เด็กชายในวันนั้น
“ พี่ชาย ร้องไห้ทำไมเหรอคะ ”
เสียงใส ๆ ดังขึ้น ทำลายภวังค์ของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีที่นั่งอยู่บนหาดทรายสีขาว สายตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายไปสู่ท้องทะเลอันเวิ้งว้างเบื้องหน้า น้ำตาใสไหลอาบแก้มไม่หยุดหย่อน เขาหันขวับไปยังที่มาของเสียงแล้วรีบยกมือขึ้นปาดเช็ดมันออกจากใบหน้า
เด็กหญิงตากลมโต แก้มยุ้ย วัยน่าจะหกเจ็ดขวบ พอ ๆ กับน้องชายของเขา เธอยืนอยู่ริมหาดทรายห่างจากเขาราวสองเมตร แล้วส่งยิ้มสดใสมาให้
“ พี่มีเรื่องเสียใจเหรอ ถึงมานั่งร้องไห้คนเดียว ” ปราบพยักหน้า
“ เธออยู่แถวนี้เหรอ ”
“ เปล่า ป้าเนียงป่วย วันนี้แม่อันดาเลยต้องมาขายของแทนอยู่ตรงโน้นวันนึง ” เด็กหญิงอธิบายซื่อ ๆ ก่อนนั่งลงข้าง ๆ แล้วชวนเขาคุย
“ อันดาก็เคยมีเรื่องเสียใจนะ พ่อของอันดาตายตอนอันดาอยู่อนุบาล อันดาร้องไห้เยอะแบบพี่ชาย แต่ตอนที่พ่ออยู่ พ่อเคยสอนอันดาว่า เวลามีเรื่องเศร้าใจให้เอาเปลือกหอยมาวางไว้ตรงนี้ ”
เธอพูดพร้อมเดินไปหยิบเปลือกหอยอันหนึ่งมา มือเล็กดึงมือใหญ่ของเด็กหนุ่มออกมา เขาไม่ขัดขืน เพราะตอนนั้นเขาก็ต้องการใครสักคน ดีกว่านั่งอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวแบบนี้
เธอวางเปลือกหอยหงายบนฝ่ามือเขา
“ เสร็จแล้ว อยากได้อะไรให้พูดอธิษฐานกับเปลือกหอย ”
แม้จะกำลังโศกเศร้า แต่ปราบก็หัวเราะขำในสิ่งที่พึ่งได้ยิน
“ อธิษฐานกับเปลือกหอยเนี่ยนะ ” เด็กหญิงค้อนขวับ
“ พี่อย่าหัวเราะเชียวนะ เพราะอันดาเคยขอบ่อย ๆ ว่าขอให้พ่อกลับมา แล้วพ่อก็กลับมาจริง ๆ ” ปราบทำตาโต
“ ฮะ พ่อเธอกลับมาจากความตายเนี่ยนะ ” เด็กหญิงพยักหน้า
“ มา แต่มาในฝัน มากอดอันดาทุกวัน เล่นกับอันดาเหมือนเคย ”
เธอเล่าพร้อมรอยยิ้มและแววตาอันแสนมีความสุข เด็กหนุ่มพลอยยิ้มไปกับเธอ
“ อันดาไม่รู้ว่าพี่ร้องไห้เรื่องอะไร แต่ลองทำดู ” ปราบพยักหน้า ส่งยิ้มให้เด็กน้อย
“ ขอบใจนะ พี่จะเก็บไว้ ”
“ อันดา อันดาเอ๊ย แม่จะกลับแล้วลูก ” เสียงเรียกดังมาจากเพิงขายของริมทะเล เด็กหญิงหันขวับและร้องตอบไป
“ จ้าแม่ ไปแล้วจ้า ” แล้วเธอก็หันมาโบกมือบ๊ายบายให้เขา
“ อันดาไปก่อนนะ ”
