ตอนที่1(ไคพิธิวัชร์เขาคือใคร)
ไค พิธิวัชร์.......
บ้านพักแถวชานเมือง
สาธารณรัฐอิตาลี
นิยามคำว่ารักของใครหลายคนคืออะไรกันเหรอครับ?
การที่เราได้รักใครสักคนมันทำให้เรามีความสุขมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?
เเล้วทำไมผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงทำไมผู้ชายถึงคู่กับผู้ชายไม่ได้ล่ะครับ?
ความรักคืออะไร?
“เห้อ”ผมถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดกับบทความบ้าๆของผมที่ผมคิดและหาข้อสรุปมันไม่เจอสักที
“เป็นอะไรของมึงว่ะ?”เสียงไอโคเอ่ยถามผมขึ้นทำให้ผมละสายตาจากกระดาษสีเหลี่ยมไปมองหน้ามัน มันเป็นเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันกับผมน่ะครับ จะว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ เรียกว่าเป็นทีมเดียวกันดีกว่า
“ความรักคืออะไรว่ะ?”ผมเอ่ยถามมันไป มันก็ยักไหล่ให้ผม ผมก็ยิ่งถอนหายใจออกมาอีก และหันกลับมองไปทางหน้าต่างของห้องสี่เหลี่ยมนี้ พวกเราไม่ใช่คนดีหรอกครับและที่สำคัญไค ก็ไม่ใช่ชื่อของผม ผมเคยเกือบจะโดนติดคุกเพราะคดีฆ่าคนตาย ตกเป็นแพะนะครับ และที่สำคัญตอนนี้ผมตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องเพราะผมตกเป็นแพะรับบาปตั้งแต่อายุเก้าขวบหึๆตลกดีใช่ไหมครับชีวิตของผม ผมถึงตั้งคำถามกับตัวเองเรื่อยมาว่าความรักคืออะไร?
“มีงานชิ้นใหม่ที่ประเทศไทย”เสียงเอ่ยขึ้นของผู้มาใหม่ทำให้ผมกับไอโคหันไปมองทางประตูทันที ก็พบกับผู้หญิงหน้าอกสบึ้มสวมชุดเดรสสีทองรัดรูปเดินหอบเอกสารเข้ามามันคือไอคิงมันไปรับงานที่องค์กรมา
“ค่าจ้าง?”ไอโคเอ่ยถามขึ้นทันที ผมก็เลิกสนใจพวกมันและหยิบสมุดบันทึกของผมเดินออกจากห้องพักรวมของพวกผมออกมาและเดินมุ่งหน้าไปทางสนามหญ้าที่เขียวขจีเบื้องหน้า พวกผมเพิ่งจะมาอยู่ที่นี้ได้สามเดือน ก็จะต้องไปอีกแล้วเหรอเนี่ย เห้อ ผมยังไม่เจอสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย
“เห้อ ไอที่เรียกว่าความสุขมันมีความรู้สึกแบบไหนกันน่ะ และไอความสุขมันคืออะไร?”ผมล้มตัวลงนอนลงไปบนทุ่งหญ้าและหลับตาลงและนึกถึงเรื่องราวเมื่อ20ปีก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อ20ปีก่อน
ณ คฤหาสน์ตันตินิเวชกุล
“คุณชายน้อยครับ”เสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยเรียกผมที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่สวนหย่อมของบ้านผม
“ครับ คุณลุง”ผมหันไปขานรับคุณลุงและค่อยๆเดินเข้าไปหาท่าน
