บทที่ 5 คนไข้นิสัยแย่ 1.1
“อู้หู...สวยจังเลยใหญ่อย่างกับวังแน่ะ”
ความตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นกับแขวลัยอีกครั้ง เมื่อรถยนต์คันที่เธอนั่งอยู่ขับผ่านประตูรั้วบานใหญ่เข้ามาในอาณาเขตบ้านคฤหาสน์หลังงามที่มีพื้นที่กว้างขวาง ยากเกินกว่าที่เธอจะกะประมาณได้ มองด้วยสายตาแล้วเนื้อที่อาจจะมีมากกว่าสี่ไร่ด้วยซ้ำไป เธอจึงอุทานกับความสวยงามตรงหน้า
ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในสายตาทำให้เธอเกิดความอื้ออึงไม่น้อย ตัวบ้านใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะความร่ำรวย ใหญ่จนเธอตกใจเพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่น่าจะเรียกว่าบ้าน น่าจะใช้คำว่าคฤหาสน์น่าจะเหมาะกว่า
โดยรอบตัวคฤหาสน์มีต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกให้ความร่มรื่น ให้ความสดชื่น สนามหญ้าเขียวชอุ่มตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ ต้นไม้ที่จัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ถูกปลูกกระจายไปทั่วบริเวณสนามหญ้า ตามทางเดินตั้งแต่ประตูรั้วจนถึงประตูคฤหาสน์ ปลูกดอกกุหลาบสีขาวไว้ตลอดสองข้างทาง
“สวยจังเลย” เธอพูดเบาๆ กับความงามตรงหน้า
ตัวคฤหาสน์สีขาวถูกปลูกตามสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ งดงามวิจิตรดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ความใหญ่โตภายนอกที่ทำให้เธอยังอึ้งไม่หาย พอก้าวเข้าไปภายในอาการเหล่านั้นกลับมีมากยิ่งกว่า เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งทุกชิ้นในสายตาของแขวลัย ล้วนแล้วแต่มีราคาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแจกันคริสตัล โคมไฟระย้าที่มีอยู่ด้วยกันถึงสามโคม ทิ้งระยะห่างกันราวหนึ่งช่วงตัว โซฟาหลุยส์สีแดงชุดใหญ่สนนราคาแล้วสูงกว่าเงินเดือนที่เธอได้รับจากที่นี่เสียอีก แล้วยังมีของมีค่า มีราคาอีกหลายชิ้นที่กะราคาไม่ได้
“พวกคุณท่านสั่งไว้ว่าถ้าคุณมาถึงให้พาคุณมิแชลขึ้นไปพักผ่อนที่ห้อง ให้คุณพักผ่อนให้เต็มที่ไว้เริ่มงานพรุ่งนี้ครับ”
ปิแยร์หันมาบอกสาวร่างเล็กที่เขาไปรับที่สนามบิน แล้วเวลานี้เธอก็กำลังเดินตามหลังเขาเข้ามาในคฤหาสน์
“ค่ะคุณปิแยร์” แขวลัยรับคำ ก่อนจะเดินตามชายร่างสูงใหญ่ราวกับตึกขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน ก่อนจะเลี้ยวไปยังด้านซ้ายมือของคฤหาสน์ เขาก้าวนำเธอไปยังห้องๆ หนึ่งที่อยู่เกือบสุดทางเดิน
“ห้องของคุณมิแชลจะอยู่ติดกับห้องของคุณลูอีสนะครับ”
ปิแยร์ทำความเข้าใจให้แขวลัยได้รับรู้หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวที่เธอรู้สึกว่า มันใหญ่เกินกว่าที่จะนอนคนเดียว ใหญ่กว่าห้องนอนในเมืองไทยของเธอเป็นสิบเท่าตัว เตียงนอนขนาดหกฟุตมันใหญ่เกินไปสำหรับคนตัวเล็กๆ เช่นเธอ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนแล้วแต่มีราคาทั้งสิ้น จนเธอไม่กล้าที่จะใช้สอยมัน เนื่องจากกลัวว่าจะเสียหายแล้วตนเองต้องชดใช้
“ปกติพยาบาลทุกคนพักที่ห้องนี้หรือเปล่าคะ?” เธอถามขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง
“ใช่ครับ นางพยาบาลทุกคนจะพักอยู่ที่ห้องนี้ครับ”
“ขอมิแชลไปพักห้องอื่นได้หรือเปล่าคะ ห้องนี้มันใหญ่เกินไปอีกอย่างข้าวของเครื่องใช้ก็แพงๆ ทั้งนั้น มิแชลกลัวว่าจะไม่มีปัญญาชดใช้หากทำมันเสียหาย”
