บท
ตั้งค่า

ห้ามมีแฟน

หนึ่งปีต่อมา....

ตอนนี้ฉันอยู่มอหกอีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้วและฉันกับเพลิงเราก็คบกันมาได้เกือบหนึ่งปีแล้วแต่เป็นการคบแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะฉันกลัวว่าถ้ามีคนรู้ว่าเราคบกันโดยเฉพาะลูกหมีฉันเกรงว่าลูกหมีอาจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณแม่แล้วฉันอาจจะไม่ได้เรียนต่อเพราะคุณแม่เคยพูดกับฉันว่าห้ามมีแฟนเด็ดขาดถ้าท่านรู้ฉันจะต้องออกจากโรงเรียน

"ฉันกับพี่พงค์เสียเงินส่งเสียแกเรียนหนังสือโรงเรียนดีๆ ค่าเทอมแพงๆ เพราะฉะนั้นแกห้ามคบผู้ชายเพราะฉันให้แกมาเรียนไม่ได้ให้มาหาผัวจำเอาไว้ถ้าวันไหนฉันรู้ว่าแกแรดมีแฟนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบฉันจะให้แกออกจากโรงเรียนแล้วให้มาทำงานบ้านฉันจะได้ประหยัดเงินจ้างแม่บ้าน" นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่ต้องการให้เขาบอกใครว่าเราเป็นแฟนกัน

จากวันนั้นที่เขาพูดว่าเขารับได้ทุกอย่างที่เป็นฉันเขาไม่อายและไม่รังเกียจเรื่องความเป็นมาของฉันฉันก็เลยกล้าที่จะลองเปิดใจให้เขาดูยอมทำตามหัวใจตัวเองดูสักครั้งฉันไม่รู้หรอกว่าอนาคตฉันกับเขาจะเป็นยังไงแต่ฉันก็หวังว่ามันดีแบบนี้ตลอดไป ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาดีกับฉันมากไม่เคยล่วงเกินอะไรฉันเลยมากสุดก็คือจับมือ ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตต่างจากเมื่อก่อนที่ฉันไม่มีใครเลยอยู่ตัวคนเดียวตลอด สถานที่ๆเราจะเอาไว้เจอกันพูดคุยกันก็คือห้องสมุด ถามว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเราเคยไปไหนมาไหนด้วยกันตามประสาคนรักบ้างไหม..ไม่เคยเลยสักครั้งฉันไม่มีเวลาให้เขาเลยเลิกเรียนก็รีบกลับบ้านเสาร์อาทิตย์ก็อยู่บ้านทำงานบ้าน ซึ่งเขาก็ไม่เคยว่าแต่ก็มีแอบบ่นน้อยใจบ้างเท่านั้นเอง มีหลายครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะมีแฟนฉันเคยบอกให้เขาลองไปหาคนอื่นดูคนที่มีเวลาให้เขาแต่เขาก็ไม่ไป

ตอนนี้ฉันนั่งรอเพลิงเพราะเขาบอกว่าจะไปส่งฉันที่บ้าน อันที่จริงก็ไม่เชิงที่บ้านหรอกฉันจะให้เขาไปจอดตรงหน้าปากซอยแล้วฉันจะเดินเข้าไปเองเพราะฉันไม่อยากให้ใครมาเจอแล้วเอาไปบอกคุณแม่ ฉันรู้ว่าตัวเองทำไม่ถูกที่ขัดคำสั่งคุณแม่ แต่เพลิงเขาเป็นความสุขเดียวของฉันที่ฉันมีตอนนี้ แต่ถึงฉันจะเป็นแฟนเพลิงแต่ฉันก็ไม่เคยให้ผลการเรียนตกเลยสักเทอมฉันเรียนได้ที่หนึ่งทุกเทอม

"หนึ่งวันนี้เพลิงไปส่งไม่ได้นะเพลิงมีซ้อมบาสกับพวกไอ้โต๋ไอ้ว่านถึงดึกเลย"

"อื้มมมได้ ซ้อมเสร็จแล้วโทรหาหนึ่งด้วยนะ^^"

"ครับผมไว้ตอนค่ำเพลิงจะโทรหานะ"

"อื้มมมม"

"ไม่ได้งอนใช่ไหม"

"เปล่างอนซักหน่อย"

"ห้ามงอนนะครับ"

