ข้าคืออนุท้ายครัวของท่านอ๋องจอมโหด บทที่ 1 ท่านอ๋องผู้โหดเหี้ยม
บทที่ 1 ท่านอ๋องผู้โหดเหี้ยม
เสียงสายฝนโหมกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ไป๋มู่หลัน สาวน้อยวัยเพียงสิบเจ็ดปีสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีหวาดผวา นางหันซ้ายแลขวามองฝ่าความมืดในห้องนอนก่อนจะรีบซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา เพื่อช่วยให้คลายความหนาวเย็นลงไปได้บ้าง
ไป๋มู่ชิงเป็นนักเรียน ม. ปลายของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่ง แต่ทว่าเธอกลับโชคร้ายถูกรถชนตาย วิญญาณจึงมาเกิดใหม่ในร่างไป๋มู่หลันสาวน้อยชนบทผู้มีจิตใจงดงามเมื่อสองปีก่อน
ที่นี่คือแคว้นฉีตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวงเสียนหยาง ยามนี้ไฟสงครามกำลังปะทุ ด้วยเพราะฉีอ๋องคิดก่อการกบฏหวังขึ้นเป็นฮ่องเต้ บ้านเมืองจึงลุกเป็นไฟไร้ซึ่งความสงบ เหล่าชาวบ้านต่างใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดผวา หวั่นเกรงการถูกเข่นฆ่าด้วยน้ำมือของทหารเสียนหยาง
ครอบครัวของไป๋มู่หลันเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ที่กลางตลาด ไป๋มู่หลันชื่นชอบการทำอาหารเป็นอย่างมาก ฝีมือของนางยอดเยี่ยมจนผู้คนต่างแวะเวียนมาลองลิ้มชิมรสไม่ขาดสาย เพราะนางมาจากโลกอนาคตจึงนำอาหารจากปัจจุบันและอดีตมาดัดแปลงรวมกันได้อย่างน่าทึ่ง
ไป๋มู่หลันอาศัยอยู่กับบิดาเพียงสองคนมารดาของนางเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้วด้วยโรคประจำตัว ครอบครัวของนางมีฐานะยากจน เวลาสองปีไป๋มู่หลันต้องปรับตัวให้กลมกลืนกับคนที่นี่ มันช่างยากเย็นเหลือเกินแต่สุดท้ายนางก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี
"แม่นางไป๋วันนี้ข้าอยากมาลองชิมฝีมือของเจ้า"
ไป๋มู่หลันหันไปมองเหล่าลูกค้าที่เรียงรายกันเข้ามา นางออกไปต้อนรับพวกเขาด้วยท่าทีเป็นมิตร
"วันนี้มีบะหมี่ผักเจ้าค่ะ"
ไป๋มู่หลันเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้านางคิดสูตรนี้ขึ้นมาได้เมื่อหลายวันก่อน นางนำบะหมี่ไปลวกกับน้ำซุปพะโล้ชั้นดีที่เคี่ยวจนเข้มข้น ส่วนผักก็ต้มในน้ำซุปเนื้อ จากนั้นนำเนื้อไปผัดกับไฟจนหอมกรุ่น นางจัดวางบะหมี่และเนื้อผัดลงในชามอย่างพิถีพิถัน และราดด้วยน้ำซุปที่เคี่ยวด้วยกระดูกไก่อย่างดีราดลงไป กลิ่นหอมยั่วยวนทำให้เหล่าลูกค้าที่มายืนรออดน้ำลายสอไม่ได้
ฮี่!!!
แต่ทว่ายังไม่ทันที่ไป๋มู่หลันจะได้ขายอาหารที่นางตั้งใจทำเอาไว้เป็นอย่างดี เสียงควบม้าก็ดังสนั่นหวั่นไหวตามมาด้วยเสียงคำรามที่ดุดันชวนขนหัวลุก
"ไสหัวไปให้หมด!!! ชินอ๋องจ้าวฝูหมิงมาถึงแล้ว!!!"
