ตอนที่ 3 เพื่อนคนใหม่
ชุติกาญจน์นอนซมอยู่บนที่นอนร่างกายเจ็บร้าวระบมไปทั่ว เธอได้แต่สาปแช่งผู้ชายสารเลวคนนั้นให้ได้พบกับความเจ็บปวดเหมือนกับเธอ สูญเสียในสิ่งที่รักและหวงแหนเช่นเดียวกับเธอ
“คุณกานคะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” แม่บ้านวัย 40 ปีเคาะเรียกหญิงสาวเมื่อเห็นว่าสายมากแล้วแต่หญิงสาวก็ยังไม่ลงไปด้านล่าง
“เปล่าค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อยขอกานนอนพักสักวันนะคะ” หญิงสาวตะโกนตอบกลับไป
“แล้วทานยาหรือยังคะ ทานข้าวต้มไหมคะเดี๋ยวป้าไปทำมาให้”
“ไม่ล่ะคะป้า กานอยากนอนมากกว่าค่ะ บอกคุณป้าด้วยนะคะว่ากานขอหยุดพักวันหนึ่งไม่ลงไปช่วยงานด้านล่างนะคะ”
“ค่ะ ป้าจะบอกให้นะคะแต่คุณกานไม่เป็นอะไรแน่นะคะ”
“จ้ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“งั้นป้าไปก่อนนะคะมีอะไรก็เรียกนะคะ” สายหยุดเดินหันหลังลงไปชั้นล่างตามเดิม ชุติกาญจน์ปล่อยน้ำตาลงมาอีกครั้งเธอไม่ได้นอนทั้งคืนร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแทบไม่มีน้ำตาให้ไหล อยากระบายออกมาเป็นคำพูดแต่ใครเล่าจะรับฟังเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ได้
น้อมจิต วรรณนาและประภาสนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ที่โต๊ะอาหาร วรรณนาเงยหน้าขึ้นถามแม่บ้านเมื่อเห็นว่าเดินลงมาคนเดียว “แล้วหนูกานล่ะ”
“คุณกานบอกว่าไม่สบายน่ะค่ะ” แม่บ้านรายงานนายหญิงของตนเอง
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” วรรณนามีสีหน้าเป็นกังวล
“เธอบอกว่าปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
“เดี๋ยวสายหยุดทำข้าวต้มขึ้นไปให้เธอทานด้วยนะ”วรรณนาสั่ง คุณหญิงน้อมจิตหันมาค้อนให้ลูกสะใภ้
“ป่วยแค่นิดหน่อยไม่ต้องเอาใจกันมากขนาดนั้นหรอกแม่วรรณ”
“แต่ถ้าปล่อยไว้นานก็อาจเป็นอันตรายได้นะครับคุณแม่” ประภาสออกรับแทนภรรยา
“เอาใจกันเข้าไปลูกก็ไม่ใช่ ไม่รู้ว่าพวกแกเห็นดีอะไรนักหนา” น้อมจิตบอกอย่างหมั่นไส้
“นั้นสิคะคุณย่า” เพ็ญพักตร์เดินเข้ามาทันได้ยินทั้ง 3 คนคุยกันพอดี
“ตื่นแล้วหรือผิดปรกติไปหรือเปล่า” วรรณนาพูดเหน็บบุตรสาว
“โธ่ คุณแม่ขาพักตร์ก็ตื่นของพักตร์แบบนี้ทุกวันเพียงแต่ไม่อยากลงมาก็เท่านั้น”
“แล้วเมื่อไรแกคิดจะทำงานเสียทีจบมาตั้ง 4 ปีแล้ว” ประภาสเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว
“เอ๊ะ พวกเธอนี่ยังไงกันฉันเคยบอกแล้วไงว่าระดับหลานสาวคุณหญิงน้อมจิตไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้” คุณหญิงพูดเข้าข้างหลานสาว
