ตอนที่ 1 อารัมภท
"ฉันทำไมได้"
"ทำไมถึงทำไม่ได้ พ่อเลี้ยงก็ทำให้มันจบๆไปก็สิ้นเรื่อง"
ร่างเปลือยไร้เสื้อผ้าอาภรณ์โวยวายกับคนตรงหน้า เธอยืนแก้ผ้าเพื่อให้ปรเมศได้ทำเรื่องอย่างว่า แต่อีกฝ่ายกับยืนตัวแข็งทื่อไม่มีอารมณ์ร่วมในครั้งนี้
"กานต์ขอร้อง กานต์เบื่อที่ต้องตอบคำถามพ่อๆแม่ๆว่าทำไมยังไม่มีลูก"
"ไม่ต้องขอร้อง"
ปรเมศปฏิเสธกับเรื่องบนเตียง มันอาจจะเป็นความตายด้านไปแล้วก็ได้ เขาไม่เคยมีอารมณ์กับผู้หญิงไหนนอกจากแฟนเก่าที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบปีที่แล้ว กานต์กนก ภรรยาคนปัจจุบันที่แต่งกันด้วยธุรกิจ ผู้ใหญ่ทั้งสองคลุมถุงชนในการแต่งงานครั้งนี้ ปรเมศเองไม่ได้มีใครมานับสิบปีและยินยอมแต่งงานกับกานต์กนกเพราะแม่ร้องขอเพื่อทำให้มันจบๆไปเพราะไม่อยากมีปัญหา แม้กานต์กนกจะมีใจให้ปรเมศอยู่บ้าง แต่ก็รู้ตัวว่าเป็นได้แค่ภรรยาในนาม ผู้เป็นสามีชัดเจนมาตลอดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอมันธุรกิจไม่ได้รักหรือรู้สึกลึกซึ้งอะไร แต่ทว่ากานต์กนกก็คิดเสมอว่าความดีของเธอจะทำให้สามีใจอ่อนเข้าสักวัน แต่มันก็นานร่วม 3 ปี ปรเมศยังเป็นคนใจแข็งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือปากคอเลาะร้ายไม่เคยถนอมน้ำใจกันสักครั้ง
"พ่อเลี้ยงเราแต่งงานกันมา 3 ปีไม่เคยมีอะไรกัน"
"......."
"กานต์จืดซืดขนาดนั้นเลยเหรอ"
"......."
"รูปร่างหน้าตาของกานต์ มันกระตุ้นต่อมความเงี่ยนของพ่อเลี้ยงไม่ได้เลยเหรอ"
ปรเมศเบือนสายตาไปทางอื่น กานต์กนกกระทืบเท้ากระเพื่อมสั่นไหวไปทั้งร่าง ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนขี้เหร่หรือไม่มีความเซ็กซี่จนไม่เร้าใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มยึดถือในใจเสมอจะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่ได้รักและกานต์กนกคือหนึ่งในเงื่อนไขนั้น เขาไม่รักเธอมันก็ไม่แปลกที่ปรเมศจะไม่ยอมมีอะไรด้วย ต่อให้คนตรงหน้ายั่วยุจนความเป็นบุรุษเพศแข็งขึ้น เขาก็จะไม่ทำ
"พูดจาอะไรให้เกียรติตัวเองด้วย มันดีแค่ไหนที่ผมไม่ย่ำยีและถีบหัวส่ง อย่าทำให้ผมเหลืออดหรือต้องร้ายไปมากกว่านี้"
ปรเมศแค่นเสียงตามไรฟันกับพฤติกรรมของกานต์กนกที่ยัดเยียดตัวเองเกินงาม ทะเบียนสมรสเป็นแค่กระดาษใบเดียว กานต์กนกจะเป็นเจ้าชีวิตของเขาไม่ได้
