บทที่ 4 ตกน้ำ
บทที่ 4 ตกน้ำ
สวีเหลียนฮวาคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว นางจึงเงียบเสีย อวิ๋นซีเฉินที่เห็นว่านางสงบปากสงบคำแต่โดยดีก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ดวงตาคมจ้องมองนางอย่างล้ำลึก ยามนี้ที่เขาได้เพ่งมองนางให้ชัดเจนกว่าคราแรก เขากลับพบว่านางมีใบหน้าเหมือนกับสวีหลานฮวาจนแทบแยกไม่ออก เขาเคยแอบเข้าไปในจวนตระกูลสวี จึงสามารถจดจำลักษณะท่าทางของสวีหลานฮวาได้อย่างแม่นยำ แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่พวกนางแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั่นก็คือ
สวีเหลียนฮวามีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตราวกับภูเขามากกว่าสวีหลานฮวาเสียอีก
อวิ๋นซีเฉินลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่!!! บัดซบยิ่งนัก นางกำลังใช้นมยั่วยวนข้า
ห้ามหลงกลนางเป็นอันขาด!!!
"พิธีเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าไสหัวกลับตำหนักไปเสีย!!!"
"รอฟังคำนี้มานานแล้วเพคะ หม่อมฉันขอทูลลา"
สวีเหลียนฮวารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ใครจะอยากอยู่ใกล้คนแบบนี้กัน น่าอึดอัดจะตายไป
"ฮองเฮาเพคะ จะทรงเสด็จกลับตำหนักเลยหรือไม่เพคะ"
หลิงเจียวเอ่ยถามสวีเหลียนฮวาพร้อมกับยื่นมือมาช่วยประคองนางให้เดินออกมาจากแท่นทำพิธีบูชาเทพสวรรค์ สวีเหลียนฮวาหันไปส่งยิ้มให้หลิงเจียวคราหนึ่ง หลิงเจียวที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง!
แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูของนางแทบจะมิเคยยิ้มเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ!!!
"หลิงเจียว ข้าอยากเดินเที่ยวชมรอบวังหลวงเสียหน่อย"
"จะดีหรือเพคะ อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว ยามนี้หลิวหมัวมัวคงเตรียมน้ำเอาไว้ให้ทรงสรงแล้วนะเพคะ"
สวีเหลียนฮวาขมวดคิ้วมุ่น หลิวหมัวมัวหรือ? อ้อ แม่นมชราที่ทางวังหลวงส่งตัวมาคอยรับใช้นางตั้งแต่เข้ามาอยู่ในวังหลวงแห่งนี้
"ช่างเถิด! ข้าอยากจะเดินเล่นเสียก่อน อยากจะทำความคุ้นชินกับวังหลวงเสียหน่อย"
สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วจึงมุ่งหน้าเดินชมบรรยากาศโดยรอบในวังหลวงอย่างไม่รีบไม่ร้อน นางรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ภายในวังหลวงจะมีสระน้ำรายล้อมเสียส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีดอกเหลียนฮวาชูช่อลอยเหนือผิวน้ำอย่างงดงาม นางเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย ต้นไม้น้อยใหญ่ต่างขึ้นเรียงรายให้ความร่มรื่นสบายตา ยามนี้ดอกจวี๋ฮวา (เก๊กฮวย) กำลังออกดอกชูช่อ ส่งกลิ่นหอมหวนชวนให้คนหลงใหล สวีเหลียนฮวารู้สึกชื่นชอบบรรยากาศเช่นนี้เป็นอย่างมาก
"โอ๊ะ!!! ฤดูร้อนเช่นนี้ ดินก็ช่างแข็งเสียจริง!!!"