"ครับ" ฉันตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันงอน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าที่พอแฟนไม่ว่างไปส่งก็จะงอน ฉันรู้ว่าเพลิงต้องซ้อมบาสเพราะเขาเป็นนักกีฬาและเขาก็มีเพื่อนเยอะฉันจะเอาแต่รอให้เขาไปรับไปส่งฉันทุกวันก็คงไม่ได้ ถ้าเขาไม่ว่างก็จะไม่เซ้าซี้เพราะฉันรู้ว่าถ้าเขาว่างเมื่อไหร่เขาก็จะไปส่งฉันเอง มันเป็นแบบนี้มาตลอดหนึ่งปีที่ฉันยอมตกลงเป็นแฟนกับเขา

ฉันเดินออกมาหน้าโรงเรียนเพื่อรอรถเมล์ แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูโรงเรียนโซ่เพื่อนสนิทขอเพลิงก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดข้างๆ ฉันฉันหยุดมองเขาแว๊บหนึ่งก่อนจะเดินต่อแต่เขาก็ขับตามมาติดๆ จนฉันต้องหยุดเดินแล้วถามเขา

"โซ่มีอะไรหรือเปล่า"

"ไอ้เพลิงไม่ไปส่งบ้านเธอเหรอวันนี้"

"เพลิงซ้อมบาส"

"มันบอกเธอแบบนั้น??"

"อื้มม ทำไมเหรอ"

"เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่บ้านเธออยู่ไหนฉันจะไปส่ง"

"ไม่เป็นไรเรากลับเองได้"

"ทำไมกลัวไอ้เพลิงเข้าใจผิด??"

"เปล่าหรอก เราคิดว่าโซ่ไม่ชอบหน้าเราก็คงแค่ชวนเราตามมารยาทเท่านั้น" ที่ฉันพูดแบบนั้นเพราะตั้งแต่ฉันคบกับเพลิงมาเพื่อนของเพลิงทุกคนต่างก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่คนที่แสดงออกอย่างชัดเจนมากที่สุดก็คือโซ่เพราะเขาเคยพูดต่อหน้าฉันกับเพลิงรวมถึงคนอื่นๆ ว่า ฉันไม่สวยเลยไม่มีอะไรน่าสนใจและไม่มีอะไรที่ตรงสเป๊กเพลิงสักอย่างเดียวต่างจากคนก่อนๆ ที่เพลิงเคยคบแล้วตอนนี้ทำไมถึงมาคบกับฉันไม่อายเหรอ ฉันรู้ว่าเขากำลังดูถูกฉันอยู่แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปเพราะที่เขาพูดมันคือความจริงทุกอย่างฉันไม่สวยเลยจริงๆ เป็นเพียงผู้หญิงเชยๆ หน้าตาธรรมดาเท่านั้น

"หึ ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอฉันแค่สงสารเธอเท่านั้นเองก็เลยจะไปส่ง"

"สงสาร?? สงสารเรื่องอะไร"

"เปล่าไม่มีอะไรเธอไม่ต้องสนใจคำพูดของฉันหรอก" พูดจบโซ่ก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ฉันยืนมองอย่างไม่เข้าใจถามว่าฉันรู้สึกแปลกๆกับคำพุดของโซ่ไหมก็รู้สึกแต่ฉันไม่อยากเก็บมาใส่ใจ 

เวลาต่อมา....

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ทะเลาะกันในวันนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ก็มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยขึ้นแทบจะทุกวันสาเหตุก็มาจากเรื่องเงินทำให้คุณพ่อแยกมานอนคนเดียวที่ห้องนอนรับแขกเพราะไม่อยากทะเลาะกับคุณแม่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"คุณพ่อคะหนึ่งชงนมร้อนมาให้คุณพ่อค่ะ" ฉันเคาะประตูห้องนอนของคุณพ่อก่อนจะเปิดเข้าไปอย่างช้าๆพร้อมแก้วนมร้อนเพราะเมื่อตอนเย็นฉันเห็นท่านทานข้าวไปแค่นิดเดียวฉันกลัวว่าท่านจะไม่สบาย

"ขอบใจมากลูก" คุณพ่อขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าซีดเซียวฉันรีบวางแก้วนมร้อนแล้วประคองท่านให้นั่ง

"คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะหน้าซีดมากเลยค่ะ"

