บท
ตั้งค่า

ปฐมบท 2 อดีตฝังใจ1

สามีภรรยารักใคร่ปรองดองนับเป็นเรื่องดี

สามีสุขุมสุภาพและสง่างาม ภรรยาเรียบร้อยนุ่มนวลและอ่อนหวาน ทั้งสองเหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกตามความเห็นชอบของเหล่าผู้อาวุโส ทุกคนคิดไม่ผิดที่เกี่ยวดองจับคู่ชายหญิง

แม้แต่งงานมานานเกือบสามปีความหวานชื่นก็ยังมิถดถอย หลินซูซินยังคงเป็นสตรีแสนดีมิบกพร่องต่อหน้าที่ภรรยา นางเดินตามการจับประคองของเกาหมิงผู้เป็นสามีที่ยังคงสุภาพนุ่มนวลมาขึ้นรถม้า ทั้งสองแย้มยิ้มให้แก่กันอย่างอบอุ่นอ่อนโยน

“ฝากเจ้าขออภัยท่านพ่อตาแม่ยายด้วยที่ข้ามิอาจปลีกตัวไปเยี่ยมบ้านเดิมพร้อมเจ้าได้”

เกาหมิงก้มมองภรรยา แววตาที่เผยความรักใคร่ด้วยใจจริงอย่างไม่ปิดบังแฝงแววขอลุแก่โทษ แม้นางไม่โกรธก็ตาม

หลินซูซินคลี่ยิ้มส่ายหน้าเบาๆ นางเอ่ยเสียงเนิบหวานแช่มช้า “ช่วงนี้ท่านมีภารกิจรัดตัวยิ่งขึ้น ใครจะกล่าวโทษท่านกันเล่าเจ้าคะ”

เกาหมิงเอื้อมมือลูบแก้มเนียนลื่นของภรรยาอย่างเอ็นดู “ครั้งนี้เจ้าจะค้างแรมสักกี่วันดี”

หลินซูซินเอียงคอคำนวณ “อืม...สักสี่ห้าวันได้หรือไม่เจ้าคะ? ไม่นานเกินไปใช่หรือไม่”

ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้ม เขาหรือเคยขัดใจ “ย่อมได้ แต่หากเจ้าต้องการกลับก่อนกำหนดก็ส่งคนมาแจ้งข้าด้วยแล้วกัน”

หญิงสาวได้ฟังนอกจากไม่นึกสงสัยในคำสั่งยังหัวเราะเบาๆ “แล้วหากข้าต้องการค้างแรมเพิ่มอีกหลายวันล่ะเจ้าคะ?”

เกาหมิงหัวเราะเสียงทุ้ม “ย่อมได้อยู่แล้วน่ะสิ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่” หลินซูซินยิ้มอ่อนหวาน “ท่านรีบไปที่ว่าการอำเภอเถิด มีงานเร่งนี่นา อย่ามัวเสียเวลากับข้าเลย”

นางเปิดม่านโบกมืออำลา นิ่งมองภาพสามีผู้หล่อเหลา ภายใต้แสงตะวันที่ส่องลงมาในยามทิวาปรากฏความอ่อนโยนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไม่สร่างซา

นางยิ้มแล้วปิดผ้าม่านรถม้า

ล้อรถม้าหมุนบดถนน เคลื่อนตัวจนหายลับไปจากสายตา เกาหมิงยืนมองอยู่นานก่อนเดินกลับเข้าเรือนชั้นใน ไหนเลยจะมีงานเร่งรีบอันใดให้ไปสะสาง

เรือนสกุลหลิน

ทันทีที่บุตรสาวมาเยือน จูจื่อฉิงจับจูงมือบุตรสาวไปนั่งในศาลารับลม ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามวิสัย

“เหตุใดสองสามเดือนมานี้บุตรเขยเกาไม่มากับเจ้าเลยเล่า”

หลินซูซินตอบยิ้มๆ “ท่านพี่มีงานรัดตัวเจ้าค่ะ ช่วงนี้ได้ข่าวว่างานให้ตรวจสอบขุนนางในที่ว่าการอำเภอเพิ่มขึ้นเท่าตัว ตั้งแต่เขาได้เลื่อนตำแหน่งก็มิอาจปลีกตัวได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนเจ้าค่ะ”

จูจื่อฉิงมุ่นคิ้ว ไม่รู้เพราะเหตุใดนางรู้สึกแปลกๆ แรกเริ่มที่เลือกเจ้าบ่าวให้บุตรสาวเห็นเกาหมิงหล่อเหลาสุภาพสะอาดตา ท่วงท่าสง่างาม รูปโฉมเข้าที ที่สำคัญ เขายังเป็นเพียงบัณฑิตสามัญ ฐานะธรรมดา เหมาะสมคู่ควรกับหลินซูซินทุกอย่าง

หลินซูซินที่เป็นเพียงบุตรสาวของพ่อครัวแม่ครัวจวนอ๋องไหนเลยจะกล้าอาจเอื้อมบุรุษที่สูงส่งเกินคว้า

แต่แล้วเมื่อเกาหมิงสอบผ่านการสอบเข้ารับราชการได้เป็นถึงผู้บัญชาการควบคุมขุนนางฝ่ายบุ๋นทั้งเมืองผิงโจว ความนบนอบแต่ห่างเหินก็เหมือนจะเริ่มมีเข้ามาจนเป็นที่จับสังเกตได้

ดูทีว่าบุตรสาวคนดีของนางยามนี้ คงมิค่อยอยู่ในสายตาของสามีเท่าใดแล้วกระมัง

จูจื่อฉิงตบหลังมือบุตรสาวเบาๆ “ซินเอ๋อร์ เจ้ามิได้แต่งงานกับบุรุษเปี่ยมอำนาจมากบารมีสูงด้วยฐานะที่การมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกตินะ แต่งกับชายธรรมดาสามัญ เจ้าต้องจับตาสามีให้ดี อย่าปล่อยให้เขาหลายใจไปรับอนุมาเด็ดขาด มิเช่นนั้นครอบครัวอาจจะลำบากเรื่องการเงินในภายหน้าเอาได้”

หลินซูซินเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายต่อบุพการีเสมอ แต่งงานก็เชื่อฟังสามีอย่างยิ่ง นางจึงพยักหน้าแย้มยิ้มมิเจือจาง

“เจ้าค่ะท่านแม่”

จังหวะนั้น หลินอีเซิงพลันยื่นใบหน้าคมเข้มเคลือบน้ำมันมาจากในครัว “พวกเจ้าแม่ลูก ลองมาชิมอาหารที่เพิ่งคิดค้นใหม่ทีว่ารสชาติดีเข้าทีแล้วหรือไม่?”

“ไปเร็วเข้า พ่อเจ้าเรียกแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

ทุกครั้งที่พ่อครัวมือฉมังอย่างบิดาคิดสูตรอาหารชนิดใหม่ นักชิมกิตติมศักดิ์อย่างภรรยาและบุตรสาวพร้อมลองลิ้มเต็มที่

ทว่ามิคาด หลินซูซินที่เดิมทีลิ้นรับรสดีเยี่ยมวันนี้กลับกลืนสิ่งใดไม่ลงสักครึ่งคำ

เพียงกลิ่นอาหารแตะจมูกนางก็ต้องเบือนหน้าหนีทันที

อาการคลื่นเหียนจนอาเจียนออกมากะทันหันเช่นนี้ทำคนเป็นบิดามารดาตกใจนัก

หลังจากชะงักไปชั่วครู่จูจื่อฉิงพลันได้สติ นางให้คนไปตามท่านหมอมาอย่างเร็ว ส่วนตัวเองจับประคองบุตรสาวไปนอนพักในเรือนเล็กที่ใกล้ที่สุด หลินอีเซิงได้แต่ตื่นตระหนกนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว

รอไม่นานท่านหมอก็มาเยือน เมื่อท่านหมอจับชีพจรเสร็จ ข่าวดีในรอบสามปีพลันปรากฏ

หลินซูซินตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้เดือนกว่า

บิดามารดาแสนจะยินดีปรีดายิ่งนัก เช่นนี้ย่อมดีไม่น้อย สามีย่อมรักใคร่ผูกพันลึกซึ้งต่อภรรยาเพิ่มขึ้นอย่างไร้สิ่งใดมาฉุดรั้ง

จูจื่อฉิงยิ่งมั่นใจว่าครรภ์นี้จะทำให้บุตรเขยไม่มีทางห่วงงานจนละเลยบุตรสาวของตนอีก นางจึงวางใจลงได้เสียที

หลินซูซินรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ปราศจากอาการแพ้ท้องอีกจึงขอกลับจวนสกุลเกาทันที นางอยากกลับไปแจ้งข่าวดีแก่สามีเต็มที่

“เจ้าไม่ส่งคนไปบอกบุตรเขยก่อนเหรอว่าจะกลับแล้ว”

จูจื่อฉิงถามอย่างเป็นห่วง แต่หลินซูซินส่ายหน้ายิ้มอ่อน

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านแม่ ข้ามีข่าวดีไปบอกเขานี่นา ย่อมไร้สิ่งใดให้ตำหนิได้เจ้าค่ะ”

บิดามารดาจึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้”

ทว่าด้วยความเป็นห่วงก็ยังพากันหานวมมาปูพื้นรองนั่งในรถม้าให้บุตรสาวอยู่ดี

ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าหลินซูซินจะได้กลับจวนสามี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel