EPISODE 5 [ไหนว่าอยากเปิด]
เ(ฉ)พาะช่างขังรัก MDL STORY (SS2)
EPISODE 5
[ไหนว่าอยากเปิด]
ณ สนามแข่ง RVB เขต ริเวอร์เบย์
“คุณป๊าหมายถึงอะไรเหรอคะ ที่บอกว่าพะแนงอย่าตามใจพี่เดี๋ยวเหลิง”
ฉันถามขึ้นขณะที่เรากำลังเดินไปที่เต้นท์ทีมของต่างเขต เพราะพวกพี่เดี่ยวอยากไปดูรถของพวกเฮียไท่หลงนั่นแหละ เพื่อนรักทั้งสองของฉันก็เลยอยากไปเปิดประสบการณ์กับเขาด้วย
“อย่าไปฟัง” พี่ภารัณว่า หลุบสายตามองฉันครู่หนึ่งก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตตัวนอกมาคลุมให้ฉัน
“อะไรคะ” ฉันเลิกคิ้วถาม
“ใส่ทับไว้ ทำไมเสื้อบาง” เขาว่า ทำให้ฉันก้มมองเสื้อนักศึกษาตัวเอง ก็พบว่าวันนี้เพราะใส่บราสีชมพูอ่อนสินะ สีมันเลยชัดกว่าทุกวัน
“มันก็เสื้อเดิม ๆ ค่ะ แต่คงเพราะสีบรามั้งคะ” ฉันพึมพำตอบคนที่เอาแต่จ้องมองคอเสื้อฉันนิ่ง จนฉันหน้าร้อนไปหมด เขามีปัญหาอะไรกับชุดที่ฉันใส่อยู่ทุกวันอีกล่ะเนี่ย
“กระดุมต่ำ นมจะออก” พี่ภารัณพูดขึ้นพร้อมยื่นมือมารูดซิปเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นจนสุดคอ แล้วกระตุกยิ้มมุมปากราวพอใจกับสภาพของฉันในตอนนี้แล้ว
ถามจริง! ในสนามก็มีนักเรียนนักศึกษา แล้วก็ผู้หญิงที่แต่งตัวแซ่บยิ่งกว่าฉันมาดูรถตั้งเยอะแยะ เขาจะมามีปัญหาอะไรกับชุดนักศึกษาธรรมดา ๆ ของฉันเนี่ย ก่อนเจอเขาฉันก็ใส่แบบนี้ทุกวัน แล้วเสื้อเขามันก็ตัวใหญ่ด้วย มันรุ่มร่ามจะตาย
“พี่ต้องรูดขนาดนี้เลยเหรอ” ฉันบ่นออกมา และเห็นว่าพี่ภารัณชะงักฝีเท้ากึกทันที
“ทำไม?” เขาย้อน สีหน้าบอกบุญไม่รับสุด ๆ
“คนอื่นแต่งเปิดกว่าพะแนงตั้งเยอะ” ฉันหลุบตาแล้วอ้อมแอ้มตอบเขา ก็แค่อยากเดินสวย ๆ กับเขาไม่ได้รึไง นี่เขาแทบจะห่อฉันอยู่แล้วนะ
“ไอ้รันมึงจะเดิน ๆ หยุด ๆ ทำไมนักหนาวะ ถ้าจะคุยมึงก็คุยกันไปก่อน พวกกูขี้เกียจหันมาเสือก” เสียงพี่บาสว่ามาราวคนเริ่มหงุดหงิด ทำให้คนอื่น ๆ พลอยหันกลับมามองเราสองคนด้วย
“ไม่ใช่คะ คือว่า…” ฉันกำลังจะพูดแต่พี่ภารัณก็แทรกเสียงขึ้นเสียก่อน
“พวกมึงไปก่อนเลย” เขาว่า ทำให้พี่บาสถอนหายใจใส่ ก่อนจะเดินกันไปก่อนจริง ๆ
เมื่อเหลือแค่เราสองคนพี่ภารัณก็จูงมือฉันมาที่หลังเต้นท์ของร้านขายอะไหล่รถยนต์ ที่เฮียไท่หลงเปิดให้มาตั้งเรียงรายขายสินค้ากันอยู่ข้างสนามแข่ง
“มาทำอะไรตรงนี้คะ” ฉันถามอย่างคนเดาความคิดพี่ภารัณไม่ออก