“คุณท่านชายและคุณท่านหญิงรอคุณชายน้อยอยู่ครับ^_^”คุณลุงคนคนขับรถที่คอยพาผมไปส่งโรงเรียนทุกวันเอ่ยขึ้น เมื่อผมได้ยินดังนั้นผมก็ปิดสมุดการบ้านและเก็บของอุปกรณ์การเรียนลงในกระเป๋าและถือกระเป๋าเดินตามคุณลุงเข้าไปในบ้าน
“โอ้ว ลูกชายสุดหล่อของแม่”ทันทีที่ผมเดินพ้นประตูห้องรับแขกเข้ามาก็พบกับคุณหญิงแม่ของผมที่กำลังนั่งอยู่กับคุณพ่อของผม พวกท่านเพิ่งจะกลับมาจากที่ทำงานนะครับ ครอบครัวของเราอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่นี้สามคนพ่อแม่ลูกและคุณลุงคนขับรถและป้าแม่บ้านอีกสองสามคน ชีวิตของผมวันๆหนึ่งแทบไม่ต้องทำอะไรเลย มีหน้าคือตื่นเช้ามาไปเรียนหนังสือและทำการบ้านแค่นั้น เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่เองมีคนใส่ให้ ชีวิตของผมเหมือนราวกับเจ้าชายที่อยู่ในพระราชวังแต่แปลกผมกลับไม่ชอบมันเลยสักนิด ผมอยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆบ้าง
“นี้จ๊ะลูกรัก ขนมที่ลูกชอบ^_^”คุณแม่เอ่ยบอกผมพลางยื่นกล่องเค้กร้านโปรดมาให้ผม
“ขอบคุณครับคุณแม่”ผมยกมือขอบคุณท่านและยื่นมือไปหยิบกล่องเค้กนั้นมา
“น่ารักจังเลยลูก^_^”คุณแม่เอ่ยบอกผมและยื่นมือมาลูบผมอย่างแผ่วเบา ผมก็หันไปยิ้มให้ท่านทั้งสองและเราก็เริ่มลงมือทานเค้กก้อนโตกันสามคน ครอบครัวของผมเราจะทานข้าวด้วยกันทุกมื้อคุณพ่อคุณแม่ให้ความใส่ใจผมมาก
“นำ้ค่ะคุณท่าน”ป้าแม่บ้านหน้าใหม่ที่คุณแม่เพิ่งจะรับเข้ามาทำงานได้เพียงแค่ไม่กี่วันเดินถือถาดนำ้ส้มคั้นเองสามแก้วเข้ามาวางลงบนโต๊ะและหยิบมาวางไว้ลงตรงหน้าของผมและคุณพ่อกับคุณแม่
“นำ้ส้มคั้นเองเหรอจ๊ะ?”คุณแม่ของผมหยิบแก้วนำ้ส้มขึ้นมาดื่มและหันไปเอ่ยถามป้าแม่บ้าน
“ค่ะ ดิฉันคั้นเองค่ะคุณผู้หญิง”
“อร่อยมากจ๊ะ^-^”คุณแม่ของผมเอ่ยปากชมคุณป้าแม่บ้าน แต่ผมไม่ได้หยิบแก้วนำ้ส้มมาดื่มหรอก เพราะผมไม่ชอบกิน ผมก็กัดเค้กเคี้ยวเอื่อยๆ
“ขอบคุณค่ะ^_^”
“คุณลองดื่มดูสิคะ อร่อยมาก”คุณแม่ของผมหันไปเอ่ยบอกคุณพ่อของผม คุณพ่อของผมท่านเป็นคนที่ไม่เคยขัดใจคุณแม่ของผมอยู่แล้ว ท่านจึงหยิบแก้วนำ้ส้มคั้นขึ้นมาดื่ม
“อืม อร่อยจริงๆด้วยคุณ^_^”คุณพ่อของผมหันมาเอ่ยบอกคุณแม่และท่านก็ยิ้มให้กัน และคุณพ่อกับคุณแม่ของผมก็พากันหันมามองที่ผมเป็นจุดเดียว รวมไปถึงป้าแม่บ้านเองก็ด้วย
“ลูกไม่ลองบ้างดื่มเหรอครับ?”คุณแม่เอ่ยถามผม ผมก็ยิ้มให้ท่านและเอื้อมมือไปหยิบกล่องนมจืดในกระเป๋านักเรียนผมขึ้นมาชูให้พวกท่านดู
