ไอ้เด็กเปรตคนนั้น
บ้านอัครธนวาณิช
หญิงสาวร่างเล็กยืนจ้องมองป้ายชื่อหน้าบ้านหลังใหญ่อันมีตัวหนังสือสีทองสวยงามติดอยู่บนกำแพงบ้าน ใบหน้าของเธอเคร่งเครียด
ฐิติมา หรือ ไอติม คือชื่อของหญิงสาววัยยี่สิบสามที่พึ่งจบการศึกษาทางด้านครุศาสตร์ สาขาวิชาเอกภาษาอังกฤษมาหมาด ๆ
บ้านหลังนี้ ไม่สิ ถ้าจะเรียกให้ถูกก็คงต้องใช้คำว่าคฤหาสน์ เนื่องด้วยมันใหญ่โตเหลือเกิน มีห้องรวมทั้งหมดยี่สิบห้องภายในบ้าน มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส มีเรือนเล็ก ๆ ของคนรับใช้รายรอบและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นั่นเพราะเจ้าของบ้านคือ คุณธีระและคุณปัทมา เป็นถึงเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังของประเทศ แล้วเรือนชานที่อาศัยจะให้น้อยหน้าใครได้อย่างไร
และเธอเองก็เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้าน แต่ไม่ใช่ในฐานะเจ้าของหรือทายาท แต่เป็น ‘ คนรับใช้ ’
แม่อร มารดาของเธอ รับใช้บ้านอัครธนวาณิชมาตั้งแต่สาวรุ่น มาพบรักกับพ่อที่เป็นคนขับรถของบ้าน จนกระทั่งพ่อเสียด้วยโรคมะเร็งตับ ท่านทั้งคู่ก็ดูแลเป็นอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่องราวกับเป็นญาติพี่น้อง แต่ก็อย่างว่าชีวิตคนนั้นยากที่จะยื้อ มีเกิดก็ต้องมีดับ สุดท้ายพ่อก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับโรคร้าย
จากนั้นมา แม่ยิ่งปลูกฝังไอติมให้จงรักภักดีกับครอบครัวของท่านมากขึ้น มันจะไม่เกิดปัญหาหากท่านทั้งสองจะไม่มีลูกชายคนเดียวหัวแก้วหัวแหวนที่อายุห่างจากไอติมห้าปี และเอาแต่ใจเป็นบ้า
บางทีคำว่า ‘ เอาแต่ใจ ’ ก็ยังอธิบายพฤติกรรมของเด็กคนนั้นได้ไม่ครอบคลุมนัก เพราะเขาทั้งร้ายกาจเกรี้ยวกราด จ้องแต่จะแกล้งไอติม เพราะแม้จะเกิดทีหลังแต่พอเริ่มพ้นวัยเด็กเขาก็โตพรวด ๆ ทั้งสูงใหญ่กว่าไอติมเป็นไหน ๆ
ธีมะ หรือ ไทม์ คือชื่อของ ‘ ไอ้เด็กเปรต ’ คนนั้น
ไอติมแอบเรียกลับหลังแม่ ก็ลองเรียกให้แม่ได้ยินสิ ได้ถูกบ่นจนหูชา
“ คุณไทม์ยังเด็กนะติม อะไรยอมได้ก็ยอมไปเถอะ อย่าไปขัดใจให้วุ่นวายนักเลยน่า คุณท่านทั้งคู่มีพระคุณกับครอบครัวเราแค่ไหน ลูกก็รู้นี่ ”
นี่คือแพทเทิร์นคำพูดของแม่ที่บอกไอติมเสมอเมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเวลาที่เล่นกัน หรือจะพูดให้ถูกก็คือ นายเด็กร้ายกาจนั่นมันจ้องจะแกล้งเธอนั่นแหละ
ไอติมเก็บความคับแค้นไว้ในใจ เธอเกลียดเด็กนั่นเสมอ เพราะแม้เธอจะทำดีกับเขาเช่นไร ทั้งทำอาหารให้ยอมเล่นด้วย สอนการบ้าน ทำรายงานให้ อะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่เขาก็ยังไม่วายเลิกร้ายกับเธอเสียที และแปลกเหลือเกินที่ดูเหมือนเขาจะจ้องแกล้ง ไม่ก็จงเกลียดจงชังไอติมเพียงคนเดียว ทั้งที่ในบ้านก็มีเด็กสาวอีกคนรุ่นราวคราวเดียวกับไทม์ที่เป็นลูกแม่ครัวก็ไม่ยักเห็นว่าเขาจะไปราวีอะไร
ไอติมจึงตั้งปณิธานเอาไว้ว่าเธอจะตั้งใจเรียน ถ้าเรียนจบก็จะไปหางานทำดี ๆ และพาแม่ออกไปจากที่นี่เสียที
และความฝันของเธอก็เป็นจริง ไอติมจบการศึกษาปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเธอก็ได้รับการติดต่อชักชวนจากรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยที่เปิดกิจการโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษให้ไปเป็นครูพิเศษ เธอตกลงไป และมันก็ทำรายได้ดีเสียด้วย
ไอติมไม่ได้รับสอนแค่ในคลาส แต่เธอยังรับจ็อบพิเศษสอนออนไลน์ตอนกลางคืน ไปสอนตามบ้านเด็กนักเรียนในตอนเย็น นั่นทำให้ไอติมต้องออกจากบ้านนี้ไปเช่าหออยู่ใกล้ ๆ สถาบันเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
หกเดือนแล้วที่เธอออกไปจากบ้านนี้ และได้กลับมาเยี่ยมแม่เดือนละครั้งเพราะเธอเสียดายที่จะแคนเซิลงาน เพราะนั่นหมายถึงเงินที่หายไปด้วยแต่โทรศัพท์หากันทุกวัน ความขยันของไอติมทำให้เธอเก็บเงินได้มากถึงหกหลักในระยะเวลาแค่หกเดือน นั่นทำให้เธอสามารถไปจองบ้านเดี่ยวหลังเล็ก ๆ ไว้ เพื่อจะพาแม่ออกไปอยู่ด้วยกัน
ไอติมมีความสุข เธอกำลังจะสานฝันทุกอย่างให้เป็นจริง ทุกอย่างในชีวิตดำเนินไปได้ด้วยดี ยกเว้นสิ่งเดียว ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือคนคนเดียวที่กำลังมีปัญหาใหญ่หลวง และแม่ของเธอขอร้องให้กลับมาที่นี่อย่าง ร้อนใจเหลือเกิน
“ ไอติม ลูกต้องกลับมาด่วนเลยนะ คุณไทม์น่ะ เรียนอีท่าไหนก็ไม่รู้ ติดศูนย์หมดทุกวิชาเลย ”
ไอ้เด็กเปรตคนนั้นแหละ !