1
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างทำด้วยกระจกเข้ามากระทบกับแผ่นหลังกว้างชุ่มเหงื่อที่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงบนเรือนร่างอรชร จังหวะของเขาไม่ได้ลดลงเลยกลับเพิ่มขึ้นตามอารมณ์ที่เจียนทะลุเพดานความรู้สึก เขาเร่งความเร็วและความแรงเพื่อให้ตนไปถึงจุดหมาย
ชีคอัสวาน อับดุลการิมพลิกตัวลงมานอนข้างร่างเล็กที่หอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยอ่อน ทว่าอัสวานกลับไม่ทีท่าว่าจะเหนื่อยสักนิดเดียว เขาปรายตามองกชนิภาหรือโรส หรืออีกชื่อหนึ่งคือนิสรีนเพียงแวบเดียวก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เขาชักสีหน้าหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาและได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของเธอ
“จะร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไร ฉันให้ความสุขเธอแท้ๆ แล้วเมื่อกี้เธอยังครางเสียงสั่นอยู่เลย มาตอนนี้กลับร้องไห้ เธอเป็นไบโพลาร์หรือเปล่าเนี่ย” อัสวานกระชากเสียงพูด จากนั้นก็วาดเท้าลงบนพื้นห้องที่ปูด้วยพรมลายเสือโคร่ง ก้าวเท้าเดินไปยังห้องน้ำไม่สนใจสาวร่างเล็กบนเตียงแม้แต่น้อย เขาเห็นเธอเป็นเพียงนางบำเรอที่ให้ความสุขยามต้องการเท่านั้น
กชนิภาค่อยๆ ยันตัวขึ้นอย่างยากลำบาก เนื่องจากบทรักของอัสวานแต่ละครั้งรุนแรง ตามอารมณ์เคียดแค้นในใจที่ไม่ว่าจะผ่านมาสองปี ความรู้สึกนี้ไม่เคยลดเลือนกลับเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน
เหตุผลของความแค้นในใจชีคอัสวาน เศรษฐีหนุ่มติดอันดับที่สองของประเทศจามาล เขาไม่เพียงแค่เป็นเศรษฐีมีเงิน แต่ยังเป็นลูกชายของผู้ปกครองแคว้นซัสเชียร์หนึ่งในดินแดนของจามาล
คงต้องย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้มกชนิภามาเที่ยวประเทศจามาลพร้อมกับยศวิน อังคณา พี่ชายและพี่สาว และมีเพื่อนยศวินอีกสามคน เป็นชายสองหญิงหนึ่ง
ทั้งหมดพากันตื่นเต้นกับประเทศจามาล ประเทศที่ถูกกล่าวขานว่ามีศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่น สถาปัตยกรรมขึ้นชื่อมากมาย ได้เห็นสิ่งปลูกสร้างอันงดงามที่มีอายุกว่าสองร้อยปี ในส่วนของทะเลทรายกลุ่มเดินทางได้เห็นพีระมิด โอเอซิสที่มีอยู่ด้วยกันหลายที่ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นหมู่บ้านกลางโอเอซิสสถานที่พักตากอากาศของคนเมืองและคนทั่วโลก ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่คณะเดินทางตื่นเต้นคือ การเล่นกระดานโต้ทรายและสกีทราย การเล่นกระดานโต้ทรายก็เหมือนการเล่นกระดานโต้คลื่น เพียงแค่เปลี่ยนจากน้ำเป็นการเล่นบนผืนทราย ส่วนสกีทรายเปลี่ยนจากเล่นบนหิมะมาเล่นบนสันทรายแทน
พวกเขาและเธอเที่ยวในเมืองหลวงของจามาลสองวัน ก่อนเดินทางมายังแคว้นซัสเชียร์ตามคำชวนของโอดิลเพื่อนของยศวิน กชนิภากับอังคณาไม่ชอบโอดิล เพราะรู้นิสัยดีว่าเป็นอย่างไร และสองพี่น้องก็เลี่ยงเข้าใกล้โอดิลตามลำพัง
โอดิลได้จัดเตรียมที่พักให้เพื่อนรักในโรงแรมระดับสี่ดาว ในคืนแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างเป็นปกติ ทว่าในคืนที่สองเกิดเรื่องที่ไม่สมควรได้เกิดขึ้น เมื่อโอดิลได้ทำเรื่องชั่วร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย แล้วไม่ได้ทำชั่วเพียงคนเดียว ยังดึงยศวินกับเพื่อนอีกหนึ่งไปร่วมทำชั่วด้วย เรื่องชั่วที่ว่านั้นคือ ดักฉุดสตรีสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังเดินกลับไปขึ้นรถ และกระทำย่ำยีอย่างไร้ความปรานี ทว่ายศวินที่มีจิตใจดีอยู่บ้าง ไม่ขอร่วมการข่มขืน แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามเพื่อน กลับดูต้นทางให้
โอดิล ยศวินและอนันต์ทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยไม่สนใจเรื่องที่พวกตนกระทำ จนกระทั่งก่อนกลับเมืองหลวงหนึ่งวัน มีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายด้วยชุดโต๊ปสีขาวมาจับกุมตัวโอดิล ยศวินและอนันต์ไปต่อหน้าต่อตากชนิภาและคนที่ร่วมเดินทางไปเที่ยว และพอรู้คำตอบ ทั้งหมดก็เข่าแทบทรุด ไม่คิดว่าคนถูกจับกุมจะกระทำเลวทรามเช่นนี้
ทั้งสามถูกนำตัวไปยังบ้านหลังหนึ่ง ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า คฤหาสน์หลังนี้ปลูกสร้างสไตล์อาหรับ น้องๆ พระราชวังที่พำนักของกษัตริย์ที่ปกครองจามาล แต่ถ้าจะเรียกว่าวังก็ได้เช่นกัน
ด้วยความเป็นห่วงอังคณากับกชนิภาเดินทางตามพี่ชายไปด้วยเพราะยังไม่เชื่อว่า พี่ชายจะร่วมกระทำเรื่องเลวทรามนั้น
ห้องใต้ดินคือสถานที่ที่ชายฉกรรจ์นำตัวโอดิล ยศวินและอนันต์ไปไว้กลางห้อง ส่วนอังคณากับกชนิภาดื้อดึงจะเข้าไปในห้องใต้ดินด้วย ซึ่งก็ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสถานที่ ให้เข้าไปดูการไต่สวน แต่กว่าที่จะมีคนมาพิพากษาความผิด ทั้งสามก็โดนทำร้ายจนเลือดตกยางออก
“พอแล้ว หยุดได้แล้ว พี่ชายฉันไม่ไหวแล้วนะ” กชนิภาเข้ามาห้าม กอดร่างยศวินไว้อย่างปกป้อง “พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายพี่ฉัน ตำรวจก็ไม่ใช่ อีกอย่างพวกคุณยังไม่รู้เลยว่า พี่ชายฉันเรื่องชั่วๆ นั่นจริงหรือเปล่า พอมาถึงที่นี่พวกคุณก็ซ้อมเอาซ้อมเอาทำอย่างกับคนป่าเถื่อน บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป”
กชนิภาปกป้องพี่ชายเต็มที่
“แล้วพี่ชายเธอมีสิทธิ์ทำกับโซเฟียอย่างนั้นเหรอ โซเฟียทำผิดอะไรถึงต้องมาพบกับคนชั่วๆ อย่างพี่ชายของเธอ” น้ำเสียงแข็งกระด้าง มาพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงราวกับโกรธใครมาสักร้อยปี ดวงตาเขามองไปยังสามเดนคนด้วยความเคียดแค้นสุดกำลัง ทุกคนเห็นว่ามีไฟบรรลัยกัลป์ลุกโชนอยู่ในนัยน์ตาเขา มันดูน่าเกรงขาม น่ากลัวและน่าขนลุกมาก “ว่าไงพี่ชายเธอมีสิทธิ์หรือไง”
คนถูกถามสะดุ้งสุดตัวกับน้ำเสียงดังลั่น กชนิภามองชายหนุ่มรูปงามแต่งกายด้วยชุดโต๊ปสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมมิชลาฮ์เย็บด้วยผ้าขนสัตว์สีดำ ตกแต่งบริเวณสาบเสื้อด้วยแถบผ้าปักสีทอง ใบหน้าเขาหล่อเข้มสไตล์ชายอาหรับ แต่มีความโดดเด่นกว่าชายชาวอาหรับที่กชนิภาเคยเห็น เขาดูสง่างามและน่าเกรงขามมาก มากจนเธอนึกขลาดกลัว แต่แม้ว่าจะกลัว กชนิภาก็พูดตอบโต้