บทที่32 การจากลา
1เดือนต่อมา
“นี่ๆรู้กันยัง ต้นกล้าจะย้ายโรงเรียนแหละ” เสียงซุบซิบดังมาจากในห้องทำให้พัญวลัยที่เพิ่งเดินกลับจากเอาชิ้นงานของเพื่อนๆในห้องไปส่งครูเอ่ยบอก วันนี้เป็นวันแรกหลังจากสอบเสร็จนักเรียนส่วนใหญ่จะส่งชิ้นงานที่ค้างไว้เพื่อเก็บคะแนน ไตรณรงค์และเด็กหนุ่มในห้องหลายคนไปแข่งกีฬาที่ตัวจังหวัดเธอจึงต้องเป็นคนรวบรวมงานของเพื่อนคนเดียว
“จริงอ่ะ ต้นกล้าจะย้ายเหรอ ใจหายว่ะ” จักรกฤษณ์เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ แม้จะสนิทกันแต่ก็ไม่รู้เลยว่าไตรณรงค์จะย้าย
“จริงดิ ฉันได้ยินป้าลินีคุยกับครูน้ำ เห็นว่าจะย้ายไปเรียนเทอมใหม่ที่กรุงเทพอ่ะ” กิ่งแก้วเอ่ยบอกตามที่ได้ยินมา ทำให้เพื่อนๆพากันใจหายไม่น้อย
“เออนี่พวกเรามาทำไดอารี่ให้ไอ้กล้ากันมั้ย เขียนถึงไอ้กล้ากันคนละหน้าทุกคนในห้องต้องเขียนเธอด้วยหัวหน้าห้อง หาของขวัญให้คนละชิ้นด้วย แล้วเดี๋ยววันปิดเทอมเอาให้กล้ามันให้มันไปเปิดอ่านทีหลัง” เพื่อนคนนึงเอ่ยบอกพร้อมทั้งชี้มาที่พัญวลัยที่เพิ่งเดินเข้ามาว่าเธอต้องเขียนด้วย
“จัดเลี้ยงส่งมันด้วยดีกว่า พั้นไหน ๆ กล้ามันก็จะไปกรุงเทพแล้วไม่รู้จะได้เจออีกเมื่อไหร่พวกเราขออย่าทะเลาะกันเลยนะ” จักรกฤษณ์เอ่ยบอก พัญวลัยที่ยังรู้สึกใจหายไม่ตอบได้แต่เดินไปนั่งข้างพิมพ์ลภัสและฟังเพื่อนคนอื่นลงความเห็น
หนึ่งอาทิยต์ก่อนวันปิดเทอม
“พั้น เธอยังไม่ได้เขียนไดอารี่เลยเอาไปเขียน แล้วก็ในฐานะหัวหน้าห้องเธอต้องเป็นตัวแทนเอาไปให้ไอ้กล้าวันที่มันจะไปกรุงเทพ” เพื่อนหนุ่มคนนึงเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นสมุดไออารี่ที่ทุกคนช่วยกันทำ ด้านหน้ามีรูปถ่ายหมู่ที่เพิ่งถ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อนติดไว้แล้ววิ่งไปเตะบอลกับเพื่อนในสนามหลังจากเลิกเรียน พัญวลัยลองเปิดสมุดหน้าแรกอย่างสนใจ
‘ถึงกล้าเพื่อนรักของพวกเรา ’ ตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยลายมือสวยงามฝีมือของพิมพ์ลภัส ด้านล่างตัวอักษรมีรูปถ่ายของไตรณรงค์ยิ้มอย่างน่ารัก เมื่อเปิดหน้าต่อไปด้านซ้ายจะเป็นรูปถ่ายของเพื่อนเจ้าของข้อความถ่ายร่วมกับไตรณรงค์ด้านขวาเป็นข้อความที่เพื่อนคนนึงเขียนถึงเด็กหนุ่ม และจะเป็นแบบนี้ทุกหน้า พัญวลัยเปิดมาจนถึงหน้าว่างที่ด้านซ้ายมีรูปของเธอถ่ายคู่กับไตรณรงค์
เด็กสาวจำรูปนี้ได้ในช่วงเทอมหนึ่งทั้งสองเป็นตัวแทนของห้องไปรับรางวัลหลังจากรับรางวัลเสร็จก็ลงมาให้เพื่อนถ่ายรูป ในตอนนั้นเพื่อนๆเหมือนจับปูใส่กระด้งเพราะเธอกับเขาไม่ยอมที่จะยืนร่วมเฟรมเดียวกันแต่สุดท้ายก็ได้รูปนี้มาเพราะยื้อยุดฉุดกระชากรางวัลเพื่อแย่งกันถือทำให้ถ้วยรางวัลจะตกแล้วเธอรับไว้แต่ก็จะล้มลงไปพร้อมถ้วยรางวัลแต่ไตรณรงค์มารับทั้งเธอและถ้วยไว้ ไตรณรงค์และพัญวลัยดีใจที่ถ้วยไม่ตกแตกจนเผลอหันมายิ้มให้กันและเพื่อนคนนึงก็ถ่ายรูปนี้เก็บไว้