“ผมกินนมครับคุณแม่”ผมตอบคุณแม่ของผมและเจาะกล่องนมเพื่อดูดนมให้พวกท่านเห็นทันที
“ผมขอตัวขึ้นห้องนะครับ”ผมลุกขึ้นพลางเอ่ยบอกคุณแม่และคุณพ่อที่พวกเขากำลังดูสถานที่ที่จะพาผมไม่เที่ยวในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้
“อ้าว แล้วลูกไม่ดูเหรอจ๊ะว่าลูกอยากไปเที่ยวที่ไหน?”คุณแม่เอ่่ยท้วงผมทันที ผมก็ส่ายศีรษะไปมาเพื่อเป็นคำตอบ ผมไม่ค่อยชอบพูดสักเท่าไหร่ เพื่อนที่โรงเรียนผมก็ไม่ค่อยมี
“จ๊ะ ลูกคงเหนื่อย ไปพักผ่อนเถอะจ๊ะ^_^”คุณแม่เอ่ยบอกผมและยิ้มแหย่ๆให้ผม ผมก็โค้งตัวให้ท่านทั้งสองและหันตัวเดินออกมาจากตรงนั้นมุ่งหน้าไปยังบันไดเพื่อจะขึ้นห้องนอนของตัวเอง ผมไม่ชอบที่มีคนอยู่เยอะๆ ผมไม่ชอบรู้จักกับสิ่งใหม่ๆ ผมชอบอยู่กับอะไรเดิมๆมากกว่า
พรึบ
ผมทิ้งตัวลงไปบนที่นอนติดสปริงขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้องนอนขนาดใหญ่ของผม และเอื้อมมือไปหยิบหูฟังมาสวมใส่หูแต่ไม่ได้เปิดเพลงฟังนะครับ ผมมักจะชอบใส่มันเป็นประจำเวลาที่ผมอยากอยู่คนเดียว
“เห้อออออ”ผมถอนหายใจออกมาและค่อยๆปิดเปลือกตาลงผมอย่างช้าๆ และไม่รู้ว่าผมนั้นเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สะดุ้งตื่นมาอีกทีห้องห้องนี้ก็มืดสนิทเพราะเป็นเวลาพรบคำ่แล้ว
“มืดแล้วเหรอ?”ผมเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบาๆและค่อยๆบิดขี้เกียจไปมาให้หายจากความเมื่อยล้า ผมลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปยังห้องอาบนำ้เพื่อจะอาบนำ้ชำระร่างกายและจะลงไปทานข้าวเย็น แต่แปลกจังที่วันนี้คุณแม่ไม่ขึ้นมาเรียกผมให้ลงไปทานข้าว เพราะปกติผมต้องทานข้าวพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ทุกวันและทุกมื้อ
“ทำไมถึงไม่เปิดไฟ?”ความเป็นเด็กทำให้ผมขี้สงสัยเลยเอ่ยพูดขึ้น เพราะเมื่อผมเดินออกมาจากห้องของผม บ้านทั้งหลังไม่มีไฟเปิดอยู่เลยสักดวงเดียว ผมก็นึกแปลกใจและค่อยๆเดินไปยังสวิตซ์ไฟเพื่อจะเปิดไฟ
พรึบ
“คุณแม่ครับ!”
“คุณพ่อครับ!”ผมตะโกนเรียกหาท่านทั้งสองแต่ก็ไม่พบใครเลยสักคนบนชั้นในห้องอาหาร ที่ผมเป็นคนเดินมาเปิดไฟเอง และทันทีที่ผมกดเปิดไฟก็พบเพียงแค่บ้านว่างเปล่าไร้วี่เเววของคุณแม่และคุณพ่อของผม ผมที่ไม่พบใครจึงเดินออกมาจากห้องทานอาหารมุ่งหน้าไปยังห้องรับเเขกหรือห้องนั่งเล่นของบ้านผมซึ่งเป็นสถานที่ที่เมื่อตอนเย็นผมกับคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน
พรึบ
“คุณพ่อครับ!!!”