“ทำไมอยากเปิด” ว่าแล้วเขาก็เปิดประเด็นใส่ทันที
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ พะแนงก็แค่คิดว่าชุดนักศึกษาก็ไม่เห็นเป็นไร พี่เดี่ยวพี่บาสยังไม่เห็นว่าอะไรยัยวากับยัยบีเลย” ฉันตอบเขา
ตั้งแต่ข่าวที่เรื่องที่เขาคือ ภารัณ ลินน์หลุดออกไป พี่ภารัณก็ไม่ค่อยได้ใส่แมสก์ปิดบังโฉมหน้าบ่อย ๆ แล้ว
และเพราะแบบนั้นแหละไอ้ความหล่อทะลุแมสก์ที่เขาเคยซ่อนไว้มันก็มักจะไปกระแทกตาสาว ๆ อยู่เรื่อย ทั้ง ๆ ที่ชอบทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็ดูป๊อปไปหมดเลย
ส่วนฉันที่เป็นแฟนเขาก็แค่อยากจะเดินสวย ๆ ข้าง ๆ เขาก็แค่นั้น ไม่ได้อยากโดนห่อรุงรังจนคนที่มองมาแอบหลบไปหัวเราะลับหลังว่าฉันเฉิ่มเชยไม่เหมาะกับเขานี่นา
“อ่า งั้นเอาเสื้อมา” เขารับฟัง ก่อนจะขอเสื้อคืน ทำให้ฉันถอดเสื้อออก แอบสงสัยว่าทำไมเขาเปลี่ยนใจง่ายจัง
มือใหญ่ที่วางลงบนหัวแล้วโยกมันเบา ๆ ทำให้ฉันอมยิ้มออกมาจาง ๆ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่โน้มตัวลงมาใกล้ จะทำให้ฉันเผลอขยับก้าวถอยหลัง
“พี่จะทำอะไร” ฉันรีบร้อนถาม เหลือบมองผู้คนที่อาจจะเดินหลงมาแถวนี้ และเห็นท่าทางของเขาที่ทำเหมือนจะรุกประชิดฉันในที่สาธารณะ
“ตามใจแล้วไง ไหนรางวัล” เขาว่า ทำเอาฉันเบิกตาโต มาหน้ามึนขอรางวัลตอนนี้เนี่ยนะ
“แต่ว่าตรงนะ…อื้อ!”
ฉันที่กำลังจะปฏิเสธ ถูกวงแขนของเขารั้งเอวให้ขยับมาใกล้ ก่อนที่เรียวปากบางสวยของพี่ภารัณจะฉกวูบแนบลงมาบนเรียวปากฉันอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากเขาอุ่นจัง…รสเย็นจาง ๆ ของเมนทอลเจื่อข่มเฝื่อนที่ปลายลิ้นนั่นคงจะเป็นเพราะเขาสูบบุหรี่ก่อนมาถึงสนามแข่งสินะ เมื่อถูกเขารุกคืบอย่างเอาแต่ใจขนาดนี้ แล้วฉันจะดื้อดึงหนีรอดไปได้ยังไง
ทั้ง ๆ ที่ฉันกลัวว่าใครจะผ่านมาเห็น แต่ดูเหมือนพี่ภารัณจะไม่แคร์เท่าไหร่เลย เพราะเขาเอาแต่ตะโบมจูบปากฉันไม่หยุด ปลายลิ้นที่สอดเปิดกลีบปากฉันแล้วรั้งเอาลิ้นฉันไปดูดดุนเบา ๆ ทำร่างฉันสะท้านไหวไปหมด จนต้องกำมือกับเสื้อเขาไว้แน่น
“อ่าส์…อืม…พะ…พี่รันพอแล้ว” ฉันพึมพำเสียงพร่า เมื่อเขาคลอเคลียริมฝีปากและจมูกโด่ง ๆ นั่นฟอนเฟ้นอยู่ที่ข้างแก้มแรง ๆ ราวมันเขี้ยว
“อืม” เสียงครางตอบมาสั้น ๆ ทว่าก็ไม่มีทีท่าจะหยุดรุกใส่ฉันแม้แต่น้อย
