เจ้าสาววังบูรพา

72.0K · จบแล้ว
อาคาเซีย/แวววิวาห์/สลิลโรส/ผิงอัง
66
บท
11.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ถึงจะมีวาสนาร่วมกัน ได้เป็นคู่หมั้นของท่านอ๋องน้อยแห่งวังบูรพาตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่ขวบแต่ ‘มู่ ชิงชิง’ ก็มิได้สุขสบายอย่างที่ใคร ๆ ต่างพากันอิจฉา เมื่อเคราะห์ซ้ำกรรมซัดบ้านสกุลมู่ถูกให้ร้าย ซ้ำยังถูกสังหารยกครัวเพื่อปิดปาก นางซึ่งเป็นคุณหนูของสกุลมู่ที่รอดตายเพียงหนึ่งเดียวกลับถูกหัวหน้าพ่อบ้านมาขายเข้าหอนางโลมชิงชิงจำต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปากเพื่อท้อง และเพื่อความอยู่รอดของตนเองแต่เมื่อฮุ่ยเหนียงแม่เล้าของหอบุปผาสวรรค์ต้องการขายนาง ชิงชิงจึงต้องปลอมตัวเป็นชายในนาม ‘ชิงเทียน ’และหลบหนีจากที่นั่นเพราะนางไม่อยากตกเป็น ‘สินค้า’ ทว่าโชคชะตาก็กลับพลิกผันอีกครั้ง นางได้กลายมาเป็นบ่าวรับใช้ที่ ‘วังบูรพา’แม้พยายามปกปิดฐานะแท้จริงของตัวเอง แต่ท่านอ๋องน้อยก็ดูเหมือนจะรู้ทันนางไปซะทุกเรื่อง ซ้ำเขายังจ้องจะเปิดโปงนางเสียอีก----แม้ชีวิตจะมีทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่ชีวิตของท่านอ๋องน้อย ‘อ้าย เอี้ยนถง’ ก็มิได้สมบูรณ์แบบอย่างที่ใครเข้าใจหมั้นหมายครั้งแรก บ้านเจ้าสาวถูกเพลิงไหม้ เจ้าสาวของเขาเสียชีวิตหมั้นหมายครั้งที่สอง เจ้าสาวล้มป่วยและเสียชีวิตลงด้วยโรคประหลาดหมั้นหมายครั้งที่สาม เจ้าสาวหนีวิวาห์ ด้วยการหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปกับคนเลี้ยงม้า!!!หากเป็นเหตุสุดวิสัยเขาจะไม่ว่าเลย แต่นี่เป็นความตั้งใจของใครบางคน และเขาก็รู้สืบจนรู้ว่าเป็นฝีมือ ‘ชิงเทียน’ บ่าวรับใช้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในวังบูรพา งานนี้เขาจึงต้องคิดบัญชีกับคนผู้นี้ให้สาสม ทว่าเขาก็ค้นพบความลับบางอย่าง ชิงเทียนหาใช่บุรุษ แต่นางเป็นอิสตรี ซ้ำยังเป็นสตรีที่ทำให้เลือดในกายของเขาร้อนระอุ!----“แต่อะไร?” ไม่เพียงถามท่านอ๋องน้อยยังลูบไล้เรียวแขนของหญิงสาว จากนั้นเขาก็จัดการกับเสื้อของนาง ทว่าเขาต้องหยุดชะงักแค่นั้นเมื่อเห็นแผลเป็นที่น่าเกลียดตรงบริเวณหัวไหล่“แผลนี่ เจ้าโดนอะไรมา?”ชิงชิงไม่ตอบ นางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว พอท่านอ๋องน้อยจุมพิตบริเวณหัวไหล่ นางก็รู้สึกซาบซ่านไปทั้งกาย ริมฝีปากอุ่นของเขาช่างมีอิทธิพลต่อนางมากนัก มันทำให้นางรู้สึกปั่นป่วนไปทั้งช่องท้อง ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายจนไม่อาจสู้หน้าใครได้“ข้าถาม ไม่ได้ยินหรือ?”“ไฟไหม้... ข้าน้อยจึงถูกไฟลวก” ตอบไปแล้วน้ำตาก็เอ่อล้นดวงตา มันเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับนาง แม้จะผ่านวันเวลานั้นมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ฝันร้ายนั่นยังตามหลอกหลอนนางไม่สิ้นสุดทว่าจุมพิตที่เร่าร้อนที่ท่านอ๋องน้อยประทับบนรอยแผลเป็นก็ทำให้นางแทบละลายจนลืมสิ้นทุกสิ่ง