"นะคะพ่อเลี้ยง ทำลูกให้กานต์เถอะ กานต์อายที่ทุกคนต่างรุมถาม" เข้ากอดปรเมศแน่น ใบหน้าซุกลำคอขบเม้มเป็นการยั่วเย็ดให้เกิดอารมณ์ มือน้อยๆแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวลายสำหรับใส่ทำงานในไร่ของปรเมศ กลิ่นเหงื่อจากการตากแดดปะทะจมูกเป็นกลิ่นจางๆก็ไม่อาจต้านทานอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นของกานต์กนกได้ ในยามที่กระดุมหลุดทุกเม็ดแผงอก ก็ปรากฏหน้าอกหนาเป็นลอนๆมีแต่กล้ามเนื้อ ขณะนี้มันล่อตาล่อใจหญิงตรงหน้าเป็นอย่างมาก กานต์กนกยกฝ่ามือน้อยๆแนบแผงอกลูบวนไล่ ทั้งยังเขี่ยสะกิดยอดเม็ดสีน้ำตาลเข้มปรเมศเป็นการลากชายหนุ่มเข้าห้วงเสน่หา
"ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากห้องผม"
ผลักคนร่างเปลือยออกจากออกอ้อมกอดและจับกานต์กนกแต่งตัวราวกับตุ๊กตาบาร์บี้ จากนั้นปรเมศก็ลากกานต์กนกออกจากห้อง เสียงร้องโวยวายดังลั่นทั่วบ้าน คนงานที่สนิทก็ต่างรู้ดีว่าทั้งคู่เป็นผัวเมียแค่ในนามเท่านั้น
"พ่อเลี้ยง" ตะคอกเสียงอย่างไม่พอใจ เขาทำกับเธออย่างไม่ใช่เมีย
"นี้เมีย" ชี้หน้าตัวให้ปรเมศหันมอง ว่าคนที่ยืนตรงนี้ตรงนี้คือเมียในสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
"ก็ยังเห็นว่าเป็นเมีย ถึงไม่ทำอะไรต่ำๆไปมากกว่านี้ อย่าทำให้เหลืออดแค่กระดาษแผ่นเดียวมันไม่ได้มีค่ากับฉันขนาดนั้น"
ตอกกลับอย่างไม่แยแสความรู้อีกคน เลือกที่จะแต่งงานกับเขาตั้งแต่แรกก็ต้องรับให้ได้กับปากไม่มีหูรูดและความไม่ถนอมน้ำใจใคร ปรเมศเป็นคนตรงๆชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ยกเว้นก็แต่จะมีบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สมควรจะพูดก็จะกลายเป็นคนอีกบุคลิก
"สะอาด"
"......"
"สะอาด!!!" เรียกคนขับรถประจำไร่ภูมิดินที่อยู่ด้านหน้าของบ้าน
"ครับพ่อเลี้ยง" คนขับรถวิ่งหน้าตื่น ในมือยังถือผ้าเช็ดรถกำลังทำความสะอาดและขัดเหงาหลังจากล้างคราบดินคราบโคลนเสร็จ
"ไปส่งคุณกานต์ที่บ้าน" พูดจบก็เดินย้อนกลับเข้าห้องทำงาน หย่อนกายลงเก้าอี้หนังสีดำเอนศีรษะผิงพนักแหงนใบหน้าขึ้นและพ่นลมหายใจออกปลายจมูกเฮือกใหญ่ เขาต้องเผชิญกับปัญหาโลกแตกปัญหาการอยากได้หลานสืบทอดสกุลให้ตระกูลภูมิดิน ทั้งยังต้องประสามเสียกับคนกานต์กนกที่อยากเสียตัวให้เขาตลอดเวลา
มันยากมากที่จะต้องฝืนใจทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่ไม่ได้รัก ปรเมศไม่ใช่ผู้ชายมักมาก ไม่ค่อยสนใจเรื่องประเภทนี้สักเท่าไหร่วันๆตั้งหน้าตั้งตาเข้าไร่เข้าสวนธุรกิจที่สานต่อจากคุณปู่
ไร่ภูมิดินทำเกษตรเกี่ยวผักผลไม้เป็นหลัก ปลูกพืชออแกนิกสลับการปลูกตามธรรมชาติ รูปแฟนเก่ายังคงตั้งไว้บนโต๊ะทำงานไม่เคยอยากมันออกไปไหนและทุกคนก็รู้ว่าผู้หญิงนี้คือรักแรกและรักเดียวของปรเมศที่มี