เด็กหนุ่มยิ้มแล้วโบกมือตอบกลับไป เขากำเปลือกหอยไว้แน่นแล้วยกขึ้นหลับตา อธิษฐานถึงสิ่งที่ในใจปรารถนา ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วยิ้มอย่างมีความหวัง นึกขอบคุณเด็กหญิงตัวน้อยที่เข้ามาในยามที่เขาอ้างว้างเหลือเกิน แม้จะไม่ได้ถามชื่อแต่ก็ได้ยินที่เธอแทนชื่อตัวเองในบทสนทนา เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณเธอออกมาเบา ๆ จากใจ
“ ขอบใจนะ อันดา ”
***
“ นายหัวครับ ของมาแล้วครับ ”
เสียงเรียกจากวิเชียร คนงานรูปร่างสันทัด ผิวคล้ำ หน้าเข้ม ตามลักษณะของหนุ่มใต้ ผู้ถูกเรียกเงยหน้าจากการเซ็นต์เอกสารกลางสวนปาล์มแล้วมองไปยัง “ ของ ” ที่ลูกน้องว่า
เด็กสาวผิวสีน้ำผึ้ง แต่งชุดนักศึกษา อายุอานามเธอน่าจะราวยี่สิบต้น ๆ แต่สัดส่วนนั้นมันล้ำหน้าไปไกลเหลือเกิน สะโพกสะบึมดันกระโปรงฟิตที่เธอสวมออกมา ไฟหน้าคู่นั้นใหญ่จนล้นเสื้อจนกระดุมแทบปริ ตัดผมสั้นบ๊อบเทตามสมัย ใบหน้านั้นฉาบไปด้วยเครื่องสำอางจนดูเยอะเยินซึ่งเขาไม่ชอบเลย แต่ไม่เป็นไร ตอนทำอย่างว่าไม่ได้ทำตรงหน้าสักหน่อย
สาวอวบจ้องมองเธอกลับมาด้วยสายตาท้าทายยั่วยวน เธอสำรวจเขาไปทั่วร่าง นายหัวปราบเจ้าของสวนปาล์มและสวนยางเป็นพันไร่ แถมยังมีรีสอร์ทอีกสองที่ อายุอานามเห็นคนอื่นเขาว่าสามสิบต้น ๆ แต่เศษเท่าไรเธอไม่รู้ที่รู้ ๆ หุ่นเขาแซ่บน่ากินมาก เขาตัวสูง สูงกว่าผู้ชายทั่วไป สูงจนเธอต้องแหงนคอตั้งมอง ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วเข้ม ตาเฉี่ยวดุ จมูกโด่ง รับกับปากหยักบาง หนวดเคราขึ้นรกครึ้ม ส่งให้เขายิ่งดูหล่อแบบร้าย ๆ หล่อแบบแบดบอย ผิวเขาคร้ามเข้มเพราะตากแดด แต่ก็ยังดูขาวกว่าคนใต้ทั่วไป สวมเสื้อยืดด้านในแล้วคลุมด้วยเชิ้ตแขนยาวอีกที แต่เธอยังมองรู้เลยว่าแน่นมาก
เขามองเธอด้วยสายตาที่ทำให้เธอเร่าร้อนเหลือเกิน แล้วค่อยเยื้องย่างเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระซิบข้างหู
“ ตามผมมา ผมขอเช็คของหน่อย ” แล้วเขาก็เดินนำไปขึ้นรถเจ็ดที่นั่ง เธอเดินตามแล้วเปิดประตูไปนั่งเบาะข้างคนขับ จากนั้นเขาก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว คนงานสี่ห้าคนเดินออกมามองตามรถนายหัว
“ โอ้โฮ นายหัวนี่แกไม่เลือกเวลาเลยเนาะ บ่ายแก่ ๆ ร้อนแทบไหม้ แกก็ไม่สน ” หนึ่งในคนงานเอ่ยขึ้น
“ อวบขนาดนั้น เป็นผม ผมก็ไม่เลือกเวลาเหมือนกันล่ะพี่ ” อีกคนเอ่ยตอบ
“ ไป ๆ เรื่องของนาย ขี้ข้าไม่เกี่ยว ไป กลับไปทำงานกันได้แล้ว ” วิเชียรไล่พวกนั้นให้กลับไปทำหน้าที่ตามเดิม ก่อนที่เขาจะขับรถกลับไปยังออฟฟิศ
***