คำพูดของแขวลัยเรียกความแปลกใจให้กับปิแยร์ไม่น้อย เนื่องจากพยาบาลพิเศษที่ว่าจ้างมาหลายสิบราย ทุกคนต่างพออกพอใจและยินดีเป็นที่สุดที่ได้พักห้องสุดหรูห้องนี้ จะมีเพียงสาวชาวไทยคนนี้ที่มีความคิดต่างออกไป
“คงไม่ได้ครับ เพราะคุณท่านให้พยาบาลที่มาดูแลคุณลูอีสพักห้องนี้เพื่อความสะดวกในการทำงานครับ คุณมิแชลไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวของที่อาจจะเสียหายในอนาคตนะครับ เพราะคนที่นี่ชินกับเรื่องพวกนี้แล้วครับ พังก็ซื้อใหม่ครับ”
ปิแยร์คิดว่าการที่ของใช้ต่างๆ จะชำรุดหรือเสียหายนั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับบ้านหลังนี้ไปเสียแล้ว เพราะตั้งแต่ดวงตาของลูอีสมองไม่เห็น สิ่งของต่างๆ หลายรายการได้รับความเสียหาย แล้วซื้อกลับมาใหม่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ เขาจึงพูดให้แขวลัยคลายความกังวลใจ แต่ไม่ได้บอกถึงเหตุผลถึงความชินที่เขากล่าวถึง
“หมายความว่ายังไงคะที่คุณปิแยร์พูดว่า ที่นี่ชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว ใครทำข้าวของเสียหายหรือคะ?” คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ถามด้วยความสงสัย
“คุณเริ่มงานวันแรกก็จะรู้เองครับ คุณมาเหนื่อยๆ พักผ่อนเถอะครับ ผมขอตัวนะครับ”
ปิแยร์หมุนตัวเดินออกไปจากห้องของลูกจ้างคนใหม่ของเจ้านายทันที ปล่อยให้แขวลัยยืนเกร็งกับความใหญ่โตของห้อง รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไม้สอยที่เธอคิดว่าไม่มีวันจะได้ใช้
แต่ถึงกระนั้นแขวลัยก็ต้องอยู่ห้องนี้ เพราะเป็นความประสงค์ของผู้ว่าจ้าง ซึ่งเธอเป็นลูกจ้างจึงต้องปฏิบัติตาม คิดได้ดังนั้นแขวลัยจึงนำเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เก็บเรียงใส่ตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ชำระร่างกายและขจัดความเมื่อยล้า จากนั้นก็มาล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มที่เธอหลับสนิททันทีที่หัวถึงหมอน เติมพลังให้กับตัวเองเพื่อเตรียมรับมือกับคนไข้ที่กิตติศัพท์ระบือไกล
วันแรกของการทำงานก็เวียนมาถึง หลังจากวานนี้เธอนอนหลับเป็นตาย กว่าจะรู้สึกตัวก็ค่ำของวันนั้น อาจเป็นเพราะแขวลัยไม่เคยเดินทางไกลมาก่อน สภาพร่างกายจึงอ่อนล้าเต็มที่ ต้องการพักผ่อนนานกว่าปกติ
แขวลัยเดินเข้ามาในห้องรับแขกหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าร่วมกับเจ้าของบ้านเสร็จ เพื่อรับรู้หน้าที่การทำงานของตนเอง หญิงสาวชาวไทยเลือกที่จะนั่งพับเพียบสวยงามบนพื้นพรมแทนที่จะขยับร่างกายไปนั่งเทียบเท่าผู้ว่าจ้าง การกระทำของเธอนั้นสร้างความแปลกใจให้กับเจ้าของสถานที่ยิ่งนัก
“ทำไมไม่ขึ้นมานั่งบนนี้มิแชล?” เสียงภาษาอังกฤษดังลอดจากปากของซาบริน่า
“มิแชลเป็นลูกจ้างค่ะ จะตีเสมอเจ้านายไม่ได้ค่ะ คนไทยเขาถือ” แขวลัยตอบเสียงใส รอยยิ้มผุดผาดบนใบหน้าที่สวยงามราวกับนางอัปสรในวรรณคดี
“ขึ้นมานั่งข้างบนเถอะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ใช่ลูกจ้างเหมือนคนรับใช้ในบ้านหลังนี้ เพราะถ้าฉันคิดว่าเธอเป็นลูกจ้างคงไม่ให้มานั่งทานข้าวบนโต๊ะด้วยกัน”
ปราซิเทียผู้สูงอายุที่สุดในบ้านเอ่ยขึ้น แขวลัยจึงเลื่อนลำตัวขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวนุ่มที่อยู่ใกล้ที่สุดตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง
“จากประวัติที่ญาติของมาเรียส่งมาให้ เธอเป็นผู้ช่วยพยาบาลใช่มั้ย?” ปราทิเซียเริ่มซักประวัติ
“ใช่ค่ะคุณท่าน”
“แสดงว่าไม่ใช่พยาบาลโดยตรง แล้วอย่างนี้จะทำงานได้หรือ?”