สวีเหลียนฮวาได้ยินเสียงคล้ายกับคนกำลังทำบางอย่างอยู่ไม่ไกลนัก นางจึงละสายตาจากต้นจวี๋ฮวาและมองตรงไปที่ด้านหน้า ก็พบว่าจวนจะถึงท้ายวังหลวงเสียแล้ว
สวีเหลียนฮวาขมวดคิ้วมุ่น มองดูชายตรงหน้าที่กำลังถือจอบขุดดินอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ใบหน้าชราเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ดูน่าเห็นใจไม่น้อย
สวีเหลียนฮวารู้สึกสงสารชายชราผู้นั้นอย่างจับใจ ทำให้นางคิดถึงคุณปู่ขึ้นมาได้ คุณปู่ของนางก็ชอบทำสวนขุดดินเช่นนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นสวีเหลียนฮวาจึงเดินตรงเข้าไปหาชายชราผู้นั้นทันที
"ท่านลุง ทำอะไรอยู่หรือ?"
อวิ๋นหลัวละสายตาจากแปลงดินตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง
สวีเหลียนฮวานี่นา? เขาจำนางได้ เมื่อคืนนางถูกอวิ๋นซีเฉินเล่นงานจนเกือบตาย เช้านี้นางลุกขึ้นมาเดินเหินได้แล้วหรือ?
"เอ่อ ข้ากำลังขุดแปลงปลูกผักน่ะ"
"ให้ข้าช่วยนะเจ้าคะ ข้าน่ะขุดดินเก่งเชียวละ"
"จะดีหรือ?"
"ดีเจ้าค่ะ"
สวีเหลียนฮวายื่นมือไปดึงจอบจากอวิ๋นหลัวมาถือไว้ในมือของตนเองอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเริ่มขุดดินอย่างคล่องแคล่ว เสื้อผ้าของนางค่อนข้างจะเกะกะน่ารำคาญไม่น้อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการขุดดินของนางเท่าใดนัก
อวิ๋นหลัวจ้องมองสวีเหลียนฮวาด้วยแววตาที่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาเคยได้ยินมาว่าบุตรสาวฝาแฝดคนโตของแม่ทัพใหญ่สวีนั้นค่อนข้างอ่อนแอและเจ็บป่วยบ่อย อีกทั้งยังมิค่อยกล้าออกมาพบเจอผู้คนเท่าใดนัก
เห็นทีคงมิใช่เสียแล้วสาวน้อยตรงหน้าเขาดูแข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว!!!
สวีเหลียนฮวาขุดดินไปพลางเอ่ยถามอวิ๋นหลัวไปพลางว่าเขาต้องการแปลงดินลึกเท่าใดนางจะได้ขุดตามที่เขาต้องการได้ นางจำได้ว่ายามว่างหลังจากเลิกเรียนนางจะไปช่วยคุณปู่ขุดดินทำสวนเช่นนี้เป็นประจำ
เหล่านางกำนัลต่างก้มหน้างุดมิกล้าเอ่ยทัดทานสิ่งใด ในใจรู้สึกหวาดกลัวเสียแล้ว ฮองเฮามิทรงทราบหรือ ว่านั่นคือไท่ซังหวง (ฮ่องเต้ที่สละราชบัลลังก์โดยที่ยังมิสิ้นพระชนม์)
สวีเหลียนฮวาขุดดินจนเสร็จเรียบร้อย นางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากของตนเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"ฤดูร้อนเช่นนี้ ทำให้หน้าดินแข็งเจ้าค่ะ แต่ข้าขุดให้แล้ว ท่านลุงก็ใช้เสียมพรวนดินเพิ่มเสียหน่อย ก็ใช้ได้แล้วเจ้าค่ะ"
"ขอบใจเจ้ามากนะ"
"เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านลุงเป็นขันทีหรือเจ้าคะ?"
อวิ๋นหลัวเงยหน้าไปมองสวีเหลียนฮวาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
ให้ตายเถิด!!! หน้าตาข้าเหมือนขันทีเช่นนั้นหรือ?
บัดซบ!!! ข้ายังไม่ได้ตัดส่วนนั้นทิ้งเสียหน่อย
"ข้าสั่งให้เจ้าไสหัวกลับตำหนัก แล้วเจ้าเสนอหน้ามาทำอันใดที่ตำหนักท้ายวังหลวงของเสด็จพ่อข้า!!!"
ยังไม่ทันที่อวิ๋นหลัวจะเอ่ยสิ่งใด เสียงทรงอำนาจของอวิ๋นซีเฉินก็ดังกึกก้องขึ้นมาเสียก่อน สวีเหลียนฮวาลอบจิ๊ปากด้วยความเบื่อหน่าย
ตามสิงทุกที่จริง ๆ!!!