“พอทีเถอะครับคุณแม่...คุณแม่ควรสอนให้ยัยพักตร์เป็นแม่บ้านแม่เรือนได้แล้วนะครับอีกหน่อยถ้าแต่งงานกับเจ้าชายไปแล้วเขาจะได้ว่าไม่ได้ว่าเราไม่ได้สั่งสอนลูกหลานให้เป็นกุลสตรี ผมว่าคุณแม่เลิกตามใจยัยพักตร์ได้แล้วนะครับ”
“แกพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้วยัยพักตร์ไม่ต้องการแต่งงานกับเจ้าชายอะไรนั่น เขามีคนรักอยู่แล้ว” ทั้งประภาสและวรรณนาหันไปมองหน้ากันอย่างอัตโนมัติ
“ไม่ได้นะครับคุณแม่เรื่องนี่เป็นเรื่องใหญ่จะมาทำเป็นเรื่องเล่นๆไม่ได้”
“ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมให้หลานสาวฉันไปแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติแบบนั้นหรอก ถึงจะรวยแค่ไหนก็ตามถ้าเธอ 2 คนรักลูกก็ควรทำตามที่ลูกต้องการไม่ใช่มาบังคับลูก”
ประภาสส่ายหน้า “คงไม่ได้หรอกครับคุณแม่ผมเพิ่งได้รับบัตรเชิญจากองค์สุลต่านอาซิมเมื่อวานนี้ท่านเชิญยัยพักตร์ไปร่วมฉลองวันขึ้นครองราชของท่านและต้องการให้ยัยพักตร์กับเจ้าชายได้ทำความรู้จักกันด้วยแล้วงานแต่งงานก็จะจัดขึ้นในอีก 1เดือนข้างหน้าเราทำอะไรไม่ได้แล้วนะครับคุณแม่” ประภาสประสานมือมาไว้ที่ใต้คาง
“ไม่นะคะคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่าขาหนูไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นหนูรักอยู่กับวราวุธและเราก็ได้เสียกันแล้วด้วย” เพ็ญพักตร์บอกอย่างไม่อายเล่นเอาผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนอ้าปากค้าง
“ฉันจะเป็นลม” น้อมจิตเอามือทาบอกวรรณนารีบลุกมาดูแม่สามี
“สายหยุดเอายาดมมาเร็วเข้า” วรรณนาบอกและเข้าไปประคองแม่สามีทันที
“งามหน้าดีนักนะลูกสาว สส.ประภาสไปนอนกับผู้ชายเหมือนผู้หญิงข้างถนน” ประภาสกำมือแน่นด้วยความโกรธ
“หนูไม่สนใจหรอกนะคะว่าใครจะคิดยังไงหนูรักวุธและถ้าคุณพ่อยังบังคับหนูอีกหนูก็จะหนีตามไปกับวุธและไปอยู่ต่างประเทศไม่กลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวประกาศก้องแล้ววิ่งขึ้นห้องไป
“อย่านะลูกอย่าไปจากย่า”ผู้เป็นย่าร้องเรียกหลานสาว
“แกเห็นหรือยังว่าแกทำอะไรลงไปถ้าหลานสาวฉันเป็นอะไรไปฉันกับแกตัดแม่ตัดลูกกัน” คุณหญิงตวาดใส่หน้าบุตรชายและเดินตามหลานสาวขึ้นไปบนห้อง
“ใจเย็นๆนะคะคุณ” วรรณนาเดินมาจับแขนสามี
“ผมคิดผิดจริงๆที่ให้คุณแม่เลี้ยงลูกสาวของเรา” ประภาสมองหน้าภรรยา
“ไม่ผิดหรอกค่ะ ท่านเลี้ยงยัยพักตร์ด้วยความรักและความเอาใจใส่แต่ท่านเลี้ยงผิดวิธีเท่านั้นเอง เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะทำยังไงกับเรื่องบัตรเชิญและงานหมั้นที่จะเกิดขึ้น” วรรณนาเดินตามสามีออกมาจากห้องอาหารเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น
“ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันมันเกี่ยวถึงศักดิ์ศรีของราชวงศ์เชียวนะวรรณทางนั่นจะยอมเหรอลองคิดดูสิถ้าเป็นวรรณๆจะยอมหรือ”
