3
3
แค่บอกว่าให้ไปคุยและไม่ได้บีบบังคับ แต่รัตนาจะบีบบังคับหรือไม่นั้นเธอไม่รับรู้
“ได้ ฉันจะรอฟังคำตอบ หวังว่าคงได้คำตอบภายในหนึ่งอาทิตย์นี้นะ”
“รับรองว่าไม่เกินอาทิตย์ได้คำตอบแน่นอนค่ะ” รัตนามั่นใจว่าเธอสามารถพูดให้ปิ่นปัทมาตอบตกลงได้ก่อนหนึ่งอาทิตย์แน่นอน เธอรู้จุดอ่อนของลูกเลี้ยงดี ปิ่นปัทมาเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร เธอร้องไห้บีบน้ำตาไม่กี่หยด ขี้คร้านจะรีบตอบตกลง แต่เธอคงต้องปั้นแต่งเรื่องราวอยู่บ้าน จะบอกตรงๆ ตามข้อตกลงที่เจ้าหนี้เสนอมา ก็ดูจะไม่เหมาะ เพราะถึงจะไม่ชอบขัดใจใคร แต่ถ้าให้ไปทำเรื่องแบบนี้ คงปฏิเสธเป็นแน่ ขนาดมีผู้ชายร่ำรวยหรือเสี่ยที่ชอบเด็กสาวมาทาบทามปิ่นปัทมายังไม่ยอมตกลงปลงใจกับใคร ออกจะรักนวลสงวนตัวไม่สุงสิงกับผู้ชายคนไหนเสียด้วยซ้ำ
“คุณแม่เล่นการพนัน แล้วที่คุณนายเค้ามาบ้านเราบ่อยๆ ก็เพราะมาทวงหนี้” ปลายรุ้งพูดหน้ายุ่ง เธอรู้สึกไม่ดีที่มารดาเป็นภาระให้พี่สาวอย่างปิ่นปัทมาตลอด เธอเคยแอบฟังมารดาคุยกับคุณนวลแขเลยได้รู้ความจริง แต่วันนี้ไม่อยากไปแอบฟังเพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องเดิมๆ คือเรื่องการทวงหนี้นั่นแหละ
“เล่นการพนันหรือปลาย” ปิ่นปัทมาถามกลับอย่างตกใจ เธอไม่ใคร่จะรู้หรอกว่ามารดาเลี้ยงนั้นออกไปทำอะไรมาบ้าง พอได้ยินแบบนั้น แล้วรู้สึกใจคอไม่ดีเลย เค้าพูดกันว่าเจ้าหนี้เดี๋ยวนี้โหดนัก ถ้าไม่ยอมจ่ายหนี้ก็ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์และขับไล่เจ้าของบ้านออกจากบ้านหากเอาบ้านไปจำนองเอาไว้
“ใช่ค่ะ เงินที่พี่ปัทหามาได้ แม่ก็เอาไปเข้าบ่อนหมด” ขณะช่วยจัดขนมใส่กล่องให้พี่สาว ปลายรุ้งก็บ่นไปสีหน้าหงิกงอไม่สบอารมณ์มารดานัก
“นังปลาย นินทาฉันพอหรือยังห๊ะ” เสียงของรัตนาแว๊ดๆ เข้ามาถึงในห้องครัว ได้ยินยายลูกสาวตัวดีพูดก็อยากจะเข้าไปตบให้หน้าหัน วันๆ ไม่เคยพูดจาเข้าข้างหรือส่งเสริมอะไรเธอเลย มีแต่บ่นๆๆ ใส่เธอเหมือนเธอเป็นลูกแทนที่จะเป็นแม่ของมัน
“โอ๊ย! แม่ จะบิดปลายทำไมนี่” ปลายรุ้งร้องเสียงดัง วิ่งหนีมารดาเมื่อโดนบิดเข้าที่แขนเรียว
“ก็แกมันปากโป้ง ไปบอกคุณนายอย่างนั้นได้ยังไงว่าฉันห้ามไม่ให้พวกแกบอกว่าฉันอยู่บ้าน” รัตนาพูดด้วยใบหน้าโกรธจัด เรียกว่าโกรธจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว
“อ้าว... ปลายก็พูดตามจริง” ปลายรุ้งวิ่งหนีไปเถียงมารดาไปพร้อมๆ กัน นั่นยิ่งทำให้รัตนาโกรธหนักเข้าไปอีก ที่โกรธเพราะวิ่งตามไปจัดการยายลูกสาวปากสว่างไม่ได้