“นายจะไปจริง ๆเหรอ ไหนว่าจะคอยป่วนชีวิตฉันไง” พัญวลัยได้แต่เอ่ยถามกับสายลมอย่างสับสน ‘มันคืออะไรกันความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ เธอควรดีใจไม่ใช่เหรอที่ตัวป่วนชีวิตจะออกไปพ้นๆ แต่ทำไมใจมันหวิวๆแปลกๆเหมือนกับว่าของสำคัญหายไปแบบนี้’
“เพี้ยน เค๊ากลับบ้านก่อนนะ วันนี้จะทำอาหารทะเลให้พี่ธามกินต้องไปซื้อของที่ตลาด” พิมพ์ลภัสที่เดินมาข้างหลังเอ่ยบอก
“อืมมมม กลับก่อนเลยเค๊ายังต้องไปหาครูเบญ” พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะเก็บไดอารี่ปกแข็งลงในกระเป๋าแล้วเดินไปห้องพักครู
“เอาล่ะ พัญวลัย ไตรณรงค์ กลับบ้านกันได้แล้วจ๊ะนี่ก็จะห้าโมงครึ่งแล้ว กลับค่ำๆเดี๋ยวผู้การพี ผู้การลพ จะมาตามถึงที่” เบญญาภาครูสาววัย28เอ่ยบอกนักเรียนทั้งสองที่เธอขอให้อยู่ช่วยงาน
“งั้นหนูกับก่อนนะคะครูเบญ สวัสดีค่ะ” พัญวลัยเอ่ยก่อนที่จะสะพายกระเป๋าเดินออกไป ไตรณรงค์มองตามอีกฝ่ายอย่างสับสน
“ถ้าชอบเขาก็ตามไปบอกเขาสิ ก่อนที่มันจะสาย ดูอย่างครูสิถ้าบอกชอบรุ่นพี่ก่อนที่จะย้ายมาเนี่ยคงได้แต่งงานมีลูกไปแล้ว” ครูสาวเอ่ยลอย ๆก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาเก็บเอกสารมาดู ไตรณรงค์พ้นลมหายใจร้อนออกมาก่อนที่จะยกมือไหว้ครูสาวแล้วฉวยกระเป๋านักเรียนวิ่งตามพัญวลัยออกไป เบญญาภาเงยหน้าขึ้นมามองก่อนที่รอยยิ้มจะเผยออกมา
‘บื้อจริงจริ๊งหลานชายฉัน ชอบเขาแต่กัดเขาทุกวันแล้วนี่เขาจะเชื่อมั้ยเนี่ย ทำตัวเองแท้ๆต้นกล้าเอ้ย’ เบญญาภาเอ่ยในใจก่อนที่จะทำงานที่ค้างอยู่ต่อ เบญญาภาเป็นอาแท้ๆของไตรณรงค์ เด็กหนุ่มปรึกษากับเธอทุก ๆเรื่องรวมถึงเรื่องของพัญวลัยที่เจ้าหลานชายของเธอมาปรึกษาว่าชอบพอพัญวลัยมากแต่พอรู้ว่าพ่ออยากให้ไปอยู่ด้วยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
หน้าโรงเรียน
“โอ๊ย ยัยพั้นซวยอะไรแบบนี้” พัญวลัยที่ปั่นจักรยานออกมาถึงหน้าโรงเรียนบ่นออกมาหลังจากปั่นมาสักพักเธอก็รู้สึกว่ายางรถจักรยานของเธอดูฝืดๆพอจอดแล้วมองดูจึงรู้ว่าลมยางมันรั่ว
“จักรยานเป็นไรเปล่าพั้น” ไตรณรงค์ที่ปั่นจักรยานตามออกมาเอ่ยถามก่อนที่จะเอ่ยเสียงนุ่มกว่าปกติที่เคยคุยกัน “ไหน ๆก็จะไม่ได้เจอกันแล้วคุยกันดี ๆนะเว้ย ให้เราได้มีความทรงจำดี ๆเกี่ยวกับเธอบ้าง”
“ลมยางรั่ว สงสัยไปโดนเศษแก้วมั้ง” พัญวลัยที่เจอเสียงนุ่นเข้าไปถึงกับพูดเสียงอ่อนลงกว่าที่เคย
