ตอนที่ 2
ดอกเหมยเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งที่กินเงินเดือนไปแต่ละเดือน แต่การที่เธอไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยก็ทำให้เธอมีเงินเก็บบ้างและมีเงินก้อนมาดาวน์คอนโด
ดอกเหมยเลือกซื้อคอนโดก่อนรถ เธอคิดว่ารถไม่จำเป็นสำหรับเธอเท่าไหร่ เธอสามารถเดินทางโดนรถไฟฟ้าและรถประจำทางได้ การมีที่พักอาศัยเป็นของตัวเองดียิ่งกว่า เมื่อเธอกลับไปอยู่บ้านที่นี่ยังสามารถปล่อยให้คนเช่าได้
มีเพื่อนร่วมดีหัวหน้าดี ถือว่าการทำงานประสบความสำเร็จ ทำให้เธออยู่ที่นี่ได้นาน
ทุกวันดอกเหมยจะมาทำงานและกลับบ้านหลังเลิกงานโดยไม่แวะที่ไหน
“เหมยวันนี้ไปเดินตลาดกับพวกเราไหม”จูนเพื่อนร่วมงานของดอกเหมยหันมาถาม
แต่ก่อนที่ดอกเหมยจะตอบเสียงข้อความของเธอก็ดังขึ้น เธอเลยเลือกที่จะเปิดมันอ่าน และครุ่นคิดไปด้วยว่าจะไปเดินตลาดกับเพื่อนร่วมงานดีไหม
เธอว่าเธอคงไม่ได้ไปแล้วละ
“มากินข้าวด้วยกันหน่อย”คิ้วของดอกเหมยขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นข้อความที่ส่งมา เมื่อวานพึ่งจะเจอกันวันนี้จะเจออีกเหรอ
เรื่องกินข้าวด้วยกันไม่ถือว่าผิดกฎถ้าทั้งสองฝ่ายพอใจ
“ขอโทษนะคะพี่จูนเอาไว้วันหลังนะ เหมยติดธุระ”ดอกเหมยปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ชวนก็ไม่ค่อยไปน้อยใจเหมือนกันนะ”คำพูดหยอกล้ออย่างไม่จริงจังนัก ดอกเหมยรู้ว่าพี่ๆไม่ได้โกรธเธอจริงๆหรอก
“เอาไว้ครั้งหน้านะคะ”
“ก็ได้ๆ วันหลังถ้าชวนรับปากนะว่าจะไป”
“ได้ค่ะ เหมยไปก่อนนะ”
“จ้าบาย เจอกันวันจันทร์”วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ พนักงานบางคนก็ไปเดินตลาด ไปร้านเหล้าเพื่อผ่อนคลายกัน แต่สำหรับดอกเหมยเธอไม่มีความคิดอยากเข้าร้านเหล้าเลยสักนิด
แต่ก็ไม่ได้ทิ้งสังคมจนเกินไป จะมีไปบ้างกับพี่ๆที่ทำงานหรือถ้าพวกเพื่อนชวน
“ให้ไปเจอที่ไหน”ดอกเหมยพิมพ์ข้อความส่งกลับไปหาคนที่ส่งมาให้เธอ
“ห้อง เราซื้อกับข้าวมาแล้ว”เอาเป็นว่าเข้าใจ ถ้าห้องของเขาคือไม่ใช่แค่กินข้าว แต่ถ้าเธอไม่ยอมเขาก็ไม่มีสิทธิ์บังคับหรอกนะ เพราะเธอไม่ได้ขายตัวให้เขา มันเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย
ดอกเหมยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าในการมาถึงห้องของคราม เพราะช่วงเวลาเลิกงานเป็นช่วงเวลาของรถติด
ดอกเหมยกดกริ่งหน้าห้อง รอสักพักก็มีคนเดินมาเปิดเป็นครามที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำ คนหล่ออยู่ชุดไหนก็หล่อสินะ
เขาไม่ได้ไปทำงานหรอกเหรอ แล้วนอนอยู่ที่ห้องนี้ ไม่ได้กลับบ้าน ดอกเหมยครุ่นคิดแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