“ทำได้ค่ะ เพราะวิชาชีพการเป็นผู้ช่วยพยาบาลก็ต้องถูกฝึกฝนและเรียนรู้ไม่ต่างกับพยาบาลวิชาชีพ และสามารถที่จะเลื่อนขั้นเป็นพยาบาลได้ค่ะ มิแชลมีความรู้ ความสามารถในการดูแลคนไข้ได้ไม่ต่างกับพยาบาลทั่วไปค่ะ”
แขวลัยตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงผู้ช่วยพยาบาล ทว่าความสามารถในการดูแลคนไข้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพยาบาลวิชาชีพเลยแม้แต่น้อย
ความพึงพอใจเกิดขึ้นในความรู้สึกของผู้ว่าจ้างทั้งสามท่าน หลังจากได้ยินคำพูดหนักแน่นและจริงจังของสาวร่างเล็ก โดยเฉพาะปราทิเซียที่ปรามาสแขวลัยไว้ในใจตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก นางคิดว่าพยาบาลคนใหม่คนนี้คงทำหน้าที่นี้ไม่ได้แน่ คงจะเหมือนกับคนอื่นที่ผ่านมา แต่ทว่าคำพูดประโยคนี้นางและครอบครัวได้ยินมานักต่อนักแล้ว สุดท้ายก็ไม่มีใครทำได้ตามที่พูดเลยสักคน
งานนี้เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
“ถ้าเป็นอย่างนั้นงานนี้เธอต้องใช้ความพยายาม ความอดทนให้มากกว่างานไหนๆ มันไม่ง่ายเหมือนกับที่เธอดูแลคนไข้คนอื่น เพราะหลานชายฉันเจ้าอารมณ์ ขี้โมโหแล้วโมโหร้ายด้วย ฉันบอกเธอตรงๆ นะว่า ที่พยาบาลคนก่อนๆ ลาออกไปทั้งๆ ที่ทำงานไม่กี่วันก็เพราะทนฤทธิ์หลานฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้พูดให้เธอกลัวนะ แต่อยากให้เธอรู้ไว้เท่านั้นเอง เผื่อจะได้เตรียมตัวรับมือลูอีส”
ปราทิเซียไม่ได้พูดเพื่อให้แขวลัยเกิดความกลัว นางพูดเพื่อต้องการให้สาวตรงหน้าเตรียมตัวรับมือกับคนไข้ที่ไม่เหมือนใครแล้วไม่มีใครเหมือน เพราะงานนี้คงหนักสำหรับสาวร่างเล็กคนนี้เป็นแน่
“ก่อนที่มิแชลจะมาที่นี่ มิแชลได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้วค่ะ จะบอกว่าไม่รู้สึกกังวลหรือกลัวก็คงไม่ได้ มิแชลคิดว่าที่คุณลูอีสมีอารมณ์เช่นนั้นคงจะเกี่ยวเนื่องกับความรู้สึกของคุณลูอีสค่ะ คนที่เคยตาดี มองเห็นทุกสิ่งอย่างในรัศมีสายตากลับต้องมามองไม่เห็นในระยะเวลาไม่กี่อึดใจ เป็นใครๆ ก็คงทนไม่ได้ค่ะ เราต้องให้เวลากับคุณลูอีสนะคะ แล้วไม่ต้องห่วงนะคะ มิแชลจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ไม่หลีก ไม่ถอยหนี ไม่เลิกล้มที่จะดูแลคุณลูอีสกลางคัน ทำงานให้สมกับที่คุณท่านไว้ใจ เชื่อใจที่จะจ่ายเงินล่วงหน้าให้มิแชลค่ะ”
ไม่มีใครรู้หรอกว่าคนตัวเล็กคนนี้มีน้ำอดน้ำทนมากแค่ไหน อาจเป็นเพราะคนรอบข้างแล้วความเป็นอยู่ของแขวลัยทำให้เธอมีความเข้มแข็ง อดทนกับสิ่งที่เผชิญตรงหน้า ไม่ว่าเจ้าหนี้จะร้ายและโหดมากแค่ไหน เธอยังผ่านมาได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่มองไม่เห็นเจ้าอารมณ์คนนี้ แขวลัยอาจจะต้องใช้ความอดทน ความเข้มแข็งมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