ผู้คนต่างอกสั่นขวัญหายเมื่อได้ยินชื่อนี้ ได้ยินว่าสามวันก่อนกลางดึกคืนที่สายฝนกระหน่ำชินอ๋องผู้นี้บุกเข้าไปสังหารฉีอ๋องอย่างเหี้ยมโหดและยังตัดศีรษะของเขาส่งกลับไปยังเมืองเสียนหยางเพื่อถวายแด่องค์ฮ่องเต้เท่ากับว่ายามนี้แคว้นฉีตกอยู่ในมือของชินอ๋องผู้นี้เสียแล้ว
ไอหยา!!! ครานี้ราษฎรแคว้นฉีคงอยู่ไม่เป็นสุขเสียแล้ว
ไป๋มู่หลันเคยได้ยินชื่อเสียงของชินอ๋องผู้นี้อยู่บ้างแต่นางมิค่อยใส่ใจเท่าใดนัก ได้ยินมาว่ากองทัพของชินอ๋องมักชื่นชอบดื่มสุราและเคล้านารี สตรีใดงามต้องใจเขาก็จะต้องบังคับพานางกลับไปยังกองทัพด้วยทุกครั้ง
เมื่อสองปีก่อนนางยังมีอายุเพียงสิบห้าปีบิดากลัวนางจะล้มป่วยเพราะทำงานหนักจึงมิให้ออกจากเรือนแต่ยามนี้นางแข็งแรงดีแล้วจึงได้ออกมาช่วยท่านพ่อขายอาหารที่ร้านได้
ไป๋มู่หลันคร้านจะใส่ใจนางเพียงหลบลี้หนีหายเข้าไปในร้านเพื่อดูน้ำซุปที่เคี่ยวเอาไว้ในครัวที่ด้านหลังร้านแทน
จ้าวฝูหมิงควบม้ามาถึงกลางตลาดด้วยความเร็ว ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างต้องรีบหลีกทางให้แก่เขา กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าร้านของไป๋มู่หลัน ดวงตาเย็นชาจ้องมองไปรอบ ๆ บริเวณ เขาเห็นเหล่าชาวบ้านต่างก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาบางคนถึงกับตัวสั่นเข่าทรุดก็มี
บัดซบ!!! ความหล่อของข้าถึงกับทำให้ชาวบ้านแคว้นฉีหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
จ้าวฝูหมิงกระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปภายในร้านหากทางเดินมีผู้คนยืนขวางเขาก็จะยกเท้าถีบมันให้กระเด็นไปให้พ้นทางเดินของเขาเสีย
ไป๋เฟยบิดาของไป๋มู่หลันรู้สึกหวาดกลัวจ้าวฝูหมิงไม่น้อย ใคร ๆ ต่างก็รู้จักท่านอ๋องผู้โหดเหี้ยมเป็นอย่างดีเขามาที่นี่เพื่อกวาดล้างกบฏ
จ้าวฝูหมิงปรายตามองไป๋เฟยด้วยแววตาที่เฉยชาเห็นเขาเป็นผีหรืออย่างไรกัน ถึงแม้เขาจะได้รับบัญชาจากฝ่าบาทให้มาปราบปรามเหล่ากบฏแต่เขาก็แยกแยะถูกผิดได้เหล่าชาวบ้านที่มิรู้เรื่องใดใดเขาก็ไม่ได้คิดจะสังหารทิ้งแม้แต่น้อย
"ร้านเจ้ามีสิ่งใดที่รสชาติดีที่สุดนำออกมาให้ข้ากินเสีย"
"เอ่อ ทูลท่านอ๋อง ร้านของข้าน้อยต่ำต้อยยิ่งนักเกรงว่า..."
"จะเอาออกมาดีดีหรือจะให้ข้าตัดหัวเจ้าทิ้งเสีย!!!"