"พ่อแข็งแรงดีไม่เป็นอะไรหรอกลูกขอบใจนะที่เป็นห่วงพ่อ ว่าแต่หนึ่งเถอะใกล้จะเรียนจบมอหกแล้วคิดหรือยังว่าจะเรียนต่อที่มหาลัยไหน"

"หนึ่งคิดว่าหนึ่งจะเรียนต่อภาคค่ำค่ะคุณพ่อ"

"ทำไมล่ะลูก"

"หนึ่งรู้ว่าช่วงนี้ที่บ้านของเรามีปัญหาหลายอย่างหนึ่งไม่อยากรบกวนคุณพ่อหนึ่งคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วหนึ่งอยากจะหางานทำแล้วค่อยไปเรียนภาคค่ำเอาค่ะหนึ่งอยากช่วยคุณพ่อประหยัดเงินคุณพ่อจะไม่ได้ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้"

"อย่าเลยลูกพ่อส่งหนึ่งเรียนยังไหวอยู่หนึ่งจบแค่มอหกงานดีๆที่ไหนเขาจะรับลูก"

"หนึ่งทำได้หมดจะเสิร์ฟจะล้างจานจะเลี้ยงเด็กหนึ่งก็ทำได้ค่ะ แค่หนึ่งไม่เป็นภาระของคุณพ่อก็พอค่ะ"

"หนึ่งไม่ใช่ภาระนะลูกอย่าคิดแบบนั้น"

 "หนึ่งขอบคุณนะคะที่คุณพ่อเลี้ยงดูหนึ่งมาอย่างดีมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตถ้าไม่มีคุณพ่อหนึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง"

"หนึ่งคือความภูมิของพ่อรู้มั้ยลูก หนึ่งเป็นเด็กดีไม่เคยทำอะไรให้พ่อลำบากใจหรือผิดหวังเลยพ่อดีใจที่ได้หนึ่งมาเป็นลูกนะลูก"

"หนึ่งก็ดีใจค่ะที่ได้มาเป็นลูกของคุณพ่อ คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะหนึ่งจะอยู่ดูแลคุณพ่อให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนนี้จะทำได้"

"ขอบใจนะลูกขอบใจมากพ่อไม่เสียใจเลยที่รับหนึ่งมาเป็นลูก แค่ก แค่ก แค่ก"

"คุณพ่อไม่สบายใช่มั้ยคะอย่าโกหกหนึ่งนะคะ"

"พ่อไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้นเองลูกไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอก" คุณพ่อตอบพร้อมกับหลบตามันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่าท่านต้องมีอะไรปิดบังฉันอยู่

"หนึ่งไม่เชื่อค่ะ คุณพ่อบอกความจริงหนึ่งมาเถอะนะคะหนึ่งขอร้อง" ฉันไม่อยากให้ท่านปิดบังอาการป่วยของท่านฉันรู้ว่าท่านไม่สบายเพียงแค่ไม่รู้ว่าท่านไม่สบายเป็นอะไร

"พ่อ....เป็นโรคหัวใจน่ะลูก"

"โรคหัวใจเหรอคะ" ฉันยอมรับว่าตกใจมากเมื่อรู้ว่าท่านเป็นโรคหัวใจซึ่งฉันพารู้มาบ้างว่าโรคนี้ต้องทานยาตลอดห้ามขาดแต่ฉันก็พยายามไม่ตื่นตระหนกเพราะเกรงว่าคุณพ่อจะไม่สบายใจเพิ่มขึ้นไปอีก ตอนนี้ฉันต้องให้กำลังใจท่านให้มากๆ

"แล้วเรื่องนี้คุณแม่รู้มั้ยคะ"

"รู้ลูก"  ฉันคิดในใจว่าทั้งที่คุณแม่รู้แต่ทำไมถึงยังทะเลาะกับคุณพ่ออีกท่านไม่ห่วงสุขภาพคุณพ่อบ้างหรืออย่างไร ฉันทำได้แค่คิดในใจเท่านั้น

"แล้วคุณพ่อทานยาหรือยังคะ"

"ยังเลยลูกพ่อลืม"

"ทำไมคุณพ่อขี้ลืมแบบนี้คะไม่สบายก็ต้องทานยาให้ตรงเวลานะคะคุณพ่อจะได้อยู่กับหนึ่งนานๆ"