"ผมคิดถึงคุณ" มือหนาสัมผัสเข้าที่กรอบรูป ใช้หัวแม่มือลูบใบหน้าบนกรอบรูป ปรเมศส่งยิ้มให้กับคนในกระดาษแผ่นเล็กด้วยความคิดถึง สิบปีที่ห่างกันไปความรู้สึกไม่เคยลดน้อยลง
ตกดึก
ปรเมศลืมตาขึ้นหลังจากหลับพักสายตาไปชั่วครู่ แสงที่สว่างจ้าจากโคมไฟดวงสวยดับลงเหลือเพียงความมืดอย่างแปลกประหลาด บรรยากาศในเงียบเป็นปกติอย่างเช่นทุกวันไม่ลมฟ้าลมฝนที่จะทำให้ไฟฟ้าดับลงได้
"ไฟดับ"
แต่เปล่าเลย ไฟในห้องกลับติดๆดับๆราวกับมีคนมาเปิดปิดสวิชไฟเล่น ปรเมศเหยียดกายลุกจากเก้าเปิดประตูออกมาด้านนอก ในขณะที่เดินสำรวจไฟในบ้านก็พลันเห็นเงาสีดำเปิดประตูหน้าบ้านออกไป ตอนนี้เขากำลังคิดว่าอาจเป็นขโมย ผลผลิตในไร่เริ่มออกอาจจะเป็นไปได้ว่าต้องมีโจรเข้ามาขโมยของ
ชายหนุ่มรีบย้ำเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเงาตะคุ่มให้ทันออกมาด้านหลังและหวังจะจับส่งตำรวจให้ได้หากเป็นโจรจริงๆ
"หยุด" เข้าประชิดร่างปริศนาห่างกันไม่กี่คืบ ก็ตกใจเมื่อร่างนั้นหันมาปรากฏเป็นใบหน้าอดีตคนรักที่เสียชีวิตไปแล้ว
"มินตรา" ไม่ได้ตกใจกลัวแต่อย่างใดกลับดีใจด้วยซ้ำที่ได้เจอเธออีกครั้ง นานมากที่ไม่เจอมินตราแม้กระทั่งในความฝัน คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ปรเมศอย่างสดใสอย่างที่ไม่เคยเห็นกับรอยยิ้มแบบนี้
"คุณมาหาผม"
"......" ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่รอยยิ้มในมุมปากที่ส่งให้ปรเมศเรื่อยๆ มินตรายังคงเหมือนเดิมยิ้มสวยไม่มีที่ติแม้ไม่ได้เจอกันนานนับสิบปี
"ผมคิดถึง"
เดินเข้าใกล้มินตรา สองแขนอ้าเตรียมสวมกอดคนที่คิดถึง เพียงแต่โอบร่างคนรักแทนที่จะได้กอดรัดตัวเธอแต่กลายเป็นการสวมกอดตัวเอง มินตราหายไปต่อหน้าตาต่อปรเมศอย่างเหลือเชื่อ
"มิน มิน!!" ตะโกนเรียกสุดเสียง พลางกวาดสายตามองหาหมุนตัวเป็นรอบ 360 องศา ไปแล้ว!! มินตราหายไปจากปรเมศอีกครั้ง
"มิน!!!!"
เฮือก !! สะดุ้งตื่นกลางดึก ปรเมศยังนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เขาเผลอหลับไปตั้งแต่นอนไหนก็ไม่รู้ มีเพียงแฟ้มออเดอร์จากลูกค้าสั่งผลผลิตในไร่กางไว้บนโต๊ะ เมื่อกี้เขาแค่ฝัน ฝันถึงคนรักที่จากไปนานแสนนาน เป็นครั้งแรกตั้งแต่มินตราจากไปแล้วเก็บมาฝันเพราะความคิดถึงสุดหัวใจ
เหงื่อซึมตามกรอบหน้า ปรเมศยกหลังมือปาดเช็ดมันออก จากนั้นเก็บแฟ้มต่างๆที่กองอยู่ตรงหน้าให้เป็นระเบียบ ก่อนจะปิดไฟและล็อคประตูห้องทำงานไม่ให้ใครเข้ามาโดยพลการแล้วเดินขึ้นห้องนอนในเวลาเที่ยงคืน