“หล่อนก็เหมือนกันแม่ปัท สมรู้ร่วมคิดรู้เห็นเป็นใจกับยายปลายใช่ไหม” เล่นงานลูกสาวตัวเองไม่ได้ รัตนาก็หันมาเล่นงานลูกเลี้ยงสาวแทน
“แม่อย่าไปโทษพี่ปัทเลย ปลายเป็นคนคิดเองทั้งหมด หัดมองความผิดของตัวเองบ้าง อย่าโทษแต่คนอื่น” ปลายรุ้งเท้าสะเอวขึ้นพูดฉอดๆ กางปีกปกป้องพี่สาวสุดชีวิต
“เข้าข้างกันดีนักนะ” รัตนากัดฟันพูดกรอดๆ เจ็บใจลูกสาวตัวเองนัก
“ก็จริงนี่นา แม่ไปติดหนี้ยายคุณนายนั่นจนเค้ามาทวงหนี้เกือบทุกวัน เงินที่พี่ปัทขายขนมได้ก็ให้แม่ไปส่งดอก แต่แม่เอาไปเข้าบ่อน หรือแม่จะเถียงว่าไม่จริง ฉันแอบได้ยินแม่พูดกับคุณนายเมื่อวันก่อน” ปลายรุ้งแฉแหลก ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ถึงจะเป็นมารดา แต่ก็ทำผิด แล้วคนเป็นลูกอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เตือนหรือยังไง
“นี่แกแอบฟังฉันพูดอย่างนั้นเหรอ เมื่อกี้แกก็แอบฟังสิ” รัตนาถามอย่างตกใจ กลัวความลับจะรั่วแล้วปลายรุ้งจะขัดขวางไม่ให้เธอส่งปิ่นปัทมาให้คุณนวลแขได้สำเร็จ
“โอ๊ย! แม่ไม่ได้แอบฟัง แต่ฉันเผอิญได้ยิน เมื่อกี้ก็ไม่ได้แอบฟังเหมือนกัน แต่รู้ว่าคงคุยกันเรื่องเดิม ฉันเลยมาช่วยพี่ปัททำขนมดีกว่า” คำตอบของบุตรสาวทำให้รัตนาถอดใจเฮือกใหญ่ จริงๆ แล้วถ้าปลายรุ้งแอบฟัง คงได้ยินเรื่องที่คุณนวลแขจะขอปิ่นปัทมาไปขัดดอกโดยให้ไปเป็นเมียชั่วคราวของหลานชาย และเธอเข้ามาห้องครัวก็คงอาละวาดใส่ไปแล้ว ไม่นิ่งอยู่แบบนี้แน่
“โล่งอกไป”
“โล่งอก โล่งอกทำไม หรือแม่มีความลับอะไรกับฉันอีก” ปลายรุ้งถามอย่างหวาดระแวง
“ความลงความลับอะไรล่ะ ไม่มี แกก็ชอบหาเรื่องฉันอยู่เรื่อย” รัตนารีบปฏิเสธ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลบเกลื่อนเรื่องสำคัญที่คุยกับคุณนวลแข
“จริงเหรอจ๊ะน้ารัต เรื่องที่ปลายบอกว่าน้ารัตเข้าบ่อน เอาเงินไปเล่นการพนันแบบนั้น” เมื่อได้จังหวะปิ่นปัทมาก็รีบเอ่ยถามทันที เพราะหากมารดาเลี้ยงติดการพนันแบบนี้จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ยิ่งเล่นก็ยิ่งเสียจะกลายเป็นผีการพนันเข้าสิงจนถอนตัวไม่ขึ้น
“นี่แกอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ เชื่อคำพูดบ้าบอของนังปลายได้ยังไงกัน น้องสาวของแกมันชอบหาเรื่องฉัน แกไม่เห็นหรือไง” รัตนาโกรธจนตัวสั่น
“ถ้าไม่จริง แม่กล้าสาบานไหมล่ะ แล้วที่บอกว่าน้องสาวพี่ปัทน่ะ ลูกแม่ไหมล่ะหึ!” ปลายรุ้งท้าเหยงๆ คนอย่างมารดาต้องชนอย่างเดียว ถ้าหงอใส่ล่ะก็ โดนข่มติดดินแน่นอน ดูอย่างพี่สาวเธอเป็นตัวอย่าง เธอไม่อยู่เข้าหน่อย โดนมารดาของเธอใช้งานหัวไม่ได้วางหางไม่ได้เว้น
