๑ ไม่รู้จักเธอแต่รู้จักฉัน (๔)
“วันนี้ไปนอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ดูเวลาเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว พรุ่งนี้เขาก็ต้องเข้าบริษัทแต่เช้าเหมือนกัน อีกทั้งมีงานที่ต้องเคลียร์จึงรีบบอกแม่บ้านคนใหม่ให้เข้าห้อง
ห้องเล็กที่เคยทำไว้สำหรับรับแขกแต่ก็ไม่เคยมีใครได้นอนดูเหมือนจะได้ใช้งานแล้ว หญิงสาวเปิดและปิดประตูเสียงเบา สำรวจรอบห้องที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแต่ตนก็ไม่กล้าเปิดใช้เพราะเกรงใจเจ้าของห้อง
“มีห้องน้ำในตัวด้วยเหรอ...” เข้ามาดูห้องน้ำที่ขนาดค่อนข้างคับแคบแต่ก็เป็นส่วนตัว ทุกอย่างดูพร้อมสำหรับแขกไม่ใช่แม่บ้านอย่างเธอ นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วส่องกระจกมองตัวเอง เพียงแค่วันเดียวก็มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเหมือนผ่านมาแล้วสิบปี
แค่คิดถึงสิ่งที่เจอก็รีบยกมือยีหัวเพื่อให้ลืมเรื่องทั้งหมดไป เกือบโดนคนกลุ่มนั้นทำร้ายแล้วหากไม่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้าไม้มาฟาดที่หัวคนทั้งสามอย่างไม่คิดชีวิต แล้ววิ่งออกมาก่อนเจอเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้าช่วยเหลือ
จนตอนนี้หล่อนปลอดภัยแล้ว...
ถ้าไม่สงสารยายแก่แล้วโดนอีกฝ่ายหลอกเอาเงินและทุกอย่างไป ทั้งยังโดนชายฉกรรจ์สามคนลากไปหวังทำมิดีมิร้าย ป่านนี้เธอก็คงไม่ได้เจอเขาหรอก
คุณคีน...เพียงแค่คิดถึงก็ทำให้วันแสนร้าวรานกลายเป็นความสุขได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้ตื่นจากภวังค์ รีบลุกไปเปิดบ้านไม้ขนาดใหญ่ก่อนพบไดร์เป่าผมและเสื้อผ้าบางส่วนที่เขาแบ่งมาให้เธอใช้ชั่วคราว เป็นเสื้อของผู้ชายซึ่งยังมีกลิ่นหอมประจำตัวชายหนุ่มติดอยู่จนเผลอสูดดมโดยไม่ให้เขารู้
“ไดร์เป่าผมฉันไม่ได้ใช้เธอเอาไว้ใช้เถอะ เป่าผมแห้งก็ออกมากินข้าวแล้วกินยา หน้าแดงๆ เหมือนจะไม่สบาย” รีบก้มมองพื้นแล้วรับของทุกอย่างมาถือเอาไว้ อยากบอกเขาเหลือเกินว่าที่หน้าแดงไม่ใช่เพราะป่วยหรอก
เธอกำลังเขินต่างหาก...
“ขอบคุณค่ะ” ของที่นำมาให้อยู่ในมือเธอ ชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าห้องตัวเอง เมษาปิดประตูห้องใจเต้นรัวจนไม่สามารถหุบยิ้มได้ มีความสุขเกือบเผลอร้องเพลงอารมณ์ดีก็ต้องเม้มปากแน่น เลือกจะนั่งลงเพื่อเป่าผมตัวเองให้แห้งแล้วออกจากห้องนอนเพื่อมาตากเสื้อผ้า
แต่สายตาก็เห็นเครื่องอบผ้าของชายหนุ่ม จึงใช้เครื่องอบผ้าแทนเพราะตากอย่างไรผ้าก็คงไม่แห้ง ฝนตกทั้งคืนยิ่งทำให้ผ้าอับ เดินเสียงเบามายังโต๊ะอาหารก่อนจะเห็นข้าวผัดหมูจัดใส่จานชวนน้ำลายสอ เธอไม่รอช้ารีบกินข้าวด้วยความหิว
ไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่เช้า ไม่แปลกที่เธอจะกินหมดภายในเวลาไม่กี่นาที ก่อนลุกไปรินน้ำมาดื่มหมดแก้ว อิ่มท้องแล้วยังสบายตัวอีกต่างหาก แต่ก็ต้องมองไปยังห้องของร่างสูงกลัวว่าจะรบกวนอีกฝ่าย รีบเก็บจานชามไปล้างเรียบร้อย
ต่อจากนี้เธอมีที่อยู่แล้ว...
นึกกังวลเมื่อของทั้งหมดถูกขโมยว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี ถ้าไม่ได้เขามาช่วยเหลือไว้หล่อนเองก็คงแย่
“กินข้าวอิ่มแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
ร่างสูงเดินออกจากห้องด้วยชุดนอนสีเรียบ ผมที่เคยเซ็ทก็คลายตัวทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อครู่จนเธอเผลอจ้องด้วยความหลงใหล ก่อนเรียกสติตัวเองด้วยการกระแอมพลางเหลือบมองไปทางอื่น หายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอไม่แสดงอาการมากจนเกินไป
ถ้าเขารู้ว่าแอบชอบ กลัวจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งแม่บ้าน ที่เพิ่งได้เข้าทำงานไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยน่ะสิ
“นี่เงินเอาไว้ซื้อของวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร ส่วนนี่เงินเดือนของเธอเอาไว้ใช้จ่าย ฉันให้ก่อนเพราะคิดว่าเธอคงต้องใช้ซื้อของที่ถูกขโมยไป ทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างด้วยล่ะ” ยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้เธอโดยที่หล่อนก็รับเอาไว้พร้อมพยักหน้ารับคำแข็งขัน ดวงตาเป็นประกายเมื่อได้จับเงินก้อนอีกครั้ง ซึ้งน้ำตาแทบไหลกับความแสนดีของเขา
แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย แต่กลับใส่ใจแม้รายละเอียดเล็กน้อย แล้วจะไม่ให้เธอตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอได้อย่างไร
“นี่คีย์การ์ดสำรองเอาไว้ใช้ จำข้อห้ามได้ใช่ไหม ถ้าฉันเห็นว่าเธอไม่ทำตามที่สั่งจะไล่ออกทันที” ยื่นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดเล็กมาตรงหน้าก่อนเธอจะรับเอาไว้ พยักหน้าขึ้นลงเป็นการให้สัญญากับชายหนุ่มเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
“ค่ะ หนูจะไม่ทำให้คุณคีนผิดหวัง” รอยยิ้มของเธอทำเอาเขาถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตั้งสติได้แล้วรีบไล่อีกฝ่ายให้เข้าห้องนอนเพราะเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา
“คืนนี้...ขอให้นอนหลับสบายนะ” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้พูดเช่นนั้น เพียงแค่ไม่อยากให้หญิงสาวนอนฝันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
มันผ่านไปแล้วก็ควรจะปล่อยให้ผ่านไป
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเอง ทำให้หล่อนหวั่นไหวมากแค่ไหน...
ตกหลุมรักเขา...เข้าเต็มเปาแล้ว!