“งั้นเอาไปฝากไว้ร้านป้าอบก่อนเดี๋ยวเราไปส่ง” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะเอ่ยเสียงอ้อนขึ้น “ให้เราไปส่งนะ”
“ก็ได้ เดี๋ยวเอารถไปฝากป้าอบก่อน” พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะจูงจักรยานไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามโรงเรียนก่อนที่จะวิ่งกับมานั่งซ้อนจักรยานของไตรณรงค์
“กอดดิ ไม่กอดไว้ตกลงไปไม่รู้ด้วยนะ” ไตรณรงค์เอ่ยก่อนที่จะเอี้ยวตัวมาจับมือทั้งสองข้างของพัญวลัยมากอดเอวเขาไว้ “กอดไว้แน่นๆ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาก”
“ไปล้มหัวฟาดพื้นป่ะเนี้ยมาพูดเสียงนุ่มเสียงหวานใส่” พัญวลัยเอ่ยบ่นเบาๆ
“หัวไม่ได้ไปฟาดพื้นมาหรอก ส่วนทำไมเราถึงพูดหวานกับเธอเดี๋ยวก็รู้” ไตรณรงค์ที่ได้ยินเอ่ยบอกก่อนที่จะปั่นไปเรื่อยๆจนอยู่ ๆก็หยุดลงแถวชายหาดซึ่งพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าบรรยากาศรอบข้างเหมาะกับการสารภาพรักเหลือเกิน
“อ้าว หยุดทำไม” เด็กสาวที่นั่งซ้อนท้ายมาเอ่ยถามอย่างสงสัยอีกไม่ไกลก็ถึงบ้านของเธอแล้วแท้ๆไตรณรงค์จะหยุดทำไม
“รู้แล้วใช่มั้ยว่าเราจะย้าย ก่อนที่จะไปเรามีเรื่องจะบอกเธอ” ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะจอดจักรยานไว้แล้วเอื้อมมือไปจับมือของพัญวลัยไว้จากนั้นก็พามาที่ชายหาด
“นายมีอะไรต้นกล้า นี่จะค่ำแล้วนะพ่อพีเป็นห่วง ถ้านายจะดูพระอาทิตย์ตกฉันเดินกลับเองก็ได้” พัญวลัยเอ่ยก่อนที่จะสะบัดแขนออกก่อนที่จะเดินออกไป
“เราชอบเธอ” ไตรณรงค์เอ่ยบอกเสียงดังทำให้ปลายเท้าบางหยุดชะงักก่อนที่จะหันกลับไปมองราวกับว่าเธอคงหูฟาดก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป
“นะ นายว่ายังไงนะ คือฉัน” “เราชอบเธอ ชอบมานานแล้วด้วย” ยังไม่ทันที่พัญวลัยจะได้ถามจบเด็กหนุ่มก็เอ่ยสวนขึ้น
“เราไม่รู้หรอกว่าชอบเธอตอนไหน แต่ที่แน่ ๆเวลาได้อยู่ใกล้เธอเราใจเต้นแรงตลอดเลย เรามีความสุขที่เห็นเธอยิ้ม เธอโกรธ เธองอน ชอบที่เธอหัวเราะ ชอบเวลาที่เธอต่อปากต่อคำกับเรามันรู้สึกเหมือน…เหมือนเราอยู่ในสายตาเธอขึ้นมา” ไตรณรงค์เอ่ยบอก “เราไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกเหมือนเราบ้างรึเปล่า”
“เอ่อ…ตะ ต้นกล้าฉันตั้งตัวไม่ทันนะ นายจะแกล้งอะไรฉันอีก อยู่ ๆมาทำเหมือนสารภาพรักกันแบบเนี่ย” พัญวลัยที่ตกใจไปหลายนาทีเอ่ยบอกหลังจากหาเสียงตัวเองเจอก่อนที่จะพูดต่อขณะที่ปลายเท้าบางข้างขวาเขี่ยพื้นทรายไปมาอย่างเขินอาย “คือมันตั้งหลักไม่ทันนะ อยู่ ๆมาทำแบบนี้น่ะ ถ้าคิดจะแกล้งกันอย่าเล่นแบบนี้ดิ”