"ถวายพระพรฝ่าบาท!"
"อย่าส่งสายตายั่วยวนข้า"
"หม่อมฉันมิได้ส่งสายตายั่วยวนเลยนะเพคะ"
"เจ้าส่ง!!! ข้าเห็น!!! ช่างเถิด ข้าจะถือซะว่าทำทานความหล่อให้สตรีต่ำช้าเช่นเจ้าได้มองเป็นบุญตาก็แล้วกัน"
สวีเหลียนฮวาอยากจะโก่งคออาเจียนเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เขาช่างหลงตนเองเสียจริง!!!
"อาเฉิน! นางมาช่วยพ่อขุดดินน่ะ"
"ขุดดิน? นางร่างกายห่อเหี่ยวราวกับผีเดินได้ขนาดนี้น่ะหรือจะช่วยเสด็จพ่อได้?"
"ช่วยได้สิ!!! เจ้าก็ว่านางเกินไป!!!"
สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อครู่เขาเรียกท่านลุงว่าอะไรนะ?
เสด็จพ่อ!
ซวยแล้ว!!!
สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นจึงส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้อวิ๋นหลัว แล้วจึงเดินเข้ามาทำความเคารพอวิ๋นหลัวด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ใครจะไปรู้กันเล่า ก็คิดว่าเป็นขันทีทำสวนเสียอีก!!!
"ถวายพระพรเสด็จพ่อเพคะ"
"เอาเถอะ!!! ไม่ต้องมากพิธี ขอบใจเจ้ามากนะ เจ้าคงเหนื่อยแล้ว กลับตำหนักไปเถิด"
"เพคะ หม่อมฉันรู้สึกร้อนยิ่งนักเพคะ ป่านนี้หลิวหมัวมัวคงเตรียมน้ำเอาไว้รอแล้ว หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ"
สวีเหลียนฮวารีบหันหลังเตรียมเดินจากไป แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินกลับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างอำมหิต
ไม่ต้องไปที่ตำหนักให้ยุ่งยากหรอก ข้าจะถีบเจ้าลงไปล้างตัวในสระน้ำเอง!!!
"เหลียนฮวา"
"เพคะ โอ๊ะ!!!"
ตู้ม!!!
"ฝ่าบาท!!!"
"อาเฉิน!!!"
อวิ๋นซีเฉินคิดจะถีบนางให้ร่วงตกสระน้ำ แต่ระหว่างที่เขากำลังพุ่งเข้ามาหานางเขาเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องตรวจฎีกาตลอดทั้งคืน อีกทั้งสวีเหลียนฮวาก็เบี่ยงกายหลบเขาได้ทันเสียก่อน ทำให้เขาเสียหลักร่วงตกลงไปในสระน้ำเสียเอง
สวีเหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบกระโดดน้ำลงไปช่วยเขาทันที แม้นางจะไม่ชอบเขาสักเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยนางก็มิอาจทนเห็นเขาจมน้ำตายไปต่อหน้าได้ แต่ไหนแต่ไรนางก็เป็นคนเช่นนี้
"ช่วยข้ารับฝ่าบาทขึ้นไปที!!!"
สวีเหลียนฮวาเอ่ยเรียกขันทีให้มาช่วยรับอวิ๋นซีเฉินขึ้นไปบนฝั่ง เพราะเขาหมดสติทำให้จมน้ำและสำลักน้ำเข้าไปมาก
"ตามหมอหลวงเร็วเข้า!!!"
"พ่ะย่ะค่ะไท่ซังหวง!!!'
สวีเหลียนฮวารีบตรงเข้าไปหาเขาทันที ยามนี้เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มทำให้เดินเหินลำบากไม่น้อย
"ฝ่าบาทเพคะ!"
ไม่มีเสียงตอบรับจากอวิ๋นซีเฉิน สวีเหลียนฮวาจึงยื่นมือไปวางประสานกันที่ตรงหน้าอกของเขา ก่อนจะออกแรงกดหน้าอกของเขาขึ้นลงอย่างรวดเร็ว แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าไปหาเขาทันที ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง
เอาเถิด!!! ถือว่าช่วยชีวิตคนก็แล้วกัน!
