5
Chapter 5
รอฮิมแสร้งถาม อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่ากระไร
เมื่อชวนคุยก็ผายมือเชื้อเชิญให้เธอรับประทานอาหารบนโต๊ะ ฟาตินกวาดสายตามองโต๊ะอาหารหรูอลังการ ทุกอย่างล้วนเป็นทองคำเหลืองอร่ามทั้งถ้วย จาน มีด ส้อม และช้อน จะยกเว้นก็เพียงแก้วเท่านั้นที่มิได้ทำจากทองคำ
“เพคะ หม่อมฉันมีเชื้อสายอาหรับ”
หญิงสาวตอบรับ หยิบมีดกับส้อมมาถือเอาไว้ เมื่อถูกเชื้อเชิญให้ทานสเต็กขาแกะเลิศรส ระหว่างทานอาหารสายตา อดจะเหลือบมองผนังตำหนักที่เป็นลวดลายวิจิตรงดงามเสียไม่ได้
ส่วนที่นั่งอยู่ ด้านบนเป็นโคมไฟสุดหรู ข้าวของทุกอย่างมีราคาแพง หากใครขโมยไปสักชิ้นคงจะขายกินสบายไปหลายเดือน
“แม่หรือพ่อของเธอล่ะ”
เขาชวนสนทนา ความเป็นกันเองของสุลต่านหนุ่มทำให้ฟาตินรู้สึกหายใจคล่องขึ้น คลายความอึดอัดไปได้มาก เขาชวนเธอคุยจนเธอเผลอไผลเกือบลืมภารกิจสำคัญไปโดยปริยาย
“บิดาเพคะ แต่ท่านสิ้นแล้วเมื่อตอนที่หม่อมฉันยังเล็กๆ”
เธอพูดเสียงแข็งขึ้นเมื่อเอ่ยถึงบิดา ก่อนจะจางหายไป หญิงสาวหลุบตาลงต่ำซ่อนอารมณ์โกรธเกลียดเอาไว้มิดชิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มแย้มอ่อนหวานอีกครั้งเมื่อปรับอารมณ์ได้แล้ว
“บิดาของเธอรึ เป็นคนชาติไหน หวังว่าคงไม่ใช่โอซาเนีย”
เขาแสร้งถามไปตามน้ำ ให้เธอปรุงสรรปั้นแต่งเรื่องราวเอาตามใจชอบ
ฟาตินสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนแย้มยิ้มพิมพ์ใจ รอฮิมยอมรับว่าหญิงสาวควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยม แต่เขายังสังเกตเห็น สายตาคู่นั้นที่มองเขาด้วยความเกลียดชัง
... สาเหตุมันคืออะไรกันนะ?
“มิใช่หรอกเพคะ บิดาของหม่อมฉันเป็นคนโซโมโรส”
เธอตอบเลี่ยงๆ นึกถึงประเทศใกล้เคียงขึ้นมาได้ทันควันเนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวตอบคำถามเรื่องบิดามาก่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามเรื่องบิดาเธอนัก คิดว่าเขาจะถามเรื่องเธอเสียมากกว่า
“โซโมโรสเช่นนั้นรึ”
สุลต่านหนุ่มนึกกระหวัดไปถึงอีซาเพื่อนรักที่มาร่วมงานเฉลิมฉลองครั้งนี้กับพระมเหสี
เขาหลุบตาลงหั่นสเต็ก ซ่อนแววตาบางอย่างเอาไว้ ก่อนเงยขึ้นสบกับหญิงสาวตรงหน้า
ต่างฝ่ายต่างเก็บงำอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง ในตอนนี้ไม่ว่าใครคงมิกล้าผลีผลามเปิดเผยตัวตนและเปิดอกคุยกันดังเช่นคนรู้จัก
“เพคะฝ่าบาท แต่เพราะพ่อของหม่อมฉันสิ้นตั้งแต่เด็ก หม่อมฉันจึงย้ายไปอยู่กับคุณลุงที่ต่างประเทศหลายปี”
รอฮิมพยักหน้าแสร้งทำเป็นรับรู้ ทอดสายตามองหญิงสาวตรงหน้า เธอมีแววตาเย็นชานิ่งเฉยนัก แม้จะแย้มยิ้มให้เขา แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่สดชื่นแจ่มใสอย่างที่ควรจะเป็น
