เด็กเสี่ย - ค่าตัวห้าร้อย
เคยไหม ยิ่งเราพยายามมากเท่าไหร่ ก็เหมือนว่าสิ่งที่ต้องการจะยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ
“ตอนนี้ทางบริษัทเรายังไม่ต้องการคนเพิ่ม...”
“แล้วเราจะติดต่อกลับไป...”
“คุณน่าสนใจมาก แต่น่าเสียดายที่ตำแหน่งที่คุณต้องการเรามีเพียงพอแล้ว สนใจตำแหน่งอื่นดูไหม...”
ดอกแก้วสะบัดรองเท้าส้นสูงที่กัดจนเจ็บเท้าไปหมดออก ถอดสูทตัวนอกแขวน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนแข็งๆ
เดือนที่ผ่านมา เธอได้ยินแต่ประโยคพวกนั้นจนเบื่อ ได้ยินจนแค่คนพวกนั้นอ้าปาก เธอก็รู้แล้วว่าเขาจะพูดอะไร ไม่ใช่ว่าเธอเลือกงาน แต่บริษัทสมัยนี้กดเด็กจบใหม่มากเกินไป ทั้งเงินเดือน และตำแหน่งที่ยากจะเติบโต
“ตำแหน่งอะไรคะ?” ดอกแก้วจำได้ว่าเธอถามออกไปด้วยความดีใจ ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช่ตำแหน่งที่ตรงกับด้านที่เธอจบมา เธอก็พร้อมจะพิจารณา ถ้าเงินเดือนมันเพียงพอกับรายจ่ายในแต่ละวัน
“แม่บ้าน” เขาพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้น ดอกแก้วอ้าปากค้างเหมือนปลาขาดอากาศ ก่อนจะถามออกไปเสียงแผ่วว่าเงินเดือนเท่าไหร่ เขาตอบมาว่า “วันละสามร้อย วันไหนหยุดไม่ได้เงินนะ เพราะผมไม่ได้จะรับเป็นประจำ แค่พาร์ทไทม์น่ะ ไม่มีสวัสดิการอะไร อ้อ... แต่มียูนิฟอร์มให้ ถ้าออกก่อนสามเดือนต้องเสียเงินชดใช้”
“หึ้ย!! ไอ้บ้าเอ้ย!!” มือบางตีฟูกที่นอนอยู่แรงๆ จินตนาการเป็นใบหน้าตี๋ๆ ของฝ่ายบุคคลคนที่สัมภาษณ์เธอวันนี้ “ฉันเรียนจบเอกอังกฤษเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่จะให้ฉันไปเป็นแม่บ้าน แถมยังเป็นแม่บ้านพาร์ทไทม์อีก เป็นเด็กเสิร์ฟยังได้มากกว่านี้เลย!!”
เดี๋ยวนะ... เด็กเสิร์ฟอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตากลมที่เคยเกรี้ยวกราวเปลี่ยนเป็นประกายวิบวับ ความหวังเริ่มส่องประกาย เอาเถอะ... ไม่ได้งานออฟฟิศก็ไม่เป็นไร เป็นเด็กเสิร์ฟก็ได้ ขอแค่มีเงินไว้ใช้จ่ายก็พอ
“หน้าที่เราไม่มีอะไรมาก แค่เสิร์ฟเครื่องดื่มกับกับแกล้มให้ลูกค้า อ้อ... แต่ถ้าลูกค้าอยากให้เราช่วยชงเหล้าให้ เราก็ต้องทำนะ อาจจะได้ทิปเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าขนมด้วย แต่ลูกค้าร้านนี้เกรดดีทั้งนั้นแหละ ทิปทีไม่ต่ำกว่าร้อย เด็กที่นี่ชงเหล้าให้แขกได้ทิปเยอะกว่าเงินเดือนอีก”
“จริงเหรอคะ!?” ดอกแก้วตาโตทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น หัวสมองรีบคำนวนอย่างรวดเร็ว ที่นี่เสนอเงินเดือนให้เธอหมื่นห้า ถ้าได้ทิปมากกว่าเงินเดือน ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ก็เท่ากับสามหมื่นขึ้นไป!!
ค่าห้องของเธอหกพัน ค่ากินค่าเดินทางและของใช้อีกห้าพัน ที่เหลือก็เก็บให้หมด ถ้าทำแบบนี้ทุกเดือน เพียงแค่ปีเดียวเธอก็จะมีเงินแสน!!