สวีเหลียนฮวาโน้มใบหน้าลงไปหาเขาและเป่าลมเข้าไปในปากของอวิ๋นซีเฉินสองครา ไม่นานนักหน้าอกของเขาก็กระเพื่อมขึ้นลงเหมือนกับหายใจสะดวกมากยิ่งขึ้นและสำลักน้ำออกมาเป็นจำนวนมาก
เหล่านางกำนัลขันทีต่างก้มหน้างุด อวิ๋นหลัวที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ
ลูกสะใภ้ของข้าผู้นี้ดีเยี่ยมจริงเชียว!!!
สวีเหลียนฮวาโน้มใบหน้าลงไปผายปอดให้เขาอีกครา เป็นจังหวะเดียวกับที่อวิ๋นซีเฉินลืมตาขึ้นมาพอดี ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่อวิ๋นซีเฉินจะรู้สึกตัว เขาถลึงตามองนาง ก่อนจะผลักนางออกอย่างแรง จนนางกระเด็นล้มลงกระแทกกับพื้นดิน สวีเหลียนฮวารู้สึกปวดบั้นท้ายยิ่งนัก ให้ตายเถอะ!!! นางช่วยเขาแท้ ๆ แต่เขากลับผลักนางออกมาอย่างแรงเช่นนี้
"เจ้ากล้าแตะต้องข้าหรือ!!!"
"อาเฉินนางช่วยชีวิตเจ้า!!!"
"ช่วยชีวิตลูก!!!"
"ใช่แล้ว นางประกบปากของนางลงบนปากของเจ้า"
อวิ๋นซีเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เขาหันไปมองสวีเหลียนฮวาตาขวาง ก่อนจะตรงเข้าไปกระชากแขนของนางให้เดินตามเขากลับไปที่ตำหนัก อวิ๋นซีเฉินมือหนักไม่เบา เขาออกแรงดึงนางอย่างไร้ความปรานี จนมาถึงตำหนักเฟิ่งหวงเขาก็ไล่นางกำนัลออกไปจนหมด ก่อนจะโยนนางลงไปที่พื้นอย่างไม่สนใจว่านางจะบอบช้ำหรือไม่
"ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว ว่าอย่าแตะต้องกายข้า!!!"
"หม่อมฉันก็ไม่อยากจะแตะต้องนักหรอกเพคะ แต่เห็นว่าทรงกำลังจะตายในน้ำจึงลงไปช่วย!!! หากรู้ว่าฟื้นแล้วจะปากสุนัขเช่นนี้ หม่อมฉันไม่ช่วยคงจะดีเสียกว่า!!!"
"สวีเหลียนฮวา!!! เจ้าจะกล้าเกินไปแล้ว คงคิดว่าเสด็จพ่อให้ท้ายเจ้าสินะ!!! หึ!!! เจ้าอยากได้ข้ามากนักหรือ!!! ฝันไปเถอะ!!!"
ยิ่งคิดถึงตอนที่นางจูบเขาก่อนหน้านี้ อวิ๋นซีเฉินก็ยิ่งเกลียดชังนางเข้าไปอีก!!! นั่นมันจูบแรกของเขาเชียวนะ!!!
เขารู้สึกอยากจะสับนางออกเป็นชิ้น ๆ แต่ทว่าสายตากลับจ้องมองเรือนร่างของนางอย่างไม่ลดละ
ยามนี้เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มแนบชิดกับเรือนร่างบางระหง เผยให้เห็นสัดส่วนของสตรีที่งดงามชวนมอง เอวบางคอด หน้าอกอวบอิ่ม อีกทั้งผิวพรรณที่ขาวนวลเนียนราวหิมะของนาง มันช่างน่าดูเย้ายวนเสียจนเขามิอาจละสายตาจากนางไปได้เลย
ผัวะ!!!
"ฝ่าบาท!!! ทรงตบหน้าตนเองทำไมเพคะ!!!"
ผัวะ!!!
"ฝ่าบาท!!!"
