บทที่ 20 แกล้งหลับ
เจ้าชายไมเซรินุสทรงวางขวดยาไว้บนโต๊ะ แล้วเทของในถุงทะเลใบใหญ่ออกมากองกับพื้น มีทั้งเสื้อผ้า พืชสมุนไพร และผลไม้ หลากหลายชนิดที่กว้านซื้อจากตลาดเพื่อคนป่วยโดยเฉพาะ
เขาแยกผลไม้ออกมาวางไว้บนโต๊ะ ใช้เท้าเขี่ยเสื้อผ้าอาภรณ์ไปไว้บริเวณเดียวกับถุงย่ามของเธอ จัดการถอดชุดคลุมออกจากตัว แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง คิดว่าจะต้องปลุกให้เธอตื่นมากินอะไรเสียหน่อยแล้วค่อยป้อนยา
มือที่กำลังเอื้อมไปหมายจะดึงผ้าห่มชะงักกึก!
หากว่าเธอยังไม่หาย แสดงว่าเขาต้องเช็ดตัวให้เธออีกอย่างนั้นหรือ? บ้าฉิบ! นี่มันกลางวันแสกๆ เลยนะ!
เจ้าชายสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ตัดสินใจตลบผ้าห่มออกไปกองไว้ปลายเตียง แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้หัวใจของพระองค์แทบจะหยุดเต้น
“อาเซน่า” ทรงพึมพำด้วยความเวทนาเมื่อเห็นร่างบางนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง เสื้อผ้าที่เขาเปลี่ยนให้เมื่อเช้าเปียกชื้นไปทั้งตัว
ทว่าหญิงสาวแสร้งทอดหายใจยาวสม่ำเสมอ คิดว่าเจ้าชายจะต้องรังเกียจร่างชุ่มเหงื่อของเธอแน่
“อาเซน่า...ได้ยินเราไหม?”
ได้ยินเพคะ...แต่หม่อมฉันอายเหลือเกิน ได้โปรดออกไปก่อนเถิดเพคะ!
“เหงื่อเต็มเลยถ้าปล่อยไว้จะเป็นปอดบวม เราจะเช็ดตัวให้เจ้าก่อนแล้วกัน”
ไม่!! ออกไปนะเจ้าชาย ออกไป...ชิ่ว...ชิ่ว...
เพราะเจ้าชายไม่ใช่เทพเจ้า จึงมิอาจได้ยินเสียงตะโกนในใจของเธอ มือหนาเอื้อมไปจับที่ปกเสื้อก่อนเป็นที่แรก สายตาคมกริบกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
นี่คือผิวเนื้อของอาเซน่า ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนผุดผาด ใบหน้ายามหลับที่ได้เห็นชัดๆ เป็นครั้งแรก เมื่อตอนเช้ามืดเขาไม่ได้พิถีพิถันนัก จึงปัดป่ายเช็ดเนื้อถูตัวให้เธอเพียงลวกๆ
นี่คือความแตกต่างระหว่างชายหญิง เสด็จแม่ของเขาก็คงจะมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นแบบนี้ ผิวนุ่มลื่นแบบนี้ จะเป็นอย่างไรนะหากเขาได้อยู่ในอ้อมกอดของเสด็จแม่สักครั้ง
ก็แล้วถ้าเป็นเธอเล่า? หากถูกอาเซน่ากอด จะเหมือนถูกเสด็จแม่กอดไหม แล้วถ้าหากเขาจะกอดเธอบ้างล่ะ เธอจะยอมหรือเปล่า
มือที่กำลังไล่ลงต่ำหดกลับแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ เธอก็กะพริบตาปริบๆ แล้วดวงตาคู่สวยก็เบิกโพลง
“เจ้าชาย”