วรรณนาถอนใจ “คงยอมไม่ได้หรอกค่ะที่ว่าที่เจ้าสาวไปมีชายอื่นวรรณกลัวเหลือเกินค่ะภาส กลัวว่าทางคูลฮาร์นจะเอาเรื่องเรา” ประภาสดึงมือภรรยามากุมเอาไว้อย่างปลอบใจ “คงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก”
“คุณผู้ชายคะมีแขกมาขอพบค่ะ” สาวใช้วัยเด็กเข้ามารายงาน
“ใครกันหรือคะ”วรรรนามองหน้าสามีอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้”ประภาสยิ้ม พอดีกับที่จิรดาเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” หญิงสาวยิ้มให้ผู้อาวุโสทั้งสอง
“ยัยดา” วรรณนาอุทานอย่างดีใจเมื่อเห็นหลานสาวของสามี จิรดาเป็นลูกสาวของน้องชายประภาสแต่ไปรักกับสาวบ้านนอกจึงถูกคุณหญิงตัดออกจากกองมรดก หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ ประภาสและวรรณยกมือรับไหว้หลานสาว
“เหนื่อยหรือเปล่าลูก” ประภาสเดินมาโอบบ่าหลานสาวให้ไปนั่งที่เก้าอี้
“ไม่ค่ะสนุกดีค่ะ คุณลุงกับคุณป้าสบายดีนะคะ”
“สบายดีแล้วพ่อกับแม่ของเราสบายดีหรือเปล่า” ประภาสถามถึงน้องชายและน้องสะใภ้
“สบายดีค่ะตามประสาชาวบ้าน คุณพ่อกับคุณแม่ฝากความคิดถึงมาถึงคุณลุงกับคุณป้าด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มร่าเริง จิรดามีใบหน้าที่หวานคิ้วดกเรียวเหมือนกับน้องชายของเขา “แล้วคุณย่าสบายดีหรือคะ”
“สบายดีตามประสาของท่านนั่นแหละ”ประภาสตอบ
“หนูมาเที่ยวหรือจ้ะ”วรรณนาถามบ้าง
“เปล่าหรอกค่ะคุณลุงให้ดามาช่วยเป็นเลขาส่วนตัวของท่านน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบ วรรณนาหันไปมองทางสามี “ใช่จ้ะผมจะให้หนูดามาเป็นเลขาส่วนตัวจัดตารางงานให้ผมและให้หนูกานไปเป็นเลขาที่สำนักงานคอยดูแลเรื่องทั่วๆไป” วรรณนาพยักหน้ารับ
“แล้วคุณคุยกับยัยกานหรือยังคะ” เธอถามสามี
“ยังเลยว่าจะคุยวันนี้พร้อมกันเลยแต่รอให้หนูกานหายก่อนก็ได้ ยัยดาจะได้พักผ่อนด้วย รู้สึกว่า 2 คนนี้เขาจะอายุเท่ากันนะใช่หรือเปล่ายัยดา”
“ค่ะ ดาอายุ 22 แล้วค่ะ”
“ดีจริงจะได้เป็นเพื่อนกับยัยกานได้” วรรรนายิ้ม
“เดี๋ยวเราขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะแล้วตอนเย็นค่อยเจอกันลุงมีประชุมพรรคตอนเช้าด้วย” ประภาสลุกขึ้นและเดินออกไป วรรณนาเรียกสาวใช้มาช่วยจิรดายกกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องซึ่งห้องของจิรดาอยู่ติดกับห้องชุติกาญจน์
“ป้าวรรณคะคุณย่าไม่อยู่หรือคะ” หญิงสาวถามเมื่อเดินขึ้นบันไดมา
“อยู่จ้ะสงสัยอยู่ในห้องของยัยพักตร์น่ะเราจะกราบท่านก่อนหรือเปล่า”
“อย่าเพิ่งเลยค่ะดาขี้เกียจฟังคุณย่าบ่นและพูดเหน็บคุณพ่อคุณแม่ของดา” หญิงสาวบอกเสียงเรียบ