ไป๋เฟยไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปที่ด้านหลังร้านก่อนจะสั่งให้ไป๋มู่หลันเตรียมชามใบใหญ่เท่าหม้อมาหนึ่งใบ แล้วจึงจัดการนำเส้นและเนื้อใส่ขยำรวม ๆ กันมาอย่างลวก ๆ และเทน้ำซุปลงไปไป๋มู่หลันที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น
"ท่านพ่อ ลูกค้ามาหลายคนหรือเจ้าคะท่านถึงใส่ชามใบใหญ่ถึงเพียงนี้"
ไป๋เฟยไม่เอ่ยสิ่งใดเขารีบยกชามใบนั้นออกมามอบให้จ้าวฝูหมิงทันที
จ้าวฝูหมิงจ้องมองชามใบใหญ่นั้นด้วยสายตาอำมหิตก่อนจะปรายตามองไป๋เฟยอย่างเอาเรื่อง
บัดซบ!!! มันเหมือนชามใส่ข้าวหมายิ่งนักตาแก่นี่คงเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!!!
ไป๋เฟยที่เห็นจ้าวฝูหมิงมองเขาด้วยสายตาอำมหิตก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ จ้าวฝูหมิงลุกขึ้นยืนก่อนจะชักดาบยาวออกมาวางพาดลงไปบนลำคอของไป๋เฟย
"ทะ ท่านอ๋อง!!!"
"เจ้ากล้าดูหมิ่นข้าหรือ!!! ใครจะไปกินหมดชามเท่าฝาหม้อเช่นนี้!!!"
"ขออภัยท่านอ๋อง ฮือออ ข้าน้อยมิบังอาจ!!!"
"หึ!!! เห็นแก่ที่เจ้าสำนึกผิด ข้าจะไว้ชีวิต"
"ขอบพระทัยท่านอ๋อง"
"ข้าจะไปเติมเนื้อเพิ่ม หม้อของเจ้าอยู่ที่ใด?"
"ในครัวขอรับ"
จ้าวฝูหมิงเดินถือชามใบใหญ่เข้าไปด้านหลังครัวอย่างถือวิสาสะ วินาทีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ไป๋มู่หลันกำลังจะเดินออกไปที่หน้าร้านพอดี
จ้าวฝูหมิงจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ดวงตากลมโตของนาง เอวบางระหง เรือนร่างอรชร ใบหน้าขาวนวลเนียน นางสวมชุดสีเขียวอ่อนตามแบบฉบับของสตรีชนบททั่วไป เส้นผมยาวสลวยถูกรวบตึงขึ้นและปักปิ่นธรรมดาเอาไว้อย่างลวก ๆ สองแก้มแดงระเรื่อเพราะผ่านความร้อนจากหน้าเตาไฟช่างดูงดงามไม่น้อย
จ้าวฝูหมิงเลื่อนสายตาลงไปมองเนินอกขนาดใหญ่ของนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก แม้นางจะสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด แต่ทว่าเขากลับละสายตาไปจากหน้าอกของนางไม่ได้เลย
นี่คือสตรีที่เขาชื่นชอบ ลักษณะเช่นนี้ที่เขาอยากได้มาครอบครอง
ไป๋มู่หลันจ้องมองจ้าวฝูหมิงด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยสิ่งใด จ้าวฝูหมิงก็โยนชามบะหมี่ผักทิ้งลงไปบนพื้นจนหกเลอะเทอะ แล้วจึงสาวเท้าเข้ามาหานาง เขายื่นมือหนาใหญ่มาจับร่างของนางขึ้นไปพาดเอาไว้บนบ่า ก่อนจะพาเดินออกไปด้านนอก ไป๋มู่หลันกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว ไป๋เฟยที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปขวางทางเขาเอาไว้
"ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตบุตรสาวของข้าน้อยด้วยเถิดขอรับ!!!"
"นางเป็นบุตรสาวของเจ้าหรือ?'
"ขอรับ"
"ข้าจะรับนางเป็นอนุ แต่ยามนี้ข้าขอพานางไปขึ้นสวรรค์เสียก่อน แล้วจะส่งนางกลับไปที่เรือนเจ้า"
ไป๋เฟยทำได้เพียงยืนอ้าปากค้าง มองดูจ้าวฝูหมิงแบกไป๋มู่หลันไปต่อหน้าต่อตา
สาวน้อยวัยเพียงสิบเจ็ดปี ถูกพากลับมาที่กระโจมของจ้าวฝูหมิงอย่างรวดเร็ว จ้าวฝูหมิงโยนนางลงไปบนเตียงอย่างไร้ความปรานี ไป๋มู่หลันรู้สึกปวดสะโพกเป็นอย่างมาก คนเลว!!! เขาโยนนางลงมาเช่นนี้ได้อย่างไรกันป่าเถื่อนที่สุดเลย!!!