“ฉันถูกใจเธอมาก”
คำพูดตรงไปตรงมาของสุลต่านหนุ่มทำให้หญิงสาวชะงักมือที่กำลังจะยกสเต็กเข้าปาก เงยหน้ามองสบตาคมเข้มสีสนิมที่กำลังทอดมาหา เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้
เธอยังจำแววตาดุดันที่ชอบมองมายังเธอได้ในวัยเด็กได้ดี แม้ตอนนี้จะยังดุดันอยู่เช่นเดิม แต่มีแววปรารถนาซ่อนเร้นจนเธอสัมผัสได้
“ฝ่าบาทล้อหม่อมฉันเล่นหรือเพคะ”
เธอแสร้งถามก้มหน้าเขินอายแต่พองาม หัวใจเต้นรุนแรงจนนึกตำหนิตัวเองว่าเหตุใดจึงได้หวั่นไหวถึงเพียงนี้
... แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ มันจะได้ง่ายในการที่เธอจะลงมือ หากเขาลุ่มหลงเธอ ฟาตินบอกตัวเอง ช้อนสายตามองเขาหวานหยด ริมฝีปากเผยอยิ้มยวน ดวงตาคมเข้มหลุบมองด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มในอก อยากกระชากเธอมาจุมพิตให้สาแก่ใจ
“ฉันไม่เคยล้อเล่นกับใคร”
น้ำเสียงและแววตาจริงจังทำให้ฟาตินจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเพื่อหาความจริงใจ แม้จะหวั่นไหวแต่เธอปัดมันออกไป ย้ำว่าคนที่นั่งตรงหน้าคือฆาตกรฆ่าบิดา
“เป็นความกรุณายิ่งเพคะ”
เธอเอ่ยเสียงหวาน เมื่อเขาดูจริงใจ จริงจังจนเธอนึกแปลกใจ ด้วยฐานะนักแสดงชั่วข้ามคืนอย่างเธอคงยากยิ่งที่ใครจะคิดจริงจังด้วย
เธอยังเคยหวั่นว่าจะทำเช่นไรเพื่อหว่านเสน่ห์สุลต่านรอฮิม ได้เข้าประชิดตัวชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า แต่ทุกอย่างมันกลับง่ายดายกว่าที่คิดนัก
“เธอมีคนรักแล้วหรือยัง ถ้าฉันขอให้เธออยู่โอซาเนียก่อนจะได้ไหม เพื่อที่เราจะได้ทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้”
สุลต่านหนุ่มเอ่ยขอ แม้ความจริงไม่จำเป็นสักนิด คนระดับเขาจะต้องการผู้หญิงสักคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่หญิงสาวตรงหน้าแตกต่างออกไป
“หม่อมฉันยังไม่มีคนรักเพคะ เป็นความกรุณาอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงให้เกียรติหม่อมฉันถึงเพียงนี้”
คำพูดยอมรับนั้นทำให้รอฮิมยิ้มบางเบา ยกน้ำชาขึ้นจิบแต่สายตากวาดมองไล้ร่างอรชรไม่วาง เหมือนจะกลืนกินเธอแทนอาหารรสเลิศที่ทานอยู่
“ฉันต้องการเธอคืนนี้”
คำขอตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมทำให้มีดกับส้อมในมือร่วงหล่นลง
“อุ๊ย!!! ขอประทานอภัยเพคะที่หม่อมฉันซุ่มซ่าม”
ฟาตินรีบขอโทษ ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของเขา ต้องเม้มริมฝีปากแน่น นึกตำหนิตัวเองที่หวั่นไหวกับคนตรงหน้า
คนบ้า เล่นพูดตรงๆ แบบนี้ เธอทำอันใดไม่ถูกเหมือนกัน!
