บทย่อ
“ฉันแค่อยากจะรู้ว่า คุณเคยรักฉันบ้างหรือเปล่า” พอคำถามที่อยากรู้ ถูกเปล่งออกมาจากปากสั่นระริก สายตาก็มองจ้องที่ใบหน้าของสามีนิ่งนาน จิตใจจดจ่อ เฝ้ารอคำตอบด้วยความร้อนรน“ฟังให้ชัดๆ นะ ฉันไม่เคยรักผู้หญิงอย่างเธอเลย ผู้หญิงเอเชียเมียตีทะเบียน ฉันก็เอาไปตามหน้าที่ ก็แค่นั้น” ชัดเจนเน้นทุกประโยค ไม่ต้องเสียเวลาสาธยายให้มากความ เธอก็ได้รู้คำตอบแล้ว คำตอบที่ทำให้สายน้ำผึ้งแทบล้มทั้งยืน หายใจไม่ออก ร้าวระบมรุนแรงที่อกซ้าย“แล้วที่คุณ เคยบอกว่ารักฉันล่ะ มันหมายความว่ายังไง” ทวงถามคำสัญา ที่เคยหลุดออกมาจากปากของเขา คำที่สามีเคยพร่ำพรรณาว่ารักเธอ อย่างนั้นอย่างนี้ มันยังก้องอยู่ในหูไม่สร่างซา“ฮะๆๆ โง่นี่เด็กน้อย เวลาที่ผู้ชายอยากได้ผู้หญิง เขาก็ต้องหลอกล่อด้วยคำหวานๆ กันทั้งนั้นแหละ” หัวเราะขบขันเธอ จนสายน้ำผึ้งยืนนิ่งงัน ที่สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นควายให้เขาหลอก ด้วยคำป้อยอแสนอ่อนหวาน เพียงเพื่ออยากได้ร่างกายตน แสดงว่าทุกอย่างที่เขาเคยบอกล้วนโกหกทั้งเพ“คำปฏิญาณตนและคำสัญญา ในวันแต่งงาน ที่คุณเคยกล่าวมันล่ะ” น้ำตาเม็ดโตหยดแหมะกลิ้งลงมาที่ร่องแก้ม ถามให้หมดทุกสิ่งที่อยากรู้ ไขข้อข้องใจให้เสร็จสิ้นในวันนี้ เธอจะได้ไม่ต้องมีอันใดติดอยู่ในใจอีก“เธอโง่เชื่อฉันเองนี่ เธอมันโง่เอง” สีหน้าตลกขบขัน พร้อมหัวเราะเยาะ คนที่ถูกกระทำได้แต่ยืนสงบนิ่ง เหมือนยืนไว้อาลัย ให้แก่ความโง่เขลาเบาปัญญาของตน ป้ายน้ำตาออกจากหน้างาม สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ถึงได้กำหมัดแน่นแล้วเอ่ยออกมา“ถึงคุณจะพูดอย่างนั้น แต่หัวใจฉันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้วตอนนี้ มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว เพราะคุณคือสามี คือครอบครัว และเหนืออื่นใด คุณคือผู้ชายที่ฉันรักอย่างสุดหัวใจ” มองสบตาสีเขียวมรกต แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ สื่อความหมายให้เขารู้ว่า ทุกสิ่งที่พูดล้วนกลั่นมาจากก้นบึ้งใจช้ำๆ ที่โดนเขาทำร้าย จนแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี“เสียใจด้วยนะ ฉันไม่เคยต้องการ ความรักจากคนอย่างเธอเลย คนทรยศหักหลัง ผู้หญิงน่าไหว้หลังหลอก ผู้หญิงแพศยา นางงูพิษ ฉันไม่ต้องการ”
ตอนที่1 (40%)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ณ หอพักนักศึกษาปริญญาโท ภายในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ขณะนี้สายน้ำผึ้งและจอมใจ ผู้ซึ่งเป็นทั้งรูมเมทและเพื่อนซี้ ตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง กำลังช่วยกันเก็บของลงกล่องอย่างขะมักเขม้น เมื่อสมัยเรียนปริญญาตรี ทั้งสองเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกัน แต่คนละสาขาวิชา