เมื่อเห็นนางทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
บัดซบ!!! ยังไม่ได้เสียบนางก็เจ็บแล้วหรือ?
จ้าวฝูหมิงจัดการถอดเสื้อผ้าของตนโยนทิ้งลงไปกับพื้นแล้วจึงก้าวเข้ามาหาไป๋มู่หลันอย่างไม่รอช้า ไป๋มู่หลันที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว!!!
อ๊าส์!!! แท่งนั่นมัน
ไป๋มู่หลันมิเคยเห็นของบุรุษมาก่อน นางจึงเป็นลมล้มพับไปกับเตียงทันที จ้าวฝูหมิงที่เห็นเช่นนั้นก็ชะงักค้างอยู่กับที่
บัดซบ!!! ข้าแข็งเต็มที่แล้วแต่เจ้ากลับสลบไปเช่นนี้หรือ!!!
"นี่เจ้า!!!"
ไร้เสียงตอบรับจากไป๋มู่หลัน นางยังคงนอนสลบเป็นลมไม่ได้สติ จ้าวฝูหมิงยื่นมือไปเขย่าที่ไหล่นางหลายต่อหลายคราจนเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว
บังอาจนัก!!! สตรีทั่วแคว้นต่างหมายปองจะตกเป็นของเขาแต่นางกลับเล่นตัวเช่นนี้!!!
จ้าวฝูหมิงก้มหน้าลงไปจ้องมองลำแท่งเอ็นร้อนของตนเองก่อนจะโยกเอวส่ายมันให้ขยับโตงเตงไปทางซ้ายทีทางขวาที พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากด้วยความภาคภูมิใจ
ใหญ่ขนาดนี้มีสิ่งใดให้เจ้าต้องกลัวกันเล่าแม่สาวน้อย!!!"
เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหานางพลางสำรวจจ้องมองนางอย่างไม่ลดละ เมื่อตอนอายุสิบแปดปีเขาเคยหลับนอนกับนางบำเรอที่เสด็จแม่ทรงมอบให้ เขาใช้ชีวิตสำราญมาจนอายุยี่สิบห้าปี เหล่านางบำเรอในจวนของเขามีมากมาย แต่เขาไม่เคยผูกพันรักใคร่และอยากแต่งสตรีใดเลย เขาเพียงหลับนอนกับพวกนางเพียงครั้งเดียวก็มิคิดแตะต้องพวกนางอีก
เหล่าสตรีน่ารำคาญ เขาเพียงต้องการระบายอารมณ์เพียงเท่านั้น!!! เขาก็เป็นคนเช่นนี้ มิชอบให้คนมาก้าวก่ายชีวิตเขา แล้วใครจะทำไม!!!
ว่าแล้วก็จ้องมองไป๋มู่หลันต่อ แม้จะอยากจับนางกินเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็มิใช่บุรุษใจทรามคิดข่มเหงสตรีที่มิยินยอมเช่นนี้!!!
น่าเบื่อ!!!
เขาเดินออกมาจากกระโจมก่อนจะกระโดดถีบทหารองครักษ์ผู้นั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น
"ท่านอ๋อง ถีบบ่าวด้วยเหตุใดขอรับ!!!"
"อยากถีบ!!! เจ้ามีปัญหาหรือ?"
ทหารองครักษ์ผู้โชคร้ายทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม ทว่าจ้าวฝูหมิงกลับร้อนรุ่มจนเกินจะทน เขาจึงเดินตรงไปที่แม่น้ำด้านหลังกองทัพ แล้วกระโดดลงไปทันทีเพื่อคลายความร้อนรุ่ม!!!
บัดซบ!!! ข้าต้องใช้มืออีกแล้ว