“นังลูกเวรนี่ยังไง ฉันเป็นแม่แกนะ แกเคยเห็นหัวฉันหรือเปล่า” รัตนาด่าไฟแล๊บ เท้าสะเอวมองบุตรสาวอย่างเอาเรื่อง
“แล้วแม่เคยทำหน้าที่แม่หรือเปล่าล่ะ” ปลายรุ้งพูดอย่างคับแค้นใจ เธอจำได้ว่าตั้งแต่เล็กๆ มาคนที่ดูแลเธอมาตลอดคือปิ่นปัทมาผู้เป็นพี่สาว แม้จะเป็นพี่สาวต่างมารดา แต่กลับรักเธอยิ่งกว่ามารดาแท้ๆ เสียอีก
“นังลูกคนนี้นี่ แกจะทำให้ฉันความดันขึ้นหรือไงห๊ะ” เมื่อเถียงไม่ได้ก็เอาความโมโหเข้าใส่ ไม่อยากยอมรับหรอกว่าไม่ได้ดูแลลูกเต้าเลยแม้แต่น้อย แค่อุ้มท้องคลอดออกมาก็บุญขนาดไหนแล้ว
“ปลายจ้ะ ไม่เอานะ ไม่เถียงแม่มันบาป” ปิ่นปัทมาปรามน้องสาว อย่างน้อยรัตนาก็เป็นผู้ให้กำเนิด น้องสาวเถียงไปก็มีแต่บาป ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่าใส่อารมณ์เข้าหากัน จะยิ่งทะเลาะกันรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“วันนี้ฉันจะเอาเลือดหัวแกออก นังลูกเวร” รัตนาคว้าอะไรที่อยู่ใกล้มือได้ก็ไล่ตีปลายรุ้งจนหนีเตลิดออกไปจากบ้าน ก่อนไปยังหันมาทำหน้าล้อเลียนจนนางควันออกหู โกรธจนตัวสั่นเทิ้มไปหมด
“นังลูกเวรนี่ มันเคยเห็นหัวฉันบ้างไหม” รัตนาพูดเสียงหอบด้วยความโกรธ ทิ้งไม้ในมือลงพื้นแล้วนั่งหอบๆ ด้วยความเหนื่อย
“น้ารัตใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะ ปลายยังเด็ก อาจจะไม่ได้ตั้งใจทำให้น้ารัตโกรธ” ถึงอย่างไรรัตนาและปลายรุ้งก็เป็นครอบครัว จะดีไม่ดียังไงเธอก็ไม่อยากพูดจารุนแรงให้ต้องเสียน้ำใจกัน
“ปัท... ปัทต้องช่วยพวกเรานะ” รัตนเห็นว่าปลายรุ้งวิ่งหนี หายออกจากบ้านไปแล้ว เธอจึงแกล้งบีบน้ำตาทันที ก่อนจะเข้าไปจับไม้จับมือลูกเลี้ยงสาว ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ สะอึกสะอื้นเหมือนใจจะขาดรอนๆ
“น้ารัตเป็นอะไรคะ ค่อยๆ เล่าให้ปัทฟังได้นะคะ ไม่ต้องร้องไห้นะคะ” ปิ่นปัทมากอดปลอบ ยังไงรัตนาก็เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เธอเหลืออยู่
“น้าน่ะโดนหลอกไปเข้าบ่อน มันหลอกโกงเงินน้า ฮือๆๆ” รัตนาปล่อยโฮออกมาต่อหน้าลูกเลี้ยงสาว สะอึกสะอื้นปาดน้ำตาเหมือนคนทุกข์หนัก
“โธ่... น้ารัต ไม่น่าเลย” ปิ่นปัทมาเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ไม่หยุดก็ใจคอไม่ดี คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจกันไม่ได้เลย หลอกลวงกันถึงขนาดพาเข้าบ่อนเลยเหรอ
“ตอนนี้ที่ดินกับบ้านหลังนี้หลุดจำนองคุณนายนวลแขไปแล้ว ฮือๆๆ” รัตนาร้องไห้หนักกว่าเก่า ก้มหน้าก้มตาซุกซ่อนแววตาบางอย่างเอาไว้ไม่ให้ลูกเลี้ยงได้เห็น
“ตายแล้ว” ปิ่นปัทมายกมือขึ้นทาบอก