1
ว้าย!!!
เอี๊ยด!!!
กรี๊ด!!!
โครม!!!
เสียงหวีดร้อง เสียงเบรกรถเบียดอัดกับถนน เกิดจากเสียงรถชนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ นราวดี อภิวัชรโยธิน เด็กสาววัย 15 ปี นั่งตัวสั่นอยู่หน้าพวงมาลัยรถ ก่อนที่ไทยมุงจะเข้ามาดูเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รถพยาบาล เสียงคนพูดกันอย่างแซ็งแซ่ผ่านเข้าประสาทหู ในขณะที่เด็กสาวได้แต่ช็อกกับเกตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอส่ายหน้าไปมาอย่างขวัญเสีย
‘ขับรถยังไง ชนคนท้องตายคาที่’
‘แบบนี้แหละ พวกลูกนักการเมืองใหญ่ พ่อมันก็โกง ลูกมันก็ใจดำ นี่แหละเขาว่าคนดีตายง่าย คนชั่วๆ เลวๆ ตายยาก’
‘นี่ก็คงรอดพ้นจากคดีอีกตามเคย พ่อมันเส้นใหญ่ ถ้าลูกคนอย่างพวกเราๆ มีหวังติดคุกหัวโต’
‘ขับรถเร็วใช่ไหมล่ะ วันก่อนพี่ชายมันซิ่งชนคนตายยังเอาเรื่องไม่ได้เลย’
‘อายุแค่นี้เป็นฆาตกรเสียแล้ว เวรกรรมจริงๆ ประเทศไทย มีแต่เด็กนรก ยิ่งพ่อแม่มันรวยยิ่งเลวทรามต่ำช้า หาดีไม่ได้เลยจริงๆ’
‘กฎหมายหรือจะสู้เงินได้ มันสองมาตรฐานเห็นๆ’
‘รอลงอาญาอีกล่ะสิ ลูกคนรวยก็แบบนี้แหละ กฎหมายไทยน่าจะจริงจังมากกว่านี้นะ’
ไทยมุงวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ รู้กฎหมายบ้างไม่รู้กฎหมายบ้าง
นราวดีหน้าซีดตัวสั่นเมื่อได้ยินว่าผู้หญิงที่เธอขับรถชนเสียชีวิตตายคาที่ ลูกน้องของบิดาตามติดเธอไปยังโรงพยาบาลด้วยเพื่อให้ปากคำกับตำรวจก่อนจะพากลับ เพราะสถานที่เกิดเหตุเป็นหน้าบ้านของเธอเอง เธอสติหลุดพูดผิดๆ ถูกๆ แถมยังไม่เห็นหน้าคนเจ็บอีกเพราะเลือดท่วม หลังจากนั้นเธอก็เก็บตัวอยู่แต่บนห้องด้วยความกลัว
“แกนี่มันตัวซวยจริงๆ เลย ฉันกำลังจะลงเล่นการเมือง แกก็ทำงามหน้า ขับรถชนคนตาย” นนท์จิ้มหน้าผากบุตรสาวด้วยความโมโห นราวดีลนลานทำอะไรไม่ถูก หลังจากเกิดเรื่อง นนท์กับมาตาก็ต้องรับผิดชอบเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ แต่พ่อแม่ของสุวดีนั้นปฏิเสธการช่วยเหลือ แถมยังสาดน้ำไล่อีกเมื่อไปเคารพศพ ทำให้ต้องกลับกะทันหัน
“มันตายๆ ไปซะได้ก็ดีค่ะคุณ” มาตาพูดอย่างแค้นใจ เพราะคนที่บุตรสาวขับรถชนเป็นเมียน้อยของสามี ซึ่งเคยเป็นอดีตเลขา ตั้งท้องขึ้นมาก็เรียกร้องให้รับผิดชอบลูกในท้อง ผู้หญิงเดี๋ยวนี้หน้าด้านหน้าทนจริงๆ ชอบแย่งผัวชาวบ้าน
“นังลูกคนนี้นี่มันตัวซวย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง”
“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ แล้วครอบครัวผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ” เด็กสาวเอ่ยถามบิดามารดา เธอนึกเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เธอพูดไม่ได้ พูดออกไปก็ไม่ดี และคงไม่มีใครเชื่อ
“แกจะถามทำไม มันจะเป็นยังไงก็ช่างมันสิ” นนท์พูดด้วยความโมโห
“แต่หนูอยาก...”
“แกเลิกพูดมากแล้วทำตามคำสั่งของฉันก็พอ ไม่เห็นหรือไงว่ามันไม่รับความช่วยเหลือจากเรา”
นราวดีได้แต่รู้สึกผิด เธอนอนฝันร้ายทุกคืน ฝันว่าผู้หญิงคนนั้นยืนอุ้มลูกมาทวงความเป็นธรรม เธอปิดกั้นทุกอย่างไม่เคยดูข่าว ไม่รับรู้อะไร เพราะหวาดกลัว เนื่องจากอายุยังน้อย เธอไม่เห็นหรอกว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง เห็นในความฝันว่าเธอยืนเลือดท่วมกายเพียงแค่นั้น เพราะตอนไปงานศพยังไม่ทันจะเข้าไปในงานก็โดนสาดน้ำไล่ออกมาเสียก่อน
นราวดีจึงไปทำบุญถวายสังฆทานกับแม่นมที่เลี้ยงดูกันมา อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้หญิงคนนั้น เพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ หลังจากวันนั้นเธอไม่เคยหัดขับรถอีกเลย นอกจากความรู้สึกผิดแล้ว มีบางสิ่งบางอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจ ปริปากบอกใครไม่ได้
คดีความนั้นเธอยอมรับผิดทุกอย่าง ตอนให้ปากคำก็มีทนายของบิดาไปด้วยตลอด พอขึ้นศาลทางพ่อแม่ผู้เสียหายก็ไม่รับความช่วยเหลือใดๆ แถมยังสาปแช่งเธออีก โชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอม เธอจึงไม่ต้องออกไปพบเจอผู้คน ปิดกั้นข่าวสารทุกอย่างเอาไว้แค่เพียงในห้องเล็กๆ
“ฉันจะส่งแกไปอยู่โรงเรียนประจำ” นนท์พูดใส่หน้าลูกสาวคนเล็กที่เขาแสนจะรังเกียจ เพราะคดีของนราวดี รอลงอาญาสามปี บุตรสาวเป็นผู้เยาว์ ต้องบำเพ็ญประโยชน์ และห้ามก่อคดีแบบนี้อีก
ตั้งแต่เล็กจนโต นราวดีไม่เคยได้รับความรักจากบุพการี เธอมักอยู่กับแม่นมและสาวใช้ซึ่งคอยดูแลกันมาตลอด เธอทำอะไรก็ผิดหูผิดตาบิดามารดาไปเสียหมด มารดาอาจไม่เท่าไหร่ แต่บิดานั้นเรียกว่าจงเกลียดจงชังเธอเหลือเกิน เธอเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุอันใดจึงเป็นเช่นนั้น