ดอกเหมยไม่รู้หรอกว่าครามอยู่บ้านหรือคอนโด เพราะเธอไม่ได้ถามมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อีกฝ่ายไม่เล่า อีกฝ่ายก็จะไม่เซ้าซี้ นอกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเล่าหรือระบายให้ฟัง เรื่องพวกนี้เธอไม่ได้จำกัดไว้ในความสัมพันธ์ ถ้าอีกฝ่ายอยากระบายบ้างเธอก็ไม่ว่า แต่สำหรับเธอ เธอคงไม่พูดเรื่องส่วนตัวที่น่าสมเพชให้เขาฟัง
ดอกเหมยเดินตามครามมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเขาจัดใส่จานไว้เรียบร้อยแล้ว
“กินได้เลย”จากที่มีความสัมพันธ์กันมา ครามไม่ใช่คนพูดมาก แต่ก็ไม่ได้พูดน้อยจนเกินไป เธอได้เรียนรู้นิสัยของเขามาบ้าง
ถึงจะไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะเป็นเพียงคู่นอนแก้เหงา แต่ก็ต้องมีรับรู้บ้างเพราะเธอกับเขามีความสัมพันธ์กันมาตั้งหกเดือนแล้ว
จากนิสัยที่เธอได้รับรู้ คือครามจะเป็นคนพูดตรง ๆ อยากทำอะไรก็ทำ อย่างเช่นเรื่องเซ็กส์ เขาอยากได้แบบไหนเขาก็เอ่ยขอ เป็นเธอที่รู้สึกกระดากอายแต่มันก็คือความท้าทายที่ไม่เคยลอง เขาสอนให้เธอกล้าทำ กล้าขอ กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ทั้งสองคนลงมือทานอาหารกันเงียบๆ โดยครามเองก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร จนกระทั่งกินเสร็จดอกเหมยก็เป็นฝ่ายเก็บจานไปล้าง ก่อนจะเดินออกมาหาเขาที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา
เขาตบโซฟาข้างๆเรียกเธอเข้าไปนั่ง เธอก็เดินเข้าไปหา
“ขึ้นให้หน่อยได้ไหม”คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้เธอแปลกใจ ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาชัดเจนที่สุดคือเรื่องเซ็กส์ไม่แปลกที่จะขอกันตรง ๆ และเธอรู้สึกว่าเขามีเรื่องเครียด คงอยากระบาย
“ถ้าไม่ละ”ความสัมพันธ์แบบนี้จะไม่มีการบังคับฝืนใจกันเด็ดขาด ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าไม่อีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไร
ครามมองหน้าดอกเหมยนิ่ง เขาไม่พูดอะไรเหมือนใช้ความคิด เป็นดอกเหมยเองที่เผยยิ้มให้เขานิดๆ ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอแค่แกล้งเท่านั้น แต่เขาก็เป็นฝ่ายให้เธอตัดสินใจ
“ถ้าเธอไม่อยากก็ไม่เป็นไร”ครามพูดเสียงเอื่อย ก่อนจะทิ้งตัวลงโซฟาหลับตาคลึงนิ้วข้างขมับ
“ถอดกางเกงออกสิ”ดอกเหมยบอกคนที่หลับตา ก่อนตัวเธอจะยืนขึ้นแล้วรูดซับในกับกางเกงในของตัวเองออกทางปลายเท้า วันนี้เธอใส่ชุดเดรสมันง่ายถ้าจะถอดแค่กางเกงในออกโดยไม่ต้องเสียเวลาถอดเสื้อผ้า
ครามผงกหัวขึ้นมองยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะขยับตัวดึงกางเกงขาสั้นของตัวเองลง ตามด้วยชั้นในเช่นกัน ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มนอนพาดอยู่กลางกายเพราะยังไม่ได้รับการปลุกเร้า แต่เชื่อว่าอีกไม่นานมันคงแข็งขืนพร้อมสู้
ดอกเหมยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งท่อนเอ็นอุ่นๆสัมผัสกับโนมเนื้อของเธอ เพียงแค่นั้นจากที่มันนุ่มนิ่มก็เริ่มแข็งขืนขึ้น มือทั้งสองข้างจับใบหน้าหล่อเหลาให้สบตากัน ก่อนจะเอ่ยถาม
“อยากระบายไหม”เธอแค่ลองถาม การระบายความเครียดไม่ได้มีแค่ทางเดียว
“ขอระบายทางนี้ก่อน”มือแกร่งบีบเคล้นก้นงอนเบาๆ ก่อนจะขยับโยกขึ้นลงให้เกิดความเสียวซ่าน ดอกเหมยเผยอปากขึ้นจูบปากหนา ครามเองก็ให้ความร่วมมือ สองลิ้นเกี่ยวพันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
เซ็กส์ของทั้งคู่เข้ากันได้ดี มันเป็นอะไรที่ลงตัว แค่เอ่ยขอ ไม่ต้องรอให้บอกว่าต้องทำยังไง แค่มองตาก็รู้ใจ
กระดุมชุดเดรสของดอกเหมยถูกปลดและรูดลงมากองไว้ที่เอว เผยให้เห็นบราสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงหาความอวบอิ่ม ไล้เลียเนินเนื้อที่โผล่พ้นออกมาจากบรา มือใหญ่โอบอุ้มสองเต้าไว้ในอุ้งมือบีบเคล้นเพิ่มความกระสั่น ตะขอบราถูกปลดออก ความอวบอิ่มเด้งออกมาให้ปากหนากัดกินยอดอกชมพู
ดอกเหมยแหงนหน้ารับการปรนเปรอของเขา บดเบียดสะโพกขึ้นลง
น้ำรักค่อยๆไหลออกมาชโลมแท่งรักของครามที่ตอนนี้แข็งชันขึ้น มือเล็กเอื้อมลงไปคว้าแท่งเอ็นอุ่นๆจับรูดขึ้นลง วนขึ้นมาดูดปากกันและกันครามครางในลำคอเบาๆ ไล่ต้อนลิ้นเล็กที่พยายามสู้ลิ้นของตนอย่างไม่ยอมแพ้ นิ้วเรียวยาวค่อยๆสอดแทรกเข้าไปในโพรงนุ่มชื้น
“อือ”ดอกเหมยครางเบาๆเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย
คับแน่น ไม่ว่าครั้งไหน โพรงดอกเหมยดอกนี้ก็ยังคับแน่นไม่เปลี่ยน แรงบีบรัดจากข้างในทำให้ครามต้องขยับนิ้ว จากช้า ๆ เป็นเร็วขึ้น จากหนึ่งเพิ่มเป็นสอง
มือใหญ่จ้วงถี่กระชั้น มือเล็กรูดขึ้นลงอย่างไม่ออมแรง
“อ๊า”
“อ๊า”
ทั้งสองผละออกจากกันเล็กน้อยก่อนจะเผยอปากครางออกมาอย่างห้ามไม่ไหว ดอกเหมยเม้มปากเงยหน้าขึ้นร่อนเอวใส่มือใหญ่อย่างไม่ยอมแพ้
“เสร็จเลย”ครามกระซิบเสียงพร่า ปาดลิ้นรัวใส่ยอดอกชูชันตรงหน้า ส่งร่างบางให้ถึงเส้นชัย
“อ๊า เธอ อ๊า อ๊า”ร่างบางเกร็งกระตุก ครางเสียงหวานทิ้งตัวลงบนตักแกร่งเกร็งกระตุกแรงๆสองสามที บดคลึงเอวบางใส่สองนิ้วที่ยังกวาดวนอยู่ในกาย ก้มลงจูบปากหนาที่เผยอรอ ดูดดึงลิ้นสากชื้นด้วยความเสียวซ่าน