2
2
“ขอบคุณค่ะ” ดารินยกมือไหว้อย่างน่ารัก รติรสจึงให้ทางโรงเรียนโทร. ไปแจ้งทางบ้านของดารินเรื่องที่ไม่ได้เดินทางกลับกับรถโรงเรียน ซึ่งประภพเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
พงศ์อินทร์และรติรสขับรถไปจอดหน้าบ้านของประภพ ทั้งสองเอ่ยขออนุญาตพาดารินไปที่บ้าน ประภพเอ่ยอนุญาตเพราะเห็นว่าสองสามีภรรยาเป็นคนอัธยาศัยดีและมีน้ำใจเสมอมา
“เดี๋ยวจะพามาส่งนะคะ” รติรสเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ฝากยายรินด้วยนะครับ” ประภพฝากฝัง
“ได้ค่ะ” รติรสพาเด็กหญิงทั้งสองขึ้นรถ ก่อนที่สามีจะมุ่งหน้ากลับบ้าน
พอถึงบ้าน เจ้าของบ้านตัวน้อยรีบดึงมือเพื่อนวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วโดยมีเสียงมารดาพูดไล่หลังมาว่าให้เดินดีๆ อย่าวิ่งเดี๋ยวสะดุดหกล้มเอา
“นี่ห้องนอนของเราเอง” มาหยาอวดห้องนอนสีโอลด์โรสให้เพื่อนดู
“ห้องน่ารักจังเลยจ้ะ” ดารินวางกระเป๋าเป้ลายการ์ตูนลงบนเตียงนอนน่ารักของเพื่อน ด้านในมีชุดที่นำมาเปลี่ยนด้วย
“แม่ของเราทำกับข้าวอร่อยที่หนึ่งเลย”
“อิจฉาคนมีแม่จัง เราไม่มีแม่ พ่อก็ไม่เคยทำกับข้าวให้กิน” ดารินพูดตามที่คิด
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก เดี๋ยวเราแบ่งแม่เราให้เป็นแม่ของดารินด้วยดีไหม”
“จริงเหรอ” ดารินเขย่ามือเพื่อนอย่างดีใจ
“จริงสิ เราไม่มีพี่น้อง ถ้ารินมาเป็นลูกของแม่เรา เราก็จะได้เป็นพี่น้องกันไง” มาหยารู้สึกถูกชะตากับเพื่อนตัวน้อยวัยเดียวกันเป็นอันมาก
“ดีจัง”
“ไปอาบน้ำกันเถอะจ้ะเด็กๆ” เสียงของรติรสเดินเข้ามาในห้องก่อนจะต้อนเด็กน้อยทั้งสองไปอาบน้ำ
“คุณแม่ขาเป็นแม่ของดารินด้วยนะคะ ดารินอยากมีแม่” มาหยาเอ่ยขึ้นขณะที่มารดาฟอกสบู่ให้
“ได้สิจ๊ะ”
“คุณแม่” ดารินเรียกอย่างดีใจ มีความสุขที่รติรสช่วยอาบน้ำให้ ตอนอยู่บ้านพี่เลี้ยงหรือสาวใช้ที่บิดาจ้างมาเป็นคนอาบน้ำให้ แต่คนพวกนั้นไม่ได้มีท่าทีรักเธอเหมือนอย่างที่รติรสผู้เป็นมารดาของมาหยาทำเลยสักนิด นั่นทำให้เด็กน้อยคิดเปรียบเทียบอยู่ในใจ
“ขอบคุณนะคะ” ดารินยกมือไหว้หลังจากที่รติรสเช็ดเนื้อเช็ดตัวและสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้
“ขอบคุณอะไรแม่จ๊ะ”
“ที่ยอมเป็นแม่ของหนูน่ะค่ะ หยาใจดีจังแบ่งแม่ให้เราด้วย”
“แม่เรากอดได้ด้วยนะ กอดอุ่นด้วย” มาหยาอวดแม่ โผเข้ากอดให้ดู ดารินมองอย่างอิจฉานิดๆ รติรสดึงเด็กน้อยมากอดด้วยเช่นกัน ดารินหลับตาพริ้มรู้สึกว่าอ้อมแขนนี้ช่างอบอุ่นเหลือกำลัง
อาหารเย็นที่บ้านของมาหยาทำให้ดารินมีความสุขเป็นอันมาก ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แม้แต่เขตต์ที่ชอบแกล้งเพื่อนก็ยังเล่นกับมาหยาอย่างสนุกสนานเหมือนกับว่าทั้งสองไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน
คนสอนการบ้านไม่ใช่ใครอื่น พงศ์อินทร์กับรติรสยกให้เป็นหน้าที่ของเขื่อน นักศึกษาปีสุดท้ายคณะแพทย์ศาสตร์วัยยี่สิบสี่ที่ค่อนข้างเอ็นดูเด็กๆ
การเรียนอนุบาลสามนั้นมีการเรียนภาษาไทยผ่านนิทานกับเพลง เริ่มเขียนคำที่มีสระ จับคู่คำโดยเชื่อมโยงภาพเข้ากับคำและใจความ ส่วนวิชาคณิตศาสตร์นั้นเด็กจะเริ่มรู้จักค่าและเปรียบเทียบความมากน้อยตั้งแต่ 1-50 การบวกลบหนึ่งถึงสองหลัก จากสิ่งของและรูปภาพต่างๆ
“เราจะทำการบ้านวิชาอะไรกันก่อนครับ” เขื่อนเอ่ยถามเด็กๆ
“ทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ก่อนค่ะ” มาหยาเป็นคนตอบ เด็กๆ ทั้งสามนั่งล้อมหน้าล้อมหลังเขื่อนอยู่
“เปิดสมุดการบ้านเลยครับ” การบ้านวิชาคณิตศาสตร์คือการบวกลบตัวเลข ซึ่งจะมีรูปภาพต่างๆ ทั้งผลไม้บ้าง ผักบ้าง สัตว์บ้างอยู่ด้านหนึ่ง มีเครื่องหมายเท่ากับอยู่ตรงกลางให้แปลงรูปภาพเป็นตัวเลขแล้วนำมาบวกลบกัน จะได้ผลลัพธ์ในช่องสุดท้าย
“ข้อที่หนึ่งนี่ลูกอะไรครับ” เขื่อนชี้ไปที่สมุดการบ้านเด็กๆ พลางเอ่ยถาม
“หนูตอบค่ะ หนูตอบ ผมตอบ”
“ตอบทีละคนครับ เขตต์ตอบก่อนแล้วกัน”
“ชมพู่ครับ”
“เก่งมาก” เขื่อนหอมแก้มหลานชายฟอดใหญ่ เขตต์ อมยิ้มแก้มพองที่ได้รับคำชม
“นี่เครื่องหมายอะไรครับ”
“มาหยาหรือดารินตอบดี”
“รินตอบได้ไหมคะ” ดารินเอ่ยถามเหมือนไม่แน่ใจ
“ได้ครับ” เขื่อนพูดอย่างใจดีโยกศีรษะเล็กๆ อย่างเอ็นดู
“เครื่องหมายบวกค่ะ”
“เก่งมากครับ” เขื่อนเอ่ยชม
“แล้วนี่ผลไม้อะไรครับ” เขาชี้รูปผลไม้สองภาพหลังเครื่องหมายบวก
“แอปเปิ้ลค่ะอาหมอก็จะได้สามบวกสองค่ะ” มาหยาตอบเสียงดังฟังชัดเขียนเลขสามบวกเลขสองลงในช่องถัดไป มาหยาติดเรียกเขื่อนว่าอาหมอเพราะบิดามารดาบอกว่าเขื่อนเป็นหมอ
“เก่งมากครับ” เขื่อนเอ่ยชม
“หอมแก้มหยาด้วย” มาหยาเอ่ยขอเพราะเห็นว่าเขตต์ตอบถูกเขื่อนก็หอมแก้ม
“เค้าไม่ให้อาของเค้าหอมแก้มตัวหรอก” เขตต์ขึ้นไปนั่งตักอย่างหวงๆ
ตอนนั่งมาในรถมารดาสอนมาหยาว่าให้เห็นใจเขตต์เพราะเขตต์ไม่มีพ่อแม่ พ่อแม่ตายหมดก็เลยเกเร มาหยาเลยขยับไปหอมแก้มเขื่อนแทน เขื่อนหน้าแดงเล็กน้อยที่โดนเด็กหอมแก้ม
“ตัวมาหอมแก้มอาเขื่อนของเค้าได้ยังไง”
“ทำไมล่ะ เค้าจะหอมแก้มอาของตัว” มาหยายิ้มยิงฟันให้เพื่อน
“งั้นรินก็หอมแก้มอาหมอได้ใช่ไหมคะ รินไม่เคยหอมแก้มคุณพ่อเลย อยากหอมจะแย่” ดารินมองแก้มใสๆ ของเขื่อนไม่วาง
“เค้าไม่ให้ใครหอมแก้มอาเขื่อนของเขานะ” เด็กชายอ้วนตุ๊บขี้หวงพูดขึ้น
“ขี้หวงจริง ถ้านายให้รินหอมแก้มอาหมอ พรุ่งนี้เราจะแบ่งหมูปิ้งให้ก็ได้ แม่เราจะทำหมูปิ้งด้วยแหละ” มาหยาสงสารดารินเพราะอยากหอมแก้มเขื่อนบ้าง เลยเอาของกินมาหลอกล่อเขตต์
“ก็ได้ๆ แต่ให้หอมทีเดียวนะ” คนขี้หวงยังไม่ยอมง่ายๆ แต่นึกถึงหมูปิ้งก็เลยยอมใจอ่อน มาหยาแอบขำเพราะรู้จุดอ่อนของเพื่อนตัวอ้วนเห็นแก่กิน