ใบหน้าบัดซบ!!! หันมาอย่าไปมองนาง!!! มารดามันเถอะ หน้าข้าชาหมดแล้ว!!!
สวีเหลียนฮวารู้สึกหวาดกลัวเขาขึ้นมาเสียแล้ว คนปกติที่ไหนกันจะตบหน้าตนเองเช่นนี้!
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกว่าเขาเริ่มจะไม่เป็นตัวของตัวเองเสียแล้วจึงสะบัดกายหนีออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวงทันที ก่อนจะมุ่งหน้ามาที่ตำหนักมังกรสวรรค์ซึ่งเป็นที่ประทับของเขา ราชเลขาที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปทำความเคารพเขาด้วยความนอบน้อม
"ฝ่าบาท!!!"
"ไสหัวไป!!! อย่าให้ใครมารบกวนข้า!!!"
ราชเลขาสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบสะบัดมือไล่เหล่าขันทีและนางกำนัลออกไปจนหมด แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักโอสถเพื่อรับยาขับความเย็นมาให้ฝ่าบาททรงเสวยขับไล่ความหนาวเย็นในกายออก อวิ๋นซีเฉินที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกและโยนมันทิ้งลงไปบนพื้น ก่อนจะก้มลงไปมองลำแท่งเอ็นร้อนที่แข็งชูชันของตนเองด้วยแววตาที่ครุ่นคิด
มารดามันเถอะ!!! เขาไม่เคยคิดที่จะทำเช่นนี้เลยสักครา แม้มันจะแข็งทุกคืนแต่เขาก็พยายามอดทนอดกลั้นมาตลอด เขาต้องการมอบความบริสุทธิ์นี้ให้แก่สตรีที่เขารัก เพราะสตรีต่ำช้านางนั้นที่ทำให้เขาต้องเป็นเช่นนี้
แต่ช่างเถิด!!! ชักสักครั้งจะเป็นไรไป
"ซี้ดดดดด!!!"
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงค่อย ๆ รูดชักลำแท่งเอ็นร้อนของตนเองขึ้นลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น เขารู้สึกราวกับว่ามันช่างสุขสมและเสียวซ่านเสียยิ่งนัก
รู้เช่นนี้ข้าชักนานแล้ว!!!
อวิ๋นซีเฉินยกขาข้างหนึ่งขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้ที่วางอยู่ริมหน้าต่าง และสาวชักลำแท่งแก่นกายอีกคราอย่างถี่ระรัว ในหัวพลันคิดถึงแต่ภาพเรือนร่างที่ชวนหลงใหลของสวีเหลียนฮวาอย่างหยุดยั้งไม่ได้
"โอววว อื้ออ!!! สตรีต่ำช้า อ๊าส์!!!"
น้ำกามสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดออกไปทางหน้าต่าง อวิ๋นซีเฉินรู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวราวกับบินได้ เขาเดินกลับไปทิ้งกายลงนอนบนเตียง ก่อนจะผล็อยหลับไปทันที
ขณะที่ราชเลขากำลังเดินกลับมาจากตำหนักโอสถ ลัดเลาะมาทางข้างตำหนักมังกรสวรรค์ซึ่งเป็นที่ประทับของอวิ๋นซีเฉิน ฉับพลันก็มีน้ำสีขาวขุ่นพุ่งลงมาหยดใส่จานรองถ้วยโอสถที่เขาถือกลับมาด้วย
ราชเลขาขมวดคิ้วมุ่นพลางครุ่นคิด ให้ตายเถอะ!!! ใครมาถุยโจ๊กแถวนี้กันนะ ดูสิ!!! พุ่งออกมาซะเยอะ อย่าให้รู้เชียวข้าจะลงโทษให้หนัก!!!
ราชเลขายกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำที่เขาคิดว่าเป็นโจ๊กบนจานรองนั้นขึ้นมาดมด้วยกลัวว่าจะมียาพิษผสมเอาไว้แต่ทว่าเขากลับต้องขมวดคิ้วมุ่น!!!
เหตุใดโจ๊กจึงมีกลิ่นคาวเช่นนี้เล่า?
สงสัยเติมเนื้อสัตว์มากไป!!!