“อ่าส์…พี่รัน! เดี๋ยวคะ” ฉันร้องห้ามอีกครั้งเมื่อเขาซุกหน้าลงต่ำไปเรื่อยกระทั่งรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่ซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอ มือที่ขยับเลื้อยขึ้นมาบีบคลึงเนินอกฉันสลับกับริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่วซอกคอ ทำเอาฉันตัวสั่นไปหมด เขาจะทำไปถึงเมื่อไหร่ มันชักจะเกินไปแล้วนะ
“อืม…อยู่เฉย ๆ” น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น พร้อมมข้อมือฉันที่ถูกรวบจับไว้แน่น ริมฝีปากที่เคยเอาแต่พรมจูบก็เริ่มขบเม้มและดูดกัดลงที่ผิวคอฉันมากขึ้นเช่นกัน
“อ๊ะ! อ่าส์…อย่า! พี่จะทำอะไร อื้อ! พี่รันหยุดเลยนะ” ฉันร้องบอกเขาเสียงกระเส่า พยายามจะดิ้นรนให้หลุดจากเงื้อมมือคนที่เอาแต่ทำให้เนื้อตัวฉันเจ็บไปหมด
“อืม” เขาครางสั้น ๆ แล้วผละตัวออกห่าง
“ไอ้พี่รัน!” ฉันสบถอย่างหัวเสีย ขณะก้มมองกระดุมเสื้อสองเม็ดบน ที่ถูกเขาปลดออกไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ทั้งที่เนินอกเหนือขอบบราเซียยังเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ค จนฉันต้องล้วงเอากระจกพกอันเล็ก ๆ ในกระเป๋ามาส่องดูสภาพของตัวเอง และพบว่าไม่ใช่แค่เนินอกแต่ที่ซอกคอของฉันเขาก็ทำรอยไว้ชัดเจนเลย
“ติดกระดุมแล้วไปกัน” พี่ภารัณว่าน้ำเสียงราวคนอารมณ์ดี แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง บอกเลยว่าท่าทางเขาตอนนี้ มันเหมือนตัวร้ายในละครที่เพิ่งล่วงเกินผู้หญิงจนหนำใจเลย
“เอาเสื้อมาเลยนะ! ทำขนาดนี้จะให้พะแนงเดินไปไหนได้อีก ไอ้คนเอาแต่ใจ”
ฉันโวยวายแล้วแย่งเสื้อแจ็คเก็ตมาสวม รูดซิปขึ้นจนสุดถึงคอ แล้วเดินกระแทกเท้าออกมาจากหลังเต้นท์ทันที ฉันจะงอนเขา! ไอ้คนหน้าหนานิสัยเสีย
“หนู! ไหนว่าอยากเปิดไง” เสียงพี่ภารัณแว่วตามหลังมา และมันเป็นเสียงที่ดูชอบอกชอบใจไม่น้อยเลย
“สาบานว่าเขาเป็นแฟนฉันใช่ไหม นี่ฉันรับใครมาเป็นแฟนกันแน่ ไอ้คนเอาแต่ใจ ไอ้คนไม่ฟังใคร ฮือ! ไอ้พี่รันบ้า ทำกันได้ลงคอ”
ฉันได้แต่เดินบ่นพี่ภารัณที่เล่นรังแกเนื้อตัวฉันจนไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนในสนามแข่งโดยไม่มีเสื้อของเขาสวมทับได้อีก ฉันว่าแล้วไง ไอ้ที่เขาพูดเหมือนตามใจกัน มันไม่น่าไว้ใจเลยสักครั้ง