของวัยหนุ่มฉกรรจ์ที่เริ่มให้ความสนใจในเรื่องเพศเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้ชายที่กำลังเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
“ผมขอตัวไปอาบน้ำนะครับ”
ชายหนุ่มกล่าวพลางหยัดร่างสูงใหญ่ขึ้นจากเก้าอี้ ครั้นเมื่อร่างของไมเคิลลับไปจากสายตา ดาวรินก็รีบเอ่ยถามกับกานดาในทันที
“ดาจ๊ะ... ไมค์บอกว่าจะเข้าไปเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพฯ ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่... ติดต่อที่เรียนไว้แล้ว อยู่แถวๆ รังสิต เรียนแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นจ้ะ”
กานดาอยากให้ไมเคิลเข้ามาติวในโปรแกรมเตรียมเอ็นทรานส์ เพราะที่กรุงเทพฯ มีสถาบันติวเก่งๆ เยอะมาก การแนะแนวข้อสอบจากติวเตอร์ที่คร่ำหวอดอยู่กับการวิเคราะห์ข้อสอบเอ็นทรานส์มานาน จะเป็นประโยชน์สำหรับไมเคิลที่ตั้งใจว่าจะสอบเข้าเรียนวิศวะฯ ให้ได้
“แถวรังสิต... ใกล้บ้านฉันเลย แล้วไมค์พักที่ไหน”
ดาวรินอยากรู้
“กำลังติดต่อเรื่องที่พักอยู่พอดี... น่าจะหอพักหรือไม่ก็ห้องพักรายวันแถวๆ นั้น”
กานดากล่าว
“แถวนั้นใกล้บ้านฉันมาก... อันที่จริงให้ไมค์มาพักที่บ้านฉันก็ได้นี่นา”
“จะดีหรือดาว... ฉันเกรงใจ”
กานดามองหน้าเพื่อนรัก รู้สึกขอบคุณที่หล่อนมีน้ำใจกับหลาน
“จะเกรงใจทำไม... เราเพื่อนกันนะดา แล้วตาไมค์ลูกชายแกก็หลานฉัน... บ้านฉันกว้างขวาง มีหลายห้อง จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลือง”
“ขอบใจมากจ้ะดาว... ดีเหมือนกัน เพราะว่าจะได้วานเธอให้ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนฉัน”