บทที่ 1
การสูญเสียลูกสำหรับผมถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ภรรยาของผมร่างกายอ่อนแอ ต้องแอดมิทนอนโรงพยาบาลเพราะไม่สบายอยู่บ่อยครั้ง เพราะเช่นนี้จึงทำให้ตั้งครรภ์ได้ยาก
สิบปีแล้ว นี่คือลูกคนแรกของพวกเรา
ผมดีใจอย่างมาก ซื้อของใช้สำหรับเด็กไว้มากมาย แต่ของยังมาไม่ถึง ลูกน้อยก็จากไปก่อนเสียแล้ว
เมื่อมองภรรยาที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ผมทำได้เพียงระงับความโศกเศร้าในใจไว้ก่อน และปลอบเธอ
ไม่คิดว่าเธอจะหันไปโพสต์ข้อความลงFacebookแทน
ผมไม่มีวิธีกำจัดความหงุดหงิดในใจ จึงออกมาจากบ้าน แล้วไปเที่ยวผับร้านหนึ่งกับเพื่อนทันที
หลังจากที่ออกจากบ้านได้ไม่นาน ก็ได้รับสายจากนวมล
ผมเลือกที่จะกดวางสายในทันที
ราวกับเธอไม่คาดคิดว่าผมจะกล้ากดวางสาย นวมลหยุดไปชั่วครู่ จากนั้นก็ส่งข้อความมาอย่างบ้าคลั่ง
ผมไม่คิดที่จะมองมัน แล้วพลิกหน้าจอคว่ำลงบนโต๊ะ
“สายจากพี่สะใภ้ รับดีกว่าไหม?”
เพื่อนของผมชี้ไปที่โทรศัพท์ของผมอย่างอึดอัดใจ
“พี่สะใภ้เป็นคนคุมเข้มขนาดนี้ แกไม่รับเดี๋ยวกลับไปก็โดนงี่เง่าใส่อีก”
ผมเม้มริมฝีปาก
นวมลเข้มงวดกับผมมากจริงๆ เพียงแค่ผมละจากสายตาเธอไปสิบนาที ก็ต้องเริ่มรายงานเธอแล้ว
แม้ในช่วงเวลาทำงานก็ยังต้องคอยเช็คโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ห้ามพลาดข้อความจากเธอสักข้อความเดียว
ก่อนหน้านี้ผมเคยมองเรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอรักผม ตอนนี้ดูแล้วช่างไร้สาระสิ้นดี
“ไม่เป็นไร เราจะหย่ากันเร็วๆ นี้แล้ว”
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วกดโทรหานวมล
สายถูกรับอย่างรวดเร็ว เสียงของนวมลดังออกมาในทันที
“นายกล้าวางสายของฉัน? อวัชตอนนี้นานยอยู่ที่ไหน ทำไมไม่กล้ารับสายฉัน?”
“นายอยู่ในผับใช่ไหม? ฉันได้ยินเสียงแล้ว!ฉันตั้งท้องเพื่อนาย ตอนนี้ต้องมาแท้งอีก นายไม่อยู่บ้านกับฉัน นายยัง ...”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ผมก็พูดแทรกทันที
“แท้ง?แท้งแล้วเกี่ยวอะไรกับผม?คุณตั้งใจไม่ใช่หรือไง?”
ผมไม่เคยพูดกับนวมลด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้มาก่อน
ดูเหมือนเธอจะไม่ทันระวังกับทัศนคติของฉัน เธอตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เริ่มโมโห: "นายหมายความว่ายังไง นายมีกิ๊กแล้วงั้นเหรอ? แค่มีแนวโน้มว่าจะแท้งนายก็จะหาคนใหม่เลยเหรอ?"
“อวัชนายใจอำมหิตขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
ผมขี้เกียจที่จะพูดกับเธอมากกว่านี้ จึงพูดแค่ว่า:
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ ยังไงเราก็จะหย่ากันอยู่แล้ว”
“ในที่สุดคุณก็ได้รักเก่าคืน ผมยังไม่ทันได้แสดงความยินดีกับคุณเลย”
"ขอให้พวกคุณรักกันนานๆ"
หลังจากที่กดวางสาย ผมรู้สึกโล่งเป็นอย่างมาก ราวกับว่าไม่ได้พูดแบบนี้มานานแล้ว
มันคือความจริง ตั้งแต่ที่คบกับบนวมล ผมก็กลายเป็นคนขี้ขลาดมากขึ้น
เพราะไม่รู้ว่าคำพูดไหนจะทำให้เธอหงุดหงิด และเริ่มโกรธ ทุกครั้งที่จะพูดอะไร ฉันจึงระมัดระวังมาโดยตลอด
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่นวมลทำให้ผมเปลี่ยนไป
ก่อนแต่งงาน ผมมีงานอดิเรกหลักๆ อยู่สามอย่าง ดื่ม ดูคอนเสิร์ต และเล่นเกม
หลังแต่งงาน ผมเลิกดื่มอย่างรู้ตัว แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับนวมล
เธอขายคอมพิวเตอร์ที่ผมเอาไว้เล่นเกมโดยไม่ถาม และเปลี่ยนห้องนั้นเป็นห้องแต่งตัวของเธอ
แล้วยังฉีกบัตรคอนเสิร์ตที่ผมซื้อ และโยนลงถังขยะ
หลังจากที่ทำเช่นนี้ เธอยังพูดกับผมอย่างภาคภูมิใจว่า:
"อวัช ฉันทำทั้งหมดนี้เพราะหวังดีกับนาย นายควรจะขอบคุณฉัน "
ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ผมก็ยังควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเราเอาไว้
นอกจากต้องออกไปทำงานทุกวันแล้ว พอกลับมาก็ต้องทำงานบ้านอีก ไม่มีเวลาส่วนตัวเลยสักนิด
นอกจากนวมลแล้ว ยังต้องดูแลครอบครัวอีกด้วย
ตอนพ่อของเธอโดนรถชน ผมก็ต้องลาไปโรงพยาบาล ผมต้องวุ่นหัวหมุนอยู่คนเดียว ทั้งเช็ดตัวทั้งทำอาหาร
ส่วนนวมลแค่มาเยี่ยมสักพัก นั่งคุยกับพ่อเธอแป๊บหนึ่ง ก็กลับบ้านไปพักผ่อน
แม่ของเธออยากเทรดหุ้น ก็เป็นผมที่รวบรวมข้อมูล และให้คำแนะนำแก แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธด้วยประโยคที่ว่า "แกไม่เข้าใจหุ้น ฉันจะหาคนอื่นมาช่วย"
เธอบอกว่าเธอต้องเตรียมตัวตั้งครรภ์อย่างตั้งใจ ก็เลยลาออกจากงานเพื่อมาอยู่บ้าน ส่วนผมก็เอาบัตรเงินเดือนให้เธอถือไว้ เพื่อให้เธอมีเงินใช้ในชีวิตประจำวัน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ ผมไม่ได้เป็นหนี้เธอเลย
แต่ ความพยายามทั้งหมดของผมไปไม่เคยถึงใจเธอจริงๆ
นี่มันสิบปีแล้ว
ก่อนที่จะแต่งงาน ผมรู้ว่าเธอมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง พวกเธอโตมาด้วยกัน แล้วยังเริ่มคบกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้นอีกด้วย
แต่ผู้ชายคนนั้นเลิกกับเธอทันที เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ
ในตอนแรก ความมั่นใจของผมยังเต็มร้อย คิดว่าจะทำให้นวมลตกหลุมรักผม ด้วยความพยายามของตัวเอง แล้วลืมคนรักในวัยเด็กที่ทำร้ายเธอไปได้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ผมจะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
ทันทีที่คนรักในวัยเด็กของเธอประกาศข่าวว่ากลับมาจากต่างประเทศ เธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะทำแท้งลูกที่ได้มาอย่างยากลำบากของพวกเรา