นิยายจีนโบราณพลิกชีวิตรักหวานๆคนรับใช้หนีแต่งงานจีนโบราณโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทนำ เจ้าสาววังบูรพา (1)

เกล็ดน้ำแข็งโปรยปรายจากฟากฟ้า เกาะเกี่ยวตามกิ่งไม้แห้ง หลังคาบ้านเรือนและถนนหนทางจนขาวโพลน รวมทั้งสายลมเย็นยะเยือกที่พัดโชยผ่านช่างเหน็บหนาวจนสั่นสะท้านกาย แม้จะมีเสื้อคลุมสวมใส่ แต่เสื้อที่ทั้งเก่าและขาดเป็นรูก็ปกป้องนางจากความหนาวเหน็บที่กำลังทวีความรุนแรงไม่ได้

ซี่ฟันกระทบกันดังกึกกึกจนปวดกรามไปหมด ยิ่งหิมะตกใส่โดนผิวแก้ม มันก็ทำให้นางสะดุ้งราวกับถูกเข็มทิ่มแทง ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ ‘มู่ ชิงชิง’ ก็กัดฟันทน ขอแค่ผ่านค่ำคืนนี้ไปเท่านั้น...

ใช่ แค่ผ่านคืนนี้เท่านั้น นางทนได้!

ต่อให้เหน็บหนาวจนร่างเป็นน้ำแข็ง นางก็จะทน!

พอคนของหอบุปผาสวรรค์ที่ออกไล่ล่านางวิ่งผ่านไปพักใหญ่ชิงชิงก็คลานออกจากตรอกเล็ก ๆ ซึ่งมีข้าวของตั้งวางระเกะระกะสูงท่วมหัว แต่มันก็ใช้เป็นที่อำพรางตัวได้ดีนัก รอเวลาผ่านไปครู่ใหญ่นางก็มุดออกมา โดยยังแอบซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะของร้านค้าซึ่งมีหิมะเกาะ

มองซ้ายมองขวาอย่างถี่ถ้วนและเห็นว่าปลอดภัย ไม่มีคนของหอบุปผาสวรรค์แล้ว ชิงชิงก็คลานออกจากใต้โต๊ะแล้วฉวยโอกาสนี้หลบหนี

ทว่าออกจากที่ซ่อน มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองไม่ทันไร คนของบุปผาสวรรค์ที่ไปดักรอก็เจอนางเข้าเสียก่อน ด้วยเหตุนี้ชิงชิงจึงต้องวิ่งหนีชนิดไม่คิดชีวิตอีกครั้ง

“ซวยแล้ว!” หญิงสาวรีบหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีชนิดไม่คิดชีวิต

“อยู่นั่น จับเร็ว!!”

เสียงตะโกนของชายร่างยักษ์คือแรงกระตุ้นชั้นเลิศ คนผู้นี้คือลูกน้องมือขวาของ ‘ฮุ่ยเหนียง’ แม่เล้าของหอบุปผาสวรรค์ โชคดีที่นางชำนาญเส้นทางนี้ เพราะนางถูกฮุ่ยเหนียงและพี่สาวในหอนางโลมใช้ออกมาซื้อของอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้นางรู้จักตรอกซอกซอยเป็นอย่างดี

วิ่งมาพักใหญ่จนหอบเหนื่อย แต่คนพวกนั้นยังไม่ละความพยายามจะไล่จับนาง ชิงชิงจึงจำต้องหาที่หลบซ่อนตัวอีกครั้ง นางไม่ลังเลที่จะเข้าไปหลบซ่อนในบ้านร้างผีสิงซึ่งอยู่ท้ายตรอก

ผีว่าน่ากลัวแล้ว แต่หากนางถูกคนพวกนี้จับตัวได้ล่ะก็ ย่อมน่ากลัวกว่าการเผชิญหน้ากับผีหลายเท่า!!

พอมุดผ่านรอยแตกของกำแพงเข้ามาได้ ชิงชิงก็รีบหาที่ซ่อนตัวเป็นอันดับแรก โดยนางได้ใช้วิธีเดินถอยหลัง และใช้บ่อน้ำเป็นที่อำพรางกาย หลบได้เพียงอึดใจเดียวเสียงถีบประตูก็ดังขึ้น พร้อมเสียงโวยวายของคนที่ไล่ตามนางมา

“ข้าเห็นนางวิ่งมาทางนี้” ใครบางคนที่ไล่ตามชิงชิงเอ่ยอย่างมั่นใจ

“นี่มันบ้านผีสิง ไม่มีใครกล้าเข้าไปหรอก”

“แต่ข้าเห็นนางวิ่งมาทางนี้จริง ๆ“

“ถ้าเจ้ามั่นใจแบบนั้นก็นำทางเข้าไปเลย” คนพูดดันหลังให้สหายนำทางไป

พอก้าวผ่านประตูบานเก่าผุพังเข้ามายังบริเวณบ้านที่ปกคลุมด้วยหิมะ บรรยากาศก็วังเวง ชวนให้เส้นขนลุกชันมากกว่าเก่า มันไม่ใช่แค่ความหนาวเย็น แต่เป็นเพราะความน่ากลัวของสถานที่

รอบกายไร้แสงไฟใด ๆ ต้นไม้ที่ยืนต้นตายแผ่กิ่งก้านแห้ง ๆ ดูราวกับภาพปีศาจร้าย เห็นความวังเวงนี้แล้วคนตาขาวก็กลืนน้ำลายลงคอ

“ไม่เห็นมีใครเลย”

“ต้องมีสิ ข้าเห็นกับตาว่านางวิ่งมาทางนี้จริง ๆ” ผู้พบเห็นชิงชิงยืนยันเสียงแข็ง “ดูสิที่พื้นมีรอยเท้าด้วย รอยยังใหม่ ๆ อยู่ ต้องเป็นรอยเท้าของนางแน่ ๆ”

“เจ้าแน่ใจเหรอ?” คนตาขาวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวง มองไปทางไหนก็ดูวังเวงราวกับอยู่สุสานไม่มีผิด ที่แย่กว่านั้นเขากลับรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนจับจ้องอยู่ในความมืด

“แน่ใจสิ”

“แต่ข้าว่ามันแปลก ๆ อยู่นะ เหตุใดรอยเท้าถึงมาจากบ่อน้ำ เหมือนปีนขึ้นจากบ่อน้ำไม่มีผิด โอ๊ย! เจ้าตบหัวข้าทำไม?” คนกลัวผีเอามือลูบหัวตัวเองพลางทำหน้ายุ่ง

“กลัวไม่เข้าเรื่อง รีบไปดูเถอะ ได้ตัวนางกลับไปฮุ่ยเหนียงจะได้อารมณ์ดี”

คนกลัวผีกลอกตามองบน ผีว่าน่ากลัวแล้วแต่อารมณ์แปรปรวนของอิสตรีย่อมน่ากลัวกว่า โดยเฉพาะฮุ่ยเหนียง แม่เล้าของหอบุปผาสวรรค์

“เจ้านำไปสิ”

พอก้าวได้เพียงก้าวเดียว อยู่ ๆ เสียงสุนัขหอนก็ดังขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงแปลก ๆ ที่ทำให้ขนคอลุกชัน ยิ่งมีแรงลมพัดผ่านทำเอาบานประตูปิดเข้าหากันดังปังก็ยิ่งทำให้คนตาขาวกลัวหนักกว่าเดิม

กลัวจนก้าวขาไม่ออก...