“อย่าเข้าใจผิดนะ เราไม่ได้ล่วงเกินเจ้า!” ทรงกระโดดลงจากเตียงแทบไม่ทัน แล้วก็ถอยไปยืนอยู่หลังโต๊ะไม้อย่างระแวดระวัง ราวกับกำลังประเมินท่าทีศัตรู
“หม่อมฉัน...ดีขึ้นแล้วเพคะ” อาเซน่ายันตัวลุกขึ้นนั่ง โล่งใจที่หาจังหวะแกล้งตื่นได้ทันก่อนที่จะถูกประทุษร้ายเป็นครั้งที่สอง หากยังฝืนนอนให้เจ้าชายเช็ดเนื้อเช็ดตัว เนื้อของเธออาจจะหลุดติดมือพระองค์มาด้วยก็ได้
“ดี! รีบลุกขึ้นชำระร่างกายของเจ้าซะ งานชิ้นแรกรอเจ้าอยู่”
“เพคะ ขออภัยเพคะ”
หญิงสาวกระวีกระวาดลุกขึ้น ถือผ้าแพรวิ่งเข้าไปหลังฉากเพื่อจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย โดยที่เจ้าชายมิได้ออกไปจากห้องเฉกเช่นสุภาพบุรุษ แต่กลับหันหลังทำอะไรกุกๆ กักๆ กับสิ่งของที่เทออกจากย่าม
เจ้าชายตั้งพระทัยแน่วแน่กับงานตรงหน้า คัดสมุนไพรแต่ละชนิดออกจากกัน หลังแหล่งข่าวรายงานถึงความผิดปกติในกองคาราวานที่เดินทางมาจากทิศตะวันออก ที่เขานำมานี้เป็นสมุนไพรที่ไม่ได้ปลูกในเมมฟิสหรือเทเบ จึงเป็นหน้าที่ของหมออย่างอาเซน่าที่จะต้องเปรียบเทียบว่ามันมาจากที่ไหน
ทิศตะวันออก มีทั้งบาบิโลเนีย อัสซีเรีย ไหนจะชนเผ่าเบดูอินที่หลบซ่อนอยู่ในทะเลทราย
“เสร็จแล้วเพคะ” อาเซน่าเดินออกจากหลังฉากด้วยเสื้อผ้าอีกชุดที่เธอเหลือไว้ในถุงย่าม หยุดยืนรอฟังคำสั่งจากเจ้าชายที่ก้มหน้าง่วนกับของบนโต๊ะ
“อ้าว!” ทรงเงยหน้าขึ้นแล้วนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจนัก “ทำไมใส่ชุดนี้?”
“เอ๋?” หญิงสาวก้มลงมองตัวเอง เธอก็ใส่เสื้อผ้าเหมือนทุกๆ วันนี่นา
“ซื้อมาให้ตั้งหลายตัว เลือกเอาสักชุด”
“ทรง...ซื้อให้หม่อมฉัน?”
“ก็มันเหม็น...เสื้อผ้าของเธอน่ะใช้มากี่ฤดูแล้ว จะให้เราทนกลิ่นสาบของมันทั้งวันทั้งคืนได้ยังไง”
“เพคะ...แล้ว...งานแรกของหม่อมฉันล่ะเพคะ”
“ก่อนอื่นเลิกพูดเพคะๆ กับหม่อมฉันๆ เสียที ลืมแล้วหรือว่าเรามาทำอะไร ตอนนี้เราคือพ่อค้า เจ้าคือเมียพ่อค้า หัดพูดให้ชินทั้งต่อหน้าและลับหลัง ก่อนจะจบงานนี้ เราอนุญาตให้เรียกชื่อห้วนๆ ได้”
“เพคะ”
“ฮึ่ม!”
“ค่ะ”
จ๊อกๆๆๆๆ
อึ๋ย!
อาเซน่าหลับตาปี๋เมื่อท้องเจ้ากรรมประท้วงได้จังหวะพอดิบพอดี เกรงว่าเจ้าชายจะตำหนิเอาว่ายังไม่ได้ทำงานเลยก็เป็นตัวถ่วงเสียแล้ว
“นั่นอาหารของเจ้า กินให้อิ่มก่อนก็ได้ เราจะแยกสมุนไพรรอ” เจ้าชายบุ้ยใบ้ไปยังผลไม้หลากชนิดที่อยู่บนโต๊ะ
“จะให้หม่อม...เอ๊ย! ข้าสกัดสมุนไพรเหรอคะ?”
“อืม...” เขาพยักหน้า “มันปะปนมากับผักที่วางขายในตลาด ตอนแรกก็ไม่เอะใจเพราะนึกว่าเป็นวัชพืช แต่มันมีเยอะผิดสังเกตและเราไม่เคยเห็นใครปลูกที่อียิปต์ ถ้าเจ้าสกัดได้เราก็จะรู้ว่ามันมาจากไหน”
“พ่อค้าคนนั้นเอามาขายหรือคะ?” เธอหยิบใบของมันขึ้นมาดู เป็นอย่างที่เจ้าชายตรัส เพราะเธอก็ไม่เคยเห็นมันจริงๆ
“พ่อค้าคนไหน?” เจ้าชายหรี่ตา
“อุ๊บส์!” หญิงสาวปิดปากแทบไม่ทัน ลืมไปเลยว่าตอนนั้นเธอแกล้งหลับ “เอ่อ...หม่อม...ข้าสะลึมสะลือเหมือนได้ยินเสียงท่านคุยกับใครอยู่น่ะค่ะ”
“อ๋อ...ไม่ใช่หรอก นี่ได้มาจากแผงขายอาหารในตลาด ส่วนคนที่เข้ามาเมื่อครู่นี้เป็นเจ้าของบ้าน เรามาที่นี่หลายครั้งแล้ว นี่เป็นบ้านที่เราพักประจำ”
“อย่างนั้นหรือคะ...ถ้าอย่างนั้นผ้าม่านและข้าวของพวกนี้ก็...” เธอกวาดตามองข้าวของเครื่องใช้ และผ้าม่านลูกไม้ที่สะดุดตาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่คิดว่าเจ้าชายผู้แข็งกระด้างจะมีรสนิยมชอบของสวยๆ งามๆ
“จะกินหรือไม่กิน ถ้าถามซอกแซกจะเอาไปทิ้งให้หมด!”
“กินค่ะกิน” เธอรีบเบี่ยงตัวออกจากรัศมีสายตาพิฆาต ก้มหน้าก้มตากินไม่เงยหน้าขึ้นไปอีก ทั้งๆ ที่อยากถามใจจะขาดว่าทรงซื้อขายยาอะไรกับเจ้าของบ้านคนนั้น
ไม่เอานะ...เธอไม่อยากกินยาสรรพคุณพิลึกนั่น
“เสร็จเสียที...” เจ้าชายปาดเหงื่อที่ซึมออกจากไรผม มองต้นพืชต้นเล็กๆ ที่คัดแยกออกจากสมุนไพรนานาชนิดด้วยความพอใจ ในปริมาณเท่านี้ก็สามารถสกัดออกมาเป็นตัวอย่างได้แล้ว
“อยากรู้จริงๆ ว่าจะเป็นอย่างที่เราคิดไหม ถ้าหากมันข้ามฟากมาจากตะวันออก ก็แสดงว่ามีคนของเรารู้เห็นเป็นใจให้มันเข้ามาแฝงตัวรออยู่ที่นั่น”
“ที่นั่น?”
“เอ็ดฟู...ด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านแรกของอียิปต์เหนือ ที่ๆ เรากำลังจะไป”
“หมายความว่า...”
“มีคนจากประเทศตะวันออกหลั่งไหลเข้ามาอียิปต์เหนือในฐานะพ่อค้า จากเอ็ดฟู ไปยังตลาดเมืองใหญ่ๆ ที่เป็นเส้นทางผ่านสู่เมมฟิส มหานครของเรา เจ้าเข้าใจถูกแล้วอาเซน่า...มีหนอนอยู่ในหมู่พวกเรา และมันกำลังกระจายคนไปยังหัวเมืองต่างๆ หากเราสามคนพ่อลูกสิ้นลมวันใด หนอนตัวนั้นก็จะสถาปนาตัวเองขึ้นครองราชย์ทันทีตามสิทธิอันชอบธรรม”
“เจ้าชาย...ทรงรู้แล้วหรือเพคะ...ว่าใครเป็นหนอนตัวนั้น?” หญิงสาววางมือจากผลไม้ เกิดอาการจุกขึ้นมากะทันหันเมื่อได้ยินเรื่องน่าสะพรึงกลัว ใจไพล่กระหวัดคิดถึงฟาโรห์อเมโนฟิส
ป่านนี้...จะทรงเป็นอย่างไรบ้าง...