“คุณแม่ครับ!!!!”ทันทีที่ผมกดเปิดสวิตซ์ไฟก็พบร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของคนหลายคนและกลิ่นที่เหม็นอย่างรุนแรงจนผมต้องกลั่นหายใจ และผมไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาร่างของคุณแม่ที่นอนอยู่ในท่าควำ่หน้าลงมือทั้งสองข้างตะเกียกตะกายจนเล็บของท่านมีแต่รอยเลือดดวงตาของท่านเบิกโตราวกับคนที่ทรมาน
“ฮืฮๆๆๆคุณแม่ครับ คุณพ่อครับอึก”ผมเข้าไปกอดร่างทับร่างของคุณแม่และเอ่ยเรียกพวกท่าน
“คุณพ่อครับ ตื่นสิครับ!!”ผมหันไปจับร่างของคุณพ่อเขย่าอย่างแรงเพื่อให้ท่านตื่นจนเลือดที่เลอะตัวท่านกระเด็นเข้ามาติดเสื้อของผมเต็มไปหมดท่านอนอยู่ในท่าควำ่เหมือนคุณแม่และมือของท่านก็ตะเกียกตะกายพื้นเหมือนกัน เหมือนพวกท่านกำลังหนีจากอะไรสักอย่าง
“คุณแม่ครับ!!”และผมก็หันมาเขย่าร่างของคุณแม่อีก สลับกันไปมาทั้งสองคนนำ้ตาของผมไหลออกมาไม่ขาดสาย ใครทำอะไรพวกท่าน
“คุมตัวเด็กคนนี้!!”เสียงของผู้ชายเอ่ยขึ้นจากทางประตูบ้านและผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับผู้ชายในเครื่องแบบตำรวจหลายคนเดินกู่เข้ามาในห้องนี้และทุกคนเล็งปืนมาที่ผม ผมก็ร้องไห้กอดร่างของคุณแม่แน่น
“เด็กคนนี้วางยาคนทั้งบ้าน จับตัวเด็กไป!!”เสียงดุดันของคนในชุดเครื่องแบบเอ่ยขึ้น ทำให้คนอื่นเข้ามาจับร่างของผมไว้อย่างไว
“ไม่ไปผมจะอยู่กับแม่!!!”ผมร้องตะโกนพลางดีดดิ้นตัวอย่างสุดแรงให้หลุดออกจากการจับกุมของชายในเครื่องแบบสองคน แต่ยิ่งผมดิ้นเข้าก็ยิ่งกดแขนผมแน่นขึ้นและเเรงขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บปวดกระดูกไปหมดเหมือนมันจะแหลกคามือเขา
“แกฆ่าคนตาย แกมันเด็กโรคจิตฆ่าพ่อฆ่าแม่ตัวเอง!!!”เสียงของคนหลายคนดังก้องอยู่ในหูของผม ทันทีที่ชายในชุดเครื่องแบบจับตัวผมเดินออกมาจากบ้านที่แสนอบอุ่นของผม จนมีประชาชนมากมายมามุงดูเหตุการณ์และต่างพากันเขวี้ยงปาข้าวของใส่ร่างผม
“เอามันไปเข้าคุกเลยค่ะ เด็กนรกส่งมาเกิด!!!”เสียงคำด่าทอของคนที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างพากันตะโกนด่าผม ผมมองผู้คนพวกนั้นผ่านม่านนำ้ตาร่างกายของผมเขียวชำ้ไปหมดเพราะโดนหินบ้างแหละขวดแก้วปาบ้างแหละจนผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่เหนียวหนึบไหลอาบไปทั่วทั้งใบหน้าของผม
‘คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าคุณพ่อคุณแม่นะครับ’
ปัจจุบัน
“เอือกกก”ผมสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนผมมานานนับยี่สิบปี
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ”ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าสีฟ้ามีเมฆลอยสีขาวเป็นรูปร่างอย่างสวยงาม ผมรู้ว่าพวกท่านทั้งสองยังคงเฝ้ามองดูผมอยู่ในทุกๆวันถึงตอนนี้ผมจะไม่ใช่คนเดิมแล้วแต่ผมก็ลืมอดีตที่เลวร้ายในอดีตที่มันติดตัวผมมาไม่ได้ ตอนนี้ผมคือไค ชายหนุ่มที่ไม่มีประวัติ เพราะผมได้ถูกใครสักคนลบตัวตนของผมออกไปจากโลกใบนี้แล้ว และเขามอบชีวิตใหม่ให้ผมในนาม “ไค” ผมไม่มีแม้กระทั่งชื่อจริงและนามสกุล พิธิวัชร์ ตันตินิเวชกุล คือชื่อและนามสกุลเก่าของผม