โชคดี... โชคดีจริงๆ ที่เธอมาสมัครงานที่นี่ นี่มันสวรรค์ชัดๆ
เธอขอถอนคำพูด ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ แต่มันคือนรกดีๆ นี่เอง
ร่างอิ่มแอบย่องเข้าไปในห้องน้ำในตอนที่ไม่มีใครเห็น เธอปิดประตูแน่น เมื่ออยู่คนเดียวแล้วเธอก็มองสำรวจตัวเองในกระจก
นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่ ดอกแก้ว?
สภาพของเธอไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงบริการราคาถูกเลย... ผมยาวๆ ถูกจับมัดเป็นหางม้า ใบหน้าถูกแต่งจนจัดจ้านเหมือนลิเก ชุดที่สวมใส่อยู่ก็มีแค่เสื้อสายเดี่ยวสีขาวบาง และกางเกงขาสั้นที่สั้นจนเห็นแก้มก้นเท่านั้น...
นี่เหรอ งานเสิร์ฟ?
ปัง! ปัง! ปัง!
“ดอกแก้ว!”
เฮือก!!
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เพราะเสียงเคาะประตูและเสียงเรียกมันไม่เบาเลย
“ดอกแก้ว อยู่ในนั้นไหม?”
“ยะ... อยู่จ้ะ” หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามไม่ให้เสียงตัวเองสั่น
“ท้องเสียหรือไง? ออกมาได้แล้ว แขกเริ่มมาแล้ว อย่าอู้”
“จ้ะ... จ้า เดี๋ยวออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” ดอกแก้วตะโกนกลับ ซักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ห่างออกไป เธอถอนหายใจฟู่
ตาโตมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง สภาพของเธอตอนนี้เหมือนดอกแก้วราคาถูก ต่างจากสองวันก่อนที่ใส่สูทเข้าไปสมัครงานตามบริษัทอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันคือเครื่องแบบที่พนักงานทุกคนต้องใส่ ถ้าเธออยากได้เงิน เธอก็ต้องทำ
“เพื่อค่าห้อง และค่าข้าว”
ดอกแก้วท่องแบบนั้นอยู่ในใจ อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอมีกำลังใจทำงานมากขึ้น ถ้าไม่ทำ... เธอก็อดตาย
“ดอกแก้ว ชงเหล้าโต๊ะสิบห้า”
“จ้า”
ดอกแก้วรับคำเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะสิบห้า เธอมีรูปร่างที่อวบอิ่มกว่าผู้หญิงสมัยนี้ที่รูปร่างผอมเพรียว ชุดที่ใส่มันเลยแน่นไปหมดจนไม่กล้าเดินเร็วๆ เพราะกลัวว่าอะไรต่อมิอะไรจะปลิ้นออกมา
ร้านที่ดอกแก้วได้งานเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ เปิดห้าโมงเย็นถึงตีสอง ช่วงหลังจากสามทุ่มจะมีนักร้องมาร้องเพลง อันนี้ที่จริงมันก็ไม่ได้แย่มาก ติดอยู่อย่างเดียวคือชุดของพนักงาน ไม่รู้จะเปิดอะไรขนาดนั้น...
“เอาเข้มๆ นะหนู”
แขกที่เธอมาดูแลไม่ใช่วัยรุ่นเหมือนโต๊ะก่อนหน้า แต่เป็นชายวัยกลางคนค่อนไปทางปลายที่ไม่มีผมบนหัวแล้ว เขามากับเพื่อนอีกสองคน สองคนนั้นก็ไม่มีผมบนหัวเหมือนกัน
“ค่ะ”
งานของเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้า และยิ่งทำให้ลูกค้าถูกใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เงินเยอะขึ้นเท่านั้น ดอกแก้วยิ้มบาง เพราะเมื่อกี้ไปชงเหล้าให้อีกโต๊ะมาและเธอได้ทิปตั้งสองร้อย
“ชื่ออะไร พี่ไม่เคยเห็นหน้า”