“ฉันไม่ถือหรอก แค่บอกให้เธอเตรียมตัวเท่านั้น”
ฟาตินนึกหมั่นไส้คน มีการบอกให้เตรียมตัวด้วย เหมือนเป็นการมัดมือชกชัดๆ แล้วเขาทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นด้วยหรือไม่นะ
“ฉันไม่เคยขอใครตรงๆ หรอก มีหญิงสาวมากมายยอมทอดกายให้ฉัน แต่เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันรู้สึกชอบมากกว่าผู้หญิงทุกคน”
เขาพูดเหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอันใดอยู่ เอากับเขาสิ!
เขาอยากผูกมัดเธอไว้ตลอดชีวิต …
“สเต็กขาแกะนี่ ฉันสั่งให้เขาทำต้อนรับเธอโดยเฉพาะเลยนะ หวังว่าเธอคงจะชอบ”
“เพคะ อร่อยมาก”
ฟาตินตอบตามตรง เขาเชื้อเชิญให้เธอทานซุป สลัด เนื้อย่างและอาหารอีกมากมายที่หญิงสาวคิดว่าคนสองคนไม่น่าจะทานหมด
หล่อนพยายามควบคุมตัวเองให้สงบนิ่งเสมอต้นเสมอปลาย เงยหน้าสบตาอีกฝ่ายทีไร เขากำลังมองเธออยู่ แม้มือจะตักอาหารเข้าปาก แต่สายตามองเธอไม่วางเหมือนสิ่งที่กำลังทานอยู่คือเธอไม่ใช่อาหารอร่อยมากมายบนโต๊ะตรงหน้า
ฟาตินขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าอาหารที่ทานจะกลืนไม่ลงเอาเสียเลย จนต้องยกน้ำขึ้นดื่ม แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้เขาคิดว่าเธออิ่มแล้ว
“รับขนมหวานก่อนสิ”
เขาเอ่ยขึ้น หลังจากยกผ้าขึ้นเช็ดริมฝีปากบางเบา ผายมือไปที่ขนมหวานมากมายอันได้แก่ มฮัลลเบยา* โอมอาลี** กุหลับ จามาน*** บาคลาวา**** และขนมหวานอีกมากมายที่เขาเป็นคนสั่งให้พ่อครัวทำต้อนรับเธอ
_____________________________________________
มฮัลลเบยา* (Mhallabeya) เป็นข้าวที่หุงให้มีความหวานนำมาแช่ในนมและน้ำตาล ซึ่งเป็นขนมหวานพื้นเมืองของตะวันออกกลาง
โอมอาลี** (Umm Ali) หากแปลตามตัวตามภาษาอารบิกแปลว่าคุณแม่ของอาลี มีความอร่อยและได้รับความนิยมมากเช่นกัน มีส่วนประกอบหลายอย่างเช่น ข้าว แป้ง นม น้ำตาล ผสมกันอยู่ในลักษณะซึ่งเป็นขนมอยู่ในถ้วย โอมอาลีได้รับความนิยมมากสำหรับคนอาหรับในตะวันออกกลาง
กุหลับ จามาน*** (Gulab Jamen) ก้อนขนมปังหวาน ขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราดด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น
บาคลาวา**** (Baklava) มีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจาก การนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม
“ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบรับประทานอะไร ที่สำคัญก็ไม่แน่ใจว่าชอบทานขนมพวกนี้หรือเปล่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบของหวาน เพราะกลัวอ้วน”
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของหญิงสาว แต่เพราะเธอไม่รู้ว่าจะทานขนมจานไหนดี มากกว่าจะกลัวอ้วนอย่างที่สุลต่านหนุ่มเข้าใจ
“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันทานได้ทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกทานอันไหนดี” เธอตอบตามตรง