“เราไม่ได้แกล้ง พูดจริง ๆ เราชอบเธอจริง ๆแล้วที่บอกก็ไม่ได้อยากให้เธอมารักตอบแต่แค่อยากให้รู้เอาไว้เท่านั้น” ไตรณรงค์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและมั่นคง “จะรักเราตอบรึเปล่าไม่สน สนแค่อยากให้รู้ว่าเราจะเป็นทาสรักของเธอตลอดไป”
“เอ่อ…กล้าไม่ได้อยากว่านะแต่…เลี่ยนไปมั้ย อำฉันแรงไปนะ เลิกล้อเล่นได้แล้ว จะให้เชื่อได้ไง วันๆนายเอาแต่กวนประสาทฉัน กลั่นแกล้งฉันตลอด ไม่เคยมีวี่แววแบบคนชอบกันเขาทำกันเลยนะ” พัญวลัยเอ่ยบอก ตอนนี้เธอทั้งมึนงงและสับสน คนที่คอยแกล้งเธอตลอดกัดกันตลอดจะมาชอบเธอได้ยังไงกัน แล้วเธอล่ะคิดแบบเรารึเปล่า? อีตานี่อำเธอแน่ ๆ
“ฟังนะพั้น ที่เราเข้าไปกวนไปกัดเธอบ่อย ๆ เพราะเราอยากให้เธอสนใจเราบ้างอยากไปอยู่ใกล้ๆ อยากให้เธอเห็นเราอยู่ในสายตาตลอด เราชอบเธอ เราชอบเธอ ต้นกล้าชอบพั้น รักพั้น ได้ยินมั้ย” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะหันหน้าไปทางทะเลแล้วตะโกนออกไป
“เฮ้ยเบาๆดิ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าหรอก ไอ้บ้านี่” พัญวลัยเอ่ยก่อนที่จะรีบวิ่งลนลานไปยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่าย ไตรณรงค์ยกมือขึ้นจับนิ้วเรียวไว้ก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนมือบางลงจากริมฝีปากของตนก่อนที่มืออีกข้างจะรวบมือบางอีกข้างของพัญวลัยมากุมไว้
“กล้ารักพั้นนะ พีมก็รู้ กล้าไม่ขอให้พั้นรักกล้าตอบ แต่ขอให้จากนี้ไปอนุญาตให้กล้ารักพั้นนะ” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่าฟังที่เขาไม่เคยใช้กับเด็กสาวตรงหน้าเลย
“เอ่อ…ต้นกล้าคือฉันสับสนนะ ให้ฉันตั้งสติก่อนได้มั้ย เดี๋ยวค่อยตอบวันหลังได้รึเปล่า” พัญวลัยเอ่ยบอก หลังจากถูกคู่ปรับจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งหลัก
“ได้สิ ได้เสมอถ้าเธอต้องการ กล้าไม่มีข้อแม้ตั้งแต่เริ่มชอบพั้นแล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือเด็กสาวแน่นขึ้น “กล้าจะรอนะพั้น รอให้พั้นอนุญาตให้กล้ารัก และยอมรับรักของกล้า จากนี้ไปเก็บทาสรักคนนี้ไว้พิจารณาด้วยนะ กล้าไม่อยู่คงมีแต่คนเข้ามาจีบพั้นแต่อย่าลืมเก็บกล้าคนนี้ไว้พิจารณานะ”
“กะ กล้า ตอนนี้ฉันงงมาก แต่บอกนายได้อย่างนึง นายจะรักหรือไม่รักฉันก็ได้ ส่วนไอ้เรื่องรับรักอะไรนั้นให้ฉันได้ทบทวนกับตัวเองก่อน บอกตามตรง...มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย” พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะมองไปที่สองมือที่ถูกเกาะกุมไว้ใจสั่นหวิวอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้สึกว่าอีกไม่นานมือที่เกาะกุมเธอไว้จะหายไป