สายน้ำผึ้ง สายสวรรค์ สาวหวานซ่อนเปรี้ยว เธอเลือกที่จะเรียนวิศวกรรมอุตสาหการ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ชื่นชอบการบริหารจัดการทรัพยากร แต่ที่เธอโดดเด่นที่สุดในสายงานนี้คือการวางเลเอาท์ของโรงงาน ซึ่งเป็นการปรับปรุงเครื่องจักรและคน ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จากผลงานที่สายน้ำผึ้งได้ทำไว้ เมื่อครั้งไปฝึกงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้นำเข้า ผลิต และส่งออกยานยนต์ชั้นนำแห่งหนึ่ง เธอสามารถลดเวลาทำงานลงได้ 12 นาที และลดต้นทุนลงไปถึง 1 ล้านบาท ทำให้โปรเจคของเธอติดอันดับหนึ่งในสิบผลงานที่ดีที่สุด ฉะนั้นมันจึงเป็นตัวผลักดันให้สายน้ำผึ้ง มีชื่อเข้าชิงทุนการศึกษาระดับปริญญาโท ของบริษัทชั้นนำของโลก ผู้ทำการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก จากประเทศอิตาลี และผลสุดท้ายเธอก็ได้มันมาครอบครองสมใจหมาย ด้วยความรู้ความสามารถล้วนๆ
ส่วนจอมใจ ยอดหญิง หรือแม่จอมแสบ ในหมู่ผองเพื่อน สาวห้าว ขาลุย ผู้ที่ไม่มีใครกล้าแหยม เลือกเรียนวิศวกรรมยานยนต์ สาวแสบมีความเก่งกาจในเรื่องเครื่องยนต์กลไก ติดอันดับหนึ่งในห้าของสาขา เมื่อถึงคราวฝึกงาน จอมใจเลือกที่จะทำโปรเจคร่วมกับอาจารย์ที่คณะ แล้วส่งผลงานเข้าแข่งขัน จนชนะการประกวดระดับประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองทำให้เธอได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาโท ในกองทุนเดียวกันกับสายน้ำผึ้ง
ตอนนี้ทั้งสองสาวได้เรียนจบระดับปริญญาโท ในสาขาวิศวกรรมพลังงาน เป็นที่เรียบร้อย ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองจะได้นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อองค์กรของเจ้าของกองทุน ให้สมกับที่เขาไว้วางใจ ให้เงินมากินมาใช้ในการร่ำเรียนตั้งสองปีเต็ม วันนี้ทั้งสองสาวจึงต้องเก็บของ เพื่อเตรียมย้ายออกจากหอพักของมหาวิทยาลัย แล้วภายในอาทิตย์หน้าต้องแพ็คกระเป๋า บินไปทำงานที่บริษัทแม่ในประเทศอิตาลี เป็นเวลาสองปีเต็ม
“เฮ้อ…ฉันรู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้ อีกแค่อาทิตย์เดียว เราก็จะย้ายไปทำงานที่อิตาลีแล้วเหรอวะ” สายน้ำผึ้งเปรยขึ้น พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะยังไม่พร้อมที่จะย้ายไปใช้ชีวิตในต่างแดน เธอยังไม่สามารถทำใจจากลาสถานที่ที่เปรียบเสมือนบ้าน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
“จะคิดมากทำไมวะเพื่อน แกต้องดีใจสิถึงจะถูก เพราะในที่สุดเราสองคน ก็เรียนจบสมใจอยากแล้ว เออ…ฉันอยากจะรู้ว่าตอนแนะแนวเข้ามหาวิทยาลัย อีรุ่นพี่คนไหนวะ ที่มันบอกว่าวิศวะเรียนง่าย” จอมใจพูดปลอบใจเพื่อนให้คลายกังวล พร้อมทั้งถามหาต้นตอที่ทำให้ตนถลำตัวเลือกเรียนวิศวะ
“จะอยากรู้ไปทำไมวะ ยายจอม?” สายน้ำผึ้งถามด้วยความฉงน สงสัยว่าเพื่อนของเธอจะฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ได้อะไรขึ้นมา ทั้งที่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว
“อยากรู้สิแก ฉันจะได้เอาหมัดไปประเคนให้เป็นของสมนาคุณซักทีสองที โทษฐานที่บังอาจมาหลอกฉันว่า เรียนวิศวะน่ะง่ายๆ ง่ายห่าอะไรนี่มันหินชัดๆ” จอมใจพูดออกมาอย่างมีน้ำโห เมื่อได้ฟังอย่างนั้นสายน้ำผึ้งถึงกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“นี่แม่จอมแสบ เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะจ๊ะ ยังเก็บมาเป็นอารมณ์ได้อีกนะคนเรา แกก็ลองคิดในทางกลับกันสิ ถ้าเขาไม่ชักจูงแกในวันนั้น ชีวิตแกอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จอย่างวันนี้ก็ได้” สายน้ำผึ้งยกเอาข้อดีขึ้นมาอ้าง ให้เพื่อนรักได้คิดไตร่ตรอง
“เออ…มันก็จริงอย่างที่แกว่าเนอะ” แม่คนเลือดร้อนเริ่มจะคิดได้ เห็นดีเห็นงามไปกับคำพูดของเพื่อนรัก
“ยายจอม ลดความเลือดร้อนลงบ้างนะแก เรามันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะเว้ย อายุอานามก็ปาเข้าไปจะครึ่งคนแล้ว หากวันหน้าไม่มีฉันอยู่ แล้วใครจะเตือนแก” สายน้ำผึ้งพูดด้วยเสียงเบาหวิว แต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงปรารถนาดี
“เฮ้ย…แกอย่ามาดราม่าใส่ฉันแบบนี้นะแม่ผึ้งน้อย ไม่ชอบเลยว่ะ ซีนนี้ขอบาย แกต้องอยู่กับฉันไปอีกนาน จนเหนียงยานเลยล่ะเพื่อน” จอมใจพูดกับสายน้ำผึ้งด้วยน้ำเสียงสดใส กลบเกลื่อนความสะเทือนใจ เอาไว้อย่างมิดชิด
“อืมก็ว่างั้น แต่ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอน พูดไปแล้วก็ใจหายอยู่ดี จะจากมหาลัยและแก็งค์กระเทยถึก เพื่อนเลิฟ ในอีกไม่กี่วันแล้ว” สีหน้าดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะคุยกันเรื่องอื่น แต่ยังไม่วายวกมาเข้าเรื่องที่ยังติดอยู่ในใจ
“โอ๊ยๆๆ น้ำผึ้งจ๋า จะกลัวทำไม ฉันก็ไปกับแกนะเว้ยอย่าลืมสิ ทำยังกับว่าไปคนเดียวอย่างนั้นแหละ อย่าไปซีเครียด ถือซะว่าออกไปเผชิญหน้ากับโลกกว้าง แหวกกะลาไปทักทายโลกหน่อยก็ดี เผื่อจะมีอะไรดีๆ เข้ามาในชีวิตกับเขาบ้าง”
“โอเคเพื่อน เอาไงเอากัน แต่มันก็รู้สึกอยู่ดี แกก็รู้ว่ามหาลัยเป็นเหมือนบ้าน สำหรับคนไม่มีครอบครัวอย่างฉัน” สายน้ำผึ้งพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ เหมือนกับจะร้องไห้ เมื่อคิดว่าอีกไม่กี่วันก็จะไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้อีกแล้ว
“ฉันเข้าใจแกดีเพื่อน เพราะฉันกับแก เราต่างก็เป็นบุคคลที่ไม่มีครอบครัว เหมือนกัน” เมื่อตระหนักถึงความเป็นจริงในข้อนี้จอมใจถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เดินเข้ามากอดปลอบสายน้ำผึ้งทันที
“แต่แกอย่าลืมสิ ถึงแกจะไม่มีใคร แกก็ยังมีฉัน และเราก็ยังมีกันและกันตลอดไปนะเพื่อน” จอมใจพูดออกมาด้วยใจจริง เธอรู้ดีว่าสายน้ำผึ้งมีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่เพื่อนก็เก็บความทุกข์ไว้คนเดียว ไม่เคยแสดงความเจ็บปวดออกมา ถึงเธอจะตัวเล็กแต่จิตใจของเธอช่างแข็งแกร่งราวกับหินผา
“อืม ขอบใจแกมากนะ” ทันที่ที่ได้ยินคำพูดอันแสนอาทร คนฟังถึงกับอุ่นวาบไปทั่วสรรพางค์กาย สายน้ำผึ้งกอดร่างเพื่อนแน่น น้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ ที่เพื่อนสาวมีให้เสมอมา
“เลิกคิดมากได้แล้ว มาช่วยกันเก็บของให้เสร็จดีกว่า” จอมใจพูดขึ้น เพราะไม่อยากให้เพื่อนหมกมุ่น จนไม่สบายใจและพลอยทำให้ไม่สบายกาย
แล้วสองสาว ก็ช่วยกันเก็บของ พร้อมคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ตลกโปกฮา วีรกรรมสุดแซ่บ ที่เธอทั้งสองร่วมกันทำกับแก็งค์กระเทยถึก สมัยเรียนปีหนึ่ง แล้วภาพเหตุการณ์เหล่านั้น ก็ย้อนกลับมาในมโนสำนึกเหมือนฉายหนังซ้ำ จนมีเสียงหัวเราะดังออกมาจากห้องพักเป็นระยะ
เม้าท์กันเพลินจนลืมเวลา เอาหนังสือเล่มสุดท้ายลงกล่อง แล้วเอาเทปกาวปิดฝา เป็นอันว่าภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี กว่าจะเสร็จได้ก็ปาเข้าไปกว่าห้าโมงเย็น ทำเอาสองสาวแทบลมจับ เพราะความเหนื่อยและความร้อนจนเหงื่อโชก เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น พากันนั่งจุมปุกตากพัดลมอยู่กลางห้องให้คลายร้อน เมื่อจอมใจเริ่มหายเหนื่อย เงยหน้าขึ้นมาก็ต้องหัวเราะก้ากออกมาทันที จนสายน้ำผึ้งต้องรีบถามไถ่ว่าเพื่อนขำอะไรนักหนา
“นี่ยายจอมแสบ แกเป็นไรมากป่ะเนี่ย อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมาซะงั้น ถ้าเป็นไรก็รีบบอกนะเว้ย จะได้รีบพาไปโรงหมอให้ทัน บอกตามตรงฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นบ้าว่ะ” ประโยคสุดท้ายไม่วายแขวะคนที่เอาแต่หัวเราะ ด้วยความหมั่นไส้
“แกน่ะสิบ้า ดูหน้าตัวเองซะก่อนเถอะ ฝุ่นจับซะดำเชียว โดยเฉพาะตรงจมูกนี่สุดๆ ไอ้เราก็นึกว่ามิกกี้เม้าท์หลุดออกมาจากดิสนีย์แลนด์ ฮ่า ฮ่า” จอมใจบรรยายซะเห็นภาพ พร้อมทั้งหัวเราะสภาพหนังหน้าของสายน้ำผึ้ง จนท้องคัดท้องแข็ง
“จริงเหรอวะ ไหนเอากระจกมาดูซิ” สายน้ำผึ้งรีบขอกระจกจากจอมใจเร็วไว พอได้กระจกมาส่องดูหน้าตัวเองเท่านั้นแหละ สาวน้อยก็หัวเราะออกมา แต่เมื่อเธอมองไปที่หน้าของเพื่อนรัก ก็หลุดก้ากออกมาเช่นกัน และรีบยื่นกระจกส่งให้สาวแสบทันที
“หัวเราะทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนสวยรึไง” ผู้ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติบนใบหน้าของตัวเอง ถามออกมาอย่างอารมณ์ดี
“จ้า…แม่คนสวยหมื่นลี้ ว่าแต่ฉันนะยะ ดูหนังหน้าแม่นางก่อนเถอะ ไอ้เราก็นึกว่านางเอกหนังอินเดียเขาเลิกร้องเพลงกับวิ่งรอบเขาซะแล้ว” พอจอมใจเอากระจกมาส่องดูหน้าตัวเอง ก็พบว่ามันมีจุดดำๆ สามจุดบนหน้าผากอย่างที่สายน้ำผึ้งว่าจริงๆ
“จริงด้วยว่ะแก” แล้วเธอก็ทำมือทำไม้แบบนางเอกหนังอินเดีย พร้อมทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อนสาว แล้วสองสาวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ
ขึ้นชื่อเรื่องความแสบสันนั้น ไม่มีใครเกินสองสาวไปได้ ร้ายกาจก็เท่านั้น ยิ่งอยู่ด้วยกันสองคนด้วยแล้ว อย่าได้เข้าไปทำให้แม่คุณทั้งสองมีน้ำโหเลยเชียว เพราะไม่งั้นจะเจอตอกกลับจนหน้าหงาย ชนิดที่ว่าร้ายยกกำลังสอง แบบถอดสแคว์ลูสกันแทบไม่ทัน ใครได้ยินชื่อของพวกเธอเป็นต้องสยอง
“นี่ยายจอม อย่ามัวแต่ฝอยกันอยู่เลย เรารีบแยกย้ายกันไปอาบน้ำกันเถอะ วันนี้เพื่อนจะเลี้ยงส่งเรานี่นา คุยเพลินไปหน่อย เกือบลืมเลย” เมื่อนึกขึ้นได้สายผึ้งน้อยก็รีบเตือนสติเพื่อนรักทันที เพราะกลัวว่าหากมัวแต่โอ้เอ้ คงไปที่นัดหมายสายแน่นอน