เป็นอีกครั้งที่แขวลัยทำให้ทั้งสามอึ้งไปกับพูดหนักแน่นนั้น แม้ว่าคำพูดประโยคนี้จะได้ยินมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่สร้างความเชื่อมั่นให้พวกเขาเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ในความรู้สึกลึกๆ บอกว่า แขวลัยจะเป็นพระจันทร์ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดของลูอีส
“ถ้าเธอมั่นใจอย่างที่พูดก็เริ่มงานของเธอได้แล้ว ฉันจะให้แอนนาพาเธอไปหาคนไข้ที่ต้องดูแล ส่วนเรื่องที่เธอจะต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ฉันจะให้แอนนาบอกเธอเอง”
“ค่ะคุณท่าน” แขวลัยรับคำ ก่อนจะตั้งใจฟังคำพูดของซาบริน่ามารดาของลูอีส
“มันก็ไม่มีอะไรมากเหมือนกับที่เธอดูแลคนไข้ทั่วๆ ไปนั่นแหละ ลูอีสจะตื่นประมาณแปดโมงเช้านะ เธอต้องเข้าไปเตรียมของอาบน้ำให้ลูอีสก่อนสิบห้านาที แต่ไม่ต้องห่วงว่าเธอจะต้องอาบน้ำให้เขา ลูอีสจะอาบน้ำเอง ใส่เสื้อผ้าเองเพียงแค่ว่าเธอจัดวางเสื้อผ้าตรงจุดที่กำหนดไว้ก็พอ หลังจากที่ลูอีสอาบน้ำเสร็จเธอก็ไปเอาอาหารเช้ามาให้ลูอีสทาน อาหารเที่ยงกับอาหารเย็นเธอก็ต้องดูแล ตอนค่ำก็จัดเตรียมชุดให้เขาอาบน้ำ พอลูอีสนอนก็หมดเวลาการทำงานของเธอในแต่ละวัน”
ซาบริน่าบอกกิจวัตรที่เธอต้องทำในแต่ละวันให้แขวลัยได้รับรู้ ซึ่งเธอก็คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปกับการดูแลคนไข้รายอื่นๆ ที่ผ่านมาของตัวเองเลย มองๆ ดูแล้วมันง่ายกว่าด้วยซ้ำไป แขวลัยยังคิดเล่นๆ ว่า งานง่ายๆ แค่นี้ไม่จำเป็นต้องจ้างพยาบาลมาดูแลก็ได้ ให้คนในบ้านผลัดเปลี่ยนมาดูแลยังจะง่ายเสียกว่า ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก แต่มานึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เรื่องของตนเองที่จะต้องรู้ หน้าที่ของเธอคือดูแลคนไข้เอาแต่ใจเท่านั้น
“แล้วยาล่ะคะ มียาให้คุณลูอีสทานหรือเปล่าคะ?” เธอถามต่อ
“ไม่มี ลูอีสแข็งแรงดี แค่เพียงตาบอดเฉยๆ” ซาบริน่าตอบเสียงเรียบ “อ้อ!!...ลืมไปเรื่องนึง ญาติของมาเรียคงบอกเธอแล้วว่า ถ้าเธอทำให้ลูอีสยอมรักษาตาได้ ทางเราจะให้หนึ่งล้านยูโร มันจะเป็นตามนั้นนะถ้าหากเธอทำได้จริงๆ” ก่อนจะพูดขยายความต่อ
“ค่ะ พี่พรบอกมิแชลแล้วค่ะ”
“ไปกันเถอะ จวนจะได้เวลาลูอีสตื่นแล้ว” ซาบริน่าลุกขึ้นยืนทันที่ที่พูดจบ แขวลัยจึงลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังนางไป
“ลูกว่ามิแชลจะไหวมั้ยเลอแตรงค์?” ปราทิเซียถามลูกชายไล่หลังสองร่างที่เดินห่างออกไป
“เราก็ต้องลองดูครับ แต่ท่าทางของมิแชลทำให้ผมมั่นใจว่าเธอต้องทำได้ครับคุณแม่”
เลอแตรงค์บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงได้มั่นใจนักหนา แต่ลึกๆ ในความรู้สึกมันบอกเช่นนั้น แล้วเขาก็เชื่อลางสังหรณ์นั้นด้วย
“แม่ก็หวังว่าอย่างนั้น”
สายตาของปราทิเซียเวลาพูดจับจ้องไปยังร่างของแขวลัยที่เดินขึ้นบันไดอย่างมีความหวังว่า ลูอีสจะกลับมาหายดีดังเดิม แม้ว่าความหวังจะน้อยนิดเพียงเสี้ยวหนึ่งก็ตาม