“ได้สิ เอาเป็นว่ากล้าให้เวลาพั้นคิด แต่ถ้าเราเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่กล้าจะจีบพั้น…จะทำให้พั้นมาเป็นแฟน เป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกเป็นคู่ชีวิตให้ได้ ไปเถอะเดี๋ยวกล้าไปส่ง ขืนค่ำกว่านี้ว่าที่พ่อตาในอนาคตจะเกลียดขี้หน้าเอา” ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะโดนเท้าบางเตะเข้าให้
“ใครไปเป็นว่าที่พ่อตานายหะ จีบลูกเขายังไม่เคยสักครั้งดีแต่แกล้ง” พัญวลัยเอ่ยก่อนที่เด็กหนุ่มจะปล่อยมือบางให้เป็นอิสระและพากันเดินไปที่รถจักรยาน
“กอดหน่อยดิ อีกหน่อยก็จะไม่ได้เจอกันแล้ว” คนที่อยู่ ๆก็มาสารภาพรักกันเอ่ยอกหลังจากทั้งสองกลับมานั่งอยู่บนจักรยาน พัญวลัยถอนหายใจออกมาก่อนที่จะกอดเอวหนาไว้
“ว้าย ไอ้ข้าวยังไม่โตขี่ดี ๆดิ” พัญวลัยเอ็ดคนที่ปั่นจักรยานเซไปเซมาจนเธอกอดเอวดขาไว้แน่น ไตรณรงค์ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่จะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นพีรวัศยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล
“น้องพั้นมานี่ ส่วนนายขอบใจที่มาส่ง แต่ถ้าไม่จำเป็นอย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันเด็ดขาด” พีรวัศเอ่ยบอกทันทีที่ไตรณรงค์จอดรถลงตรงหน้า ร่างสูงตีหน้ายักษ์พร้อมแยกเขี้ยวใส่อย่างไม่ชอบใจที่ไอ้เด็กนี่มันแกล้งให้ลูกเขากอดมัน
“ไปดิ ยืนบื้ออยู่ได้หรืออยากเจอดี เก็บหน้าหล่อๆไว้โชว์สาวกรุงเทพเถอะไอ้หนุ่ม อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันอีกไม่งั้นหน้าเละแน่ ไปบอกเด็กผู้ชายคนอื่นด้วยอย่ามาจีบลูกสาวฉัน” คนหวงลูกเอ่ยก่อนที่จะจูงมือพัญวลัยกลับบ้าน
“เฮ่อ เคยได้ยินว่าคนเคยเจ้าชู้มักหวงลูกท่าจะจริง ผมไม่ยอมแพ้หรอกคุณว่าที่พ่อตา ไว้เรียนจบเมื่อไหร่จะยกขันหมากมาขอเลย ฝันดีนะพั้น จุ๊บๆ” ไตรณรงค์เอ่ยตะโกนให้พีรวัศได้ยินภอย่างอยากยั่วประสาทก่อนที่จะรีบปั่นจักรยานออกไป
“ห้ามหนูไปยุ่งกับหมอนั้นอีก ห้ามเข้าใกล้ ห้ามมันหรือใครจับมือ ห้ามไปไหนมาไหนสองต่อสองกับเจ้าหนุ่มนั้นหรือใครทั้งนั้น ห้ามๆ ๆ แล้วก็ห้าม โดยเฉพาะไอ้เด็กกวนตี_ไตรณรงค์ พ่อไม่ชอบมัน มันกวนประสาท” พีรวัศเอ่ยบอกเสียงดัง พัญวลัยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับความขี้หวงของคุณพ่อลูกสอง
“อ้าว ถ้าจะหวงขนาดนี้พั้นจะได้เป็นดารามั้ยเนี้ย เฮ่อ ถูกของกล้านะคนเจ้าชูมักหวงลูกสาว ไปบอกแม่พลอยดีกว่าาาาา” พัญวลัยพูดก่อนที่จะวิ่งเข้าบ้านไปทันที พีรวัศได้แต่วิ่งตามไปอย่างกลัวระเบิดจะลง