แขกโต๊ะสิบห้าแทนตัวเองว่าพี่ ทั้งๆ ที่อายุอานามน่าจะเป็นลุงมากกว่า แต่ความเป็นพนักงานมันทำให้ดอกแก้วจำต้องยอมเออออไปด้วย พี่ก็พี่ เผื่อว่าจะได้ทิปเพิ่ม
“ดอกแก้วจ้ะพี่”
“ชื่อเพราะนะ”
“ขอบคุณนะจ๊ะ” ดอกแก้วส่งยิ้มหวาน ก่อนจะส่งแก้วเหล้าที่ชงเสร็จแล้วให้ พี่ อย่างนอบน้อม “เหล้าของพี่จ้ะ เข้มๆ”
“ขอบใจนะ” มือใหญ่เอื้อมมารับแก้วทรงกระบอก ทว่าสิ่งที่เขาจับกลับไม่ใช่แก้ว แต่เป็นมือของดอกแก้วที่ประคองแก้วใบนั้นอยู่ต่างหาก “มือนุ่มจัง”
“เอ่อ..” ดอกแก้วรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าดึงมือออก ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจับอยู่แบบนั้นอย่างจำใจ
“ปล่อยน้องเขาได้แล้วไอ้เฒ่าหัวงู น้องกลัวหมดแล้ว” เป็นเพื่อนเขานั่นเองที่พูดขึ้นมา ดอกแก้วได้แต่ขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ในใจ เพราะพี่คนนั้นยอมปล่อยมือเธอแต่โดยดีเมื่อถูกเพื่อนต่อว่า
“งั้นดอกแก้วขอตัวก่อนนะ พวกพี่ตามสบายเลยจ้ะ” พูดจบร่างอิ่มก็หันกลับ เตรียมเดินไปทำหน้าที่อื่นต่อ นึกเสียดายอยู่ลึกๆ ที่ไม่ได้ทิปติดมือมาด้วย
หมับ!!
“อ๊ะ!!” เสียงหวานร้องดัง เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังถูกรุกราน ดอกแก้วรีบหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นลูกค้าคนนั้นที่เอื้อมมือมาบีบก้นเธอเต็มแรง “ปล่อย!!”
ดอกแก้วโกรธจนตัวสั่น ปัดมือสกปรกนั้นออกจากร่างกาย เธอแสดงท่าทางรังเกียจไม่อ้อมค้อม และนั่นทำให้เฒ่าหัวงูโกรธ
“ทำไม? จับแค่นี้ทำสะดีดสะดิ้ง โดนจับมากี่คนแล้วล่ะ!”
“ฉันจะโดนจับมากี่คนมันก็ไม่ใช่เรื่องของแก!” ไม่มีอีกแล้วคำว่าพี่ ดอกแก้วโกรธจนไม่ไว้หน้าและไม่สนด้วยซ้ำว่าเป็นลูกค้า เธอเกลียดนักผู้ชายที่ฉวยโอกาสผู้หญิงแบบนี้
“อ้อ เพราะไม่ได้เงินสินะ งั้นเอาเท่าไหร่ วันนี้พี่เหมา”
“เหมาอะไร?”
“ไม่รู้จักคำว่าเหมาด้วยว่ะ ไร้เดียงสาแบบนี้พี่ชอบ” พูดจบมันก็หันกลับไปหัวเราะกับเพื่อนอีกสองคน ดอกแก้วมองผู้ชายที่คิดว่าเป็นคนดีเพราะช่วยเตือนเพื่อนตอนที่เธอโดนจับมือด้วยความตกใจ
คนพวกนี้ ที่แท้ก็เลวเหมือนกันหมด ทำไมเธอถึงไม่เอะใจเลย ถ้าไม่เลวเหมือนกันก็คงคบกันไม่ได้
“ขอตัว เอ๊ะ! ปล่อย” ดอกแก้วพยายามบิดข้อมือจากมือหยาบ เธอนึกอยากจะอาเจียน ยิ่งมันมาจับตัวเธอยิ่งขยะแขยง
“เดี๋ยวซี่ พี่ขอเหมาคืนนึง ห้าร้อยพอไหม?”
“ห้าร้อย!?”
“ห้าร้อยก็แพงแล้วสำหรับหนู” เฒ่าหัวงูมองเรือนร่างของดอกแก้วขึ้นลงเหมือนคนไร้มารยาท “เดี๋ยวพี่พาขึ้นสวรรค์ รับรอง... น้องจะฟินจนไม่สนเรื่องเงินเลย”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ดอกแก้วสุดจะทน เกิดมาลำบากเกือบทั้งชีวิต แต่ไม่เคยรู้สึกว่ากำลังถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเท่าวันนี้มาก่อน
“งั้นพี่อ่านปากน้องให้ชัดๆ นะจ๊ะ” ดอกแก้วส่งยิ้มหวาน มือข้างที่ไม่ได้ถูกจับไว้ยกขึ้นชี้ปากตัวเองให้อีกฝ่ายจ้องมอง “ไป ตาย ซะ จะ อ้วก!!!”