ดารินหอมแก้มเขื่อนฟอดใหญ่แล้วเริ่มทำการบ้านต่ออย่างมีความสุข
“สามบวกกับห้าได้เท่าไหร่ครับ” เขื่อนเอ่ยถามเด็กทั้งสาม
“สามบวกกับห้า” มาหยายกนิ้วขึ้นนับ
“แปดค่ะ”
“เก่งครับ” เขื่อนขยับเข้าไปหอมแก้มเด็กน้อยยิ้มๆ มาหยาคุ้นชินกับโดนอาหมอหอมแก้มในขณะที่นั่งก้มหน้าก้มตาเขียนเลขแปดลงไปในเส้นประสุดท้ายซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการบวกเลข
“ข้อต่อไปเป็นอะไร”
“เป็นลบค่ะ” ดารินเอ่ยตอบ เขื่อนนึกชมอยู่ในใจว่าเด็กทั้งสามนั้นหัวดี
“ม้าห้าตัวลบไก่สองตัวเหลือสามตัวครับอาเขื่อน” เขตต์รีบเอ่ยตอบ
“เก่งมากครับ” เขตต์ก้มลงไปหอมแก้มป่องๆ ของหลานชาย ตอนนี้เขตต์ยอมให้ผู้เป็นอาหอมแก้มเพื่อนทั้งสองเพราะเห็นแก่หมูปิ้งแสนอร่อยในวันพรุ่ง
หลังจากจบวิชาคณิตศาสตร์ก็ทำการบ้านวิชาภาษาไทยต่อ โดยให้โยงเส้นจับคู่ภาพ นิ้วเล็กๆ ป้อมๆ ของเด็กๆ รีบชี้ไปยังรูปภาพ
“อันนี้กาค่ะ ถูกไหมคะอาหมอ” มาหยาจิ้มนิ้วเล็กๆ จับคู่ภาพในสมุดการบ้าน
“ถูกครับ เก่งมากเลยครับ” แก้มใสๆ ของเด็กน้อยโดนหอมอีกฟอดใหญ่
“อันนี้ม้าครับ” เขตต์เบียดเข้าไปหาผู้เป็นอาอยากให้ผู้เป็นอาหมอแก้มบ้าง
“ใช่ครับ” เขื่อนใจดีแจกการหอมแก้มให้เด็กน้อยทั้งสามไม่อั้น
“อันนี้ตาค่ะ”
“ใช่ครับ ตออาตา” เขื่อนให้เด็กๆ หัดสะกดคำด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นพยัญชนะและสระง่ายๆ
“เหลือการบ้านวิชาศิลปะเป็นวิชาสุดท้ายใช่ไหมครับ” เขื่อนเอ่ยถามหลังจากทำการบ้านวิชาภาษาไทยเสร็จแล้ว
“ใช่ค่ะอาหมอ คุณครูให้วาดภาพระบายสีค่ะ”
“ใช้สีอะไรครับ” เขื่อนเอ่ยถาม
“สีไม้ค่ะ”
“งั้นจัดเลยครับ หยาจะวาดภาพอะไร” เขื่อนเอ่ยถามเด็กน้อย
“ภาพบ้านค่ะ แล้วก็มีภูเขา มีต้นไม้ มีไก่ตัวเล็กๆ ด้วยค่ะ” มาหยาอยากวาดภาพธรรมชาติ จัดการวาดรูปภูเขาที่มีน้ำตกไหลลงมา มีที่นาเป็นสี่เหลี่ยมผืนเล็กๆ มีต้นไม้ มีไก่ และต้นมะพร้าวที่มีลิงปีนขึ้นไปเก็บลูกมะพร้าวอย่างสนุกสนาน
“รินวาดรูปอะไรครับ” เขื่อนเอ่ยถามดารินบ้าง
“รูปพ่อแม่ลูกค่ะ มีเพื่อนใหม่ด้วย หยากับเขตต์” สำหรับดารินแล้วการมีเพื่อนใหม่ มีครอบครัวที่อบอุ่นเป็นความปรารถนาสูงสุดของเธอ เธอวาดรูปพ่อแม่จับมือกัน เธออยู่ตรงกลาง มีเขื่อน มาหยาและเขตต์อยู่ในภาพด้วย
“นี่อาหมอค่ะ นี่หยาแล้วก็เขตต์” ดารินชี้ให้เขื่อนดู เขื่อนโยกศีรษะเล็กๆ ของดารินอย่างเอ็นดู เด็กน้อยมีแววเศร้าในดวงตาอย่างเห็นได้ชัด
มาหยาใส่ใจเพื่อนในทุกๆ เรื่อง แม้จะเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ แต่กลับมีน้ำใจต่อเพื่อนเสมอ เขานึกนิยมชมชอบพงศ์อินทร์กับรติรสที่เลี้ยงลูกได้น่ารักเช่นนี้ สอนให้ลูกมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น สอนให้กล้าแสดงออกและมีความเป็นผู้นำ
“นายเขตต์วาดรูปอะไร” มาหยาชะโงกหน้าไปดูก่อนจะร้องว้าว