"คงมีแค่หนึ่งที่เป็นห่วงพ่อ"

"ทุกคนก็เป็นห่วงคุณพ่อนะคะแค่ทุกคนแสดงออกไม่เหมือนกัน"

"ขอบใจนะลูกที่ปลอบใจพ่อ"

"แล้วยาคุณพ่ออยู่ไหนคะเดี๋ยวหนึ่งจะช่วยจัดยาให้"

"ในลิ้นชักลูก" ฉันเดินไปเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบยาซึ่งยามีเยอะมาก

"คุณพ่อทานหมดนี่เลยเหรอคะ"

"ใช่ลูก" ฉันหยิบยาออกมาเพื่อดูว่ายาตัวไหนกินเวลาไหนจากนั้นก็ยื่นให้คุณพ่อทาน

"ต่อไปหนึ่งจะมาจัดยาให้คุณพ่อนะคะแล้วก็จะบังคับให้คุณพ่อทานยาให้ตรงเวลาด้วย"

"เรานี่ไปเรียนพยาบาลน่าจะดีนะ555"

"ไม่เอาหรอกค่ะหนึ่งกลัวเลือดถ้าหนึ่งไปเป็นพยาบาลหนึ่งต้องเป็นลมต่อหน้าคนไข้แน่เลย" ฉันพยายามพูดติดตลกเพื่อให้ท่านหัวเราะให้ท่านสบายใจไม่เครียด

"เออพ่อลืมไป5555 หนึ่งง่วงหรือยังลูก"

"ยังค่ะคุณพ่อมีอะไรจะใช้หนึ่งก็บอกมาได้เลยค่ะ"

"อ่านหนังสือให้พ่อฟังหน่อย"

"ได้เลยค่ะ^^"  ฉันนั่งอ่านหนังสือให้คุณพ่อฟังสักพักมือถือฉันก็มีเสียงแจ้งเตือนปรากฏว่าเป็นเพลิงที่ส่งข้อความมาพอดี ฉันก้มลงอ่านข้อความและดูรูปที่เขาส่งมา

เขาส่งข้อความมาบอกว่า คิดถึงจังครับ พร้อมกับส่งรูปตัวเองที่ทำมินิฮาร์ทมาให้ฉันจจนฉันยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติโดยลืมไปว่าคุณพ่ออยู่ด้วย

"แฟนส่งข้อความมาหาสินะยิ้มไม่หุบเลย"

"คุณพ่อคะคือ"

"พ่อไม่ได้ว่าอะไรหรอกลูกหนึ่งโตแล้วอายุสิบแปดแล้วมีแฟนก็ไม่แปลก ว่าแต่เขาคือใครพอจะบอกพ่อได้มั้ยลูก"

หลังจากนั้นฉันก็บอกเรื่องเพลิงให้คุณพ่อฟังว่าเราเป็นแฟนกันได้ยังไง

"ลูกชายท่านทูตซะด้วยนะไม่ธรรมดาแม่เป็นถึงผู้บริหารโรงแรม หนึ่งของพ่อโชคดีจริงๆ^^"

"คุณพ่อรู้จักคุณพ่อกับคุณแม่ของเพลิงด้วยเหรอคะ" ฉันไม่คิดว่าคุณพ่อจะรู้จักคุณพ่อกับคุณแม่ของเพลิงกัลป์

"ใครบ้างจะไม่รู้จักแต่เหมือนทั้งสองย้ายไปอยู่อเมริกาเป็นการถาวรแล้วนั่นก็แปลว่าแฟนหนึ่งอยู่ที่นี่คนเดียวสินะเก่งนะอายุแค่นี้ดูแลตัวเองได้ ถ้าว่างๆพาเค้ามาเที่ยวบ้านเราบ้างนะลูก เห้ออ พ่อจะได้ลูกเขยเป็นลูกชายท่านทูตเหรอเนี่ย 55555" 

"คุณพ่อคะ" ฉันรู้สึกเขินและอายที่ได้ยินนคุณพ่อพูดแบบนี้และฉันก็รู้สึกสบายใจที่ได้บอกกับท่านเรื่องของเพลิง ฉันจะได้รู้สึกผิดน้อยลงที่ปิดบังท่านมาตลอดหนึ่งปีเต็ม

..............................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel