บทที่ 15 เดิมพัน
อาเซน่าเดินตามหลังจีซาเข้าไป เพราะยังไม่อยากพบหน้าเจ้าชายหลังจากที่พระองค์ทรงเผยความในใจคืนนั้น เธอไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวอย่างไร จะให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือจะทำตัวห่างเหิน ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น
“มากันแล้วหรือ?”
เสียงทักอย่างอารมณ์ดีของเจ้าชาย ทำให้เธอค่อยหายใจสะดวกขึ้น ก้าวออกจากด้านหลังของจีซา แล้วถวายคำนับพร้อมกัน
“ครั้งนี้จะทรงเดิมพันด้วยอะไรหรือครับ?” เพราะอยู่กันเฉพาะคนสนิท คำลงท้ายจึงไม่ต้องเป็นพิธีรีตองนัก
“หือ?” เจ้าชายเลิกคิ้วแวบหนึ่ง ก่อนจะมองหน้าจีซาและไปหยุดที่อาเซน่าโดยไม่ตรัสอะไร
“สงสัยเจ้าจะได้เพชรพลอยอีกแน่อาเซน่า” องครักษ์หนุ่มหันไปเย้าเพื่อนสาว
“ไม่เห็นว่าเจ้าจะใส่มัน” เจ้าชายทรงกวาดสายตามองหญิงสาวจนถ้วนทั่วแล้วก็เห็นว่าเธอไม่ได้ใส่เครื่องประดับอะไร ไม่ว่าจะตอนสวมชุดนี้หรือชุดไหนๆ
“หม่อมฉันไม่นิยมเครื่องประดับเพคะ” เธอรีบบอก เป็นความนัยว่าไม่ต้องการของมีค่าใดๆ ทั้งสิ้น
“ถ้าอย่างนั้น จะยอมรับข้อเสนอของเราหรือเปล่าล่ะ?” ทรงตรัสกับอาเซน่าโดยเฉพาะ
“ตามที่ฝ่าบาทเห็นสมควรเพคะ” หญิงสาวใจเต้นตึกๆ เมื่อเจ้าชายมองเธอแปลกไปกว่าทุกครั้ง ไม่รู้ว่าอุปาทานไปเองหรือเปล่าที่เห็นความห่างเหินเฉยเมยในดวงตาคมคู่นั้น แม้จะตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเหมือนเคยก็ตาม
หากจะทรงเคืองพระทัยเพราะเธอไม่ตอบรับความรักของพระองค์เป็นครั้งที่สองก็สมควรแล้ว
“ดี ส่วนจีซา ข้าขอให้เจ้าเป็นพยานในการแข่งขัน หากเธอเอาชนะข้าไม่ได้ ข้าจะปลดเธอออกจากกองร้อยที่ตามเสด็จไปเอ็ดฟู”
“เจ้าชาย!” สหายทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน
“แต่อาเซน่าต้องถวายการดูแลองค์ฟาโรห์นะครับ”
“ให้หมอหลวงใหญ่ดูแลเสด็จพ่อแทน อีกอย่าง...ถ้าข้าชนะ ก็วางใจได้แล้วว่ากองพลธนูจะไม่ขาดผู้นำ ข้าบัญชาการได้ ข้าจะทูลเสด็จพ่อเอง”
อาเซน่าตัดสินใจไม่ถูก ท่าทีของเจ้าชายโอซิริสทำให้เธอสับสนเป็นอันมาก คืนนั้นทรงเร่งเร้าอยากจะแต่งงานกับเธอ แต่วันนี้กลับไม่อยากให้เธอไปเอ็ดฟูซะงั้น
ทรงรู้ว่าเธอไม่เต็มใจ จึงยอมตัดพระทัย เพราะเจ้าชายใหญ่ที่เธอรู้จักไม่เคยเห็นแก่พระองค์เอง หากทรงทำเพื่อเธอจริงๆ เธอก็ไม่ต้องเข้าพิธีอภิเษกที่ฟาโรห์ทรงเตรียมไว้ให้ จึงขัดขวางไม่ให้เธอต้องเดินทางไปที่นั่น?
แต่...พระอาการของฟาโรห์ล่ะ ตอนนี้ไว้ใจใครไม่ได้เลย อาการประชวรของพระองค์เป็นความลับที่แม้แต่เจ้าชายก็ไม่รู้ เธอจะต้องทอดทิ้งคนที่เธอรักอย่างนั้นหรือ?
แม้จะต้องอภิเษกกับเจ้าชาย แต่ก็ยังดีเสียกว่าถูกแยกจากพระองค์ไปตลอดกาล ไม่มีเวลาสำหรับเธออีกแล้ว
“หม่อมฉัน...ไม่เคยแพ้เจ้าชายสักครั้งเลยนะคะเพคะ”
“หือ?” เจ้าชายทรงหรี่ตา แล้วก็พลันยิ้มที่มุมปาก “ก็แล้วถ้าเจ้าชนะ ข้ายอมที่จะยกเลิกงานที่จะเกิดขึ้นที่เอ็ดฟู เจ้าว่ามันยุติธรรมดีไหมล่ะ?”
“อะไรนะเพคะ?” หญิงสาวเผลอตัวอุทานออกมา ไม่คิดว่าเจ้าชายจะทรงใช้อนาคตของพระองค์เองเป็นเดิมพัน ทั้งๆ ที่ทรงรู้ดีที่สุดว่าการแต่งงานนั้นสำคัญต่ออียิปต์แค่ไหน
“ขออภัย...หม่อมฉัน...คงทำเช่นนั้นไม่ได้เพคะ เงื่อนไขที่หม่อมฉันเป็นผู้ชนะ ขอให้หม่อมฉันกำหนดเองเหมือนเดิมเถิดนะเพคะ”
“งั้นก็มาเริ่มกันเลย”
เจ้าชายทรงหันไปสู่ลู่ยิง พยายามบังคับไม่ให้แสดงความโกรธออกมา ทำไมกัน? ทั้งๆ ที่เธอไม่อยากแต่งงาน ทำไมยังดื้อดึงที่จะไปเอ็ดฟูให้ได้ เขาอุตส่าห์เสนอทางออกที่ไม่ต้องแต่งงานทั้งสองทางให้เธอแล้ว
อ้อ! ใช่สิ...ที่เธอยอมไปที่นั่น ไม่ใช่เพราะต้องการแต่งงานหรอก แต่เป็นเพราะเธอต้องการอยู่กับเสด็จพ่อต่างหาก!
ฟ้าว.........กึง!
ลูกธนูดอกแรกปักตรงจุดกึ่งกลางของเป้าพอดี
อาเซน่าตั้งสมาธิ เงื้อมแขนเล็งแล้วปล่อยลูกธนูดังฟืด!
ปัง!
ฟ้าว......ปึก!
ลูกธนูลูกแล้วลูกเล่าพุ่งออกจากเจ้าชายและอาเซน่ากระทบเป้ายิงอย่างแม่นยำ ไม่มีใครเสียสมาธิหรือยอมอ่อนข้อให้แก่กัน และดูเหมือนจะแข่งกันจริงจังจนจีซาและทหารที่ชมอยู่รอบสนามนั่งไม่ติด ต่างก็ลุ้นกันตัวโก่ง
ไม่เคยมีใครชนะอาเซน่าได้ ที่ผ่านมาเจ้าชายโอซิริสก็ใช่จะอ่อนข้อ แต่ก็ทรงต้องเสียเดิมพันทุกครั้ง
เมื่อยิงครบสิบดอก ผู้เข้าแข่งขันก็ถอยออกมายืนรอกรรมการนับอย่างใจจดใจจ่อ...
“ผลคะแนนออกมาแล้วครับ” จีซาวิ่งออกมาจากลู่ยิงด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ว่ายังไง?”
“เจ้าชาย...ทรงแพ้เพียงคะแนนเดียวครับ”
อาเซน่าถอนหายใจโล่งอกเมื่อสามารถเอาชนะเจ้าชายได้อีกครั้ง แม้จะทรงทำแต้มได้มากกว่าทุกครั้งที่ประลองกันก็ตาม
“เจ้าชนะ...แต่ข้าจะไม่ยอมถอดใจ” ทรงตรัสกับหญิงสาว ยื่นคันธนูให้กับทหารติดตามแล้วเสด็จออกจากสนามฝึกซ้อม โดยมีทหารวิ่งตามกันให้พรึบ!
อาเซน่าได้แต่มองตามด้วยเสียใจ เจ้าชายอาจจะทรงกริ้วในความดื้อรั้นของเธอ แม้จะทรงเปิดโอกาสให้เธอปฏิเสธการแต่งงานแล้วก็ตาม แต่เธอก็บอกพระองค์ไม่ได้จริงๆ
“เจ้า...มีเรื่องอะไรกับเจ้าชายหรือเปล่า ทำไมจึงทรงทำท่าไม่อยากให้เจ้าเดินทางไปด้วย”
“เอ่อ...” หญิงสาวคิดคำพูดที่จะโต้ตอบกับจีซาไม่ทัน
“อ้อ! คงเพราะเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าจะโดนลูกหลงอีกน่ะสิ เพราะตอนนี้ยังจับหนอนไม่ได้ อุ๊บส์!“ จีซากลืนคำพูดตัวเองแทบไม่ทัน เมื่อเผลอพูดความลับออกไป
“หนอน? มีอะไรปิดบังข้าหรือเปล่าจีซา?”
“คือ...เจ้ารู้แล้วเหยียบไว้นะ ที่เจ้าเกือบถูกจระเข้กินน่ะ...เป็นฝีมือคนใกล้ชิดของฟาโรห์” ชายหนุ่มกระซิบกระซาบข้างหู
“อะไรนะ!?” หญิงสาวอุทานด้วยความตระหนก หัวอกหัวใจร้อนรนขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าอันตรายอยู่ใกล้พระองค์โดยที่เธอไม่เคยรู้สึกถึงมันเลย
“พวกมันใช้ยาพิษไม่ได้เพราะมีการทดสอบพิษในโอสถและพระกระยาหารก่อนเสวยทุกมื้อ แถมยังมีเจ้าขวางอยู่ พวกมันรู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกอย่าง รู้ว่าพระองค์จะเสด็จที่ไหน ทำอะไร ไปกับใคร ยิ่งเจ้าชายไมเซรินุสเสด็จกลับมาพร้อมหน้า พวกมันยิ่งต้องหาวิธีการที่แยบยลมากกว่าเดิมในการตบตาพวกเรา”
“หรือว่า...?” อาเซน่าชะงัก ไม่ได้พูดในสิ่งที่เธอคิดออกมา การที่เจ้าชายต้องการกันเธอออกจากพระองค์ เป็นเพราะทรงสงสัยในตัวเธอ หรือเป็นเพราะกลัวเธอจะถูกปองร้ายอีกคนกันแน่
“เจ้า...สงสัยใครหรือเปล่า?
“ข้า...” เธอครุ่นคิด พยายามนึกถึงใบหน้าของคนสนิทของฟาโรห์หลายๆ คนที่เคยพบเจอ ปะติดปะต่อกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ในห้วงที่เธอเข้ามารับตำแหน่งหมอหลวง แล้วก็ทำตาโตเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
ชายหนุ่มเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนสาวแล้วก็เอียงหูเข้าหาโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่อาเซน่าฉุกใจขึ้นได้ ดวงตากลมโตของเธอจะเบิกกว้างขึ้นเป็นสองเท่าเสมอ และมันก็ได้ผลทุกครั้ง
“จีซา...ข้ามีแผนจะบอกเจ้า...”