“งั้นก็ตามใจเอาไว้ตอนเย็นก็ได้ป้าไปก่อนน่ะเดี๋ยวจะแวะดูหลานสาวของป้าเหมือนกันอยู่ห้องติดกันนี่แหละ” วรรณนาเบนสายตาไปมองที่ประตูห้องที่เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อครู่
“ตามสบายค่ะหนูดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวบอกและเดินเข้าไปในห้อง วรรณนาเดินมาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของชุติกาญจน์
“กานเป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก” ชุติกาญจน์เงยหน้าขึ้นจากหมอนและเรียกชื่อผู้เป็นป้าอย่างแผ่วเบา “คุณป้า”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะกานทานยาไปแล้วเดี๋ยวก็คงหายค่ะ”
“งั้นก็นอนพักมากๆนะป้าไม่กวนแล้ว” วรรณนาร้องบอกและเดินไปหาบุตรสาวที่ห้องเธอต้องการรู้เรื่องที่บุตรสาวพูดเมื่อครู่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่สร้างขึ้นเพื่อหนีงานหมั้น
คุณหญิงน้อมจิตกอดหลานสาวเอาไว้อย่างรักใคร่ เพ็ญพักตร์ร้องไห้เพื่อให้ผู้เป็นย่าเห็นใจเธอรู้ดีว่าคุณย่ารักเธอมากและยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอได้รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย วรรณนาเดินเข้ามาและนั่งลงที่เก้าอี้ปลายเตียงสายตามองไปยังบุตรสาวนิ่ง
“คุณแม่ขึ้นมาทำไมคะถึงยังไงพักตร์ก็ไม่หมั้นกับผู้ชายที่น่าเกลียดแบบนั้นหรอก” เพ็ญพักตร์เบ้ปาก
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาน่าเกลียดเคยเห็นเขาหรือไง” วรรณนาย้อนถามบุตรสาว
“แค่ชื่อประเทศก็บ่งบอกแล้วว่ากันดารไม่มีความเจริญ ที่แบบนี้หรือคะที่คุณแม่จะให้พักตร์ไปอยู่”
“หลานสาวฉันเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลจะให้ไปลำบากแบบนั้นได้ยังไงฉันไม่ยอมหรอกนะแม่วรรณ หล่อนไปพูดกับสามีของหล่อนได้เลยว่าฉันไม่ยอมให้ยัยพักตร์แต่งงานกับเจ้าชายเป็นอันขาด” น้อมจิตหันมามองวรรณนาตาขวาง
“และถ้าพวกเธอไม่ยอมล่ะก็ได้เห็นดีกันแน่ไม่เชื่อก็ลองดู”
“คุณแม่คะมีเหตุผลหน่อยสิคะ เขาเป็นถึงเจ้าชายเชียวนะคะเราทำแบบนั้นไม่ได้และสัญญานั่นก็ออกมาจากโอษฐ์ขององค์สุลต่านเองถ้ายกเลิกสัญญาได้เกิดเรื่องแน่ แล้วเรื่องที่ยัยพักตร์ไปนอนกับผู้ชายหนูยังไม่ได้ต่อว่าเลยนะคะเป็นลูกผู้หญิงแต่ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวถ้าเป็นเด็กๆล่ะก็โดนตีก้นลายไปแล้ว” วรรณนามองหน้าลูกสาวด้วยสายตาที่ดุดัน
“เธอจะมาตีหลานสาวของฉันไม่ได้ในเมื่อมันพลาดไปแล้วก็ต้องปล่อยไปเรื่องยัยพักตร์ฉันจัดการเองส่วนหล่อนกับสามีจัดการเรื่องสัญญาจะดีกว่า”
“คุณแม่จะจัดการยังไงคะ” เธอถามอย่างไม่เข้าใจในความคิดของแม่สามีเลย
“ฉันจะจัดงานแต่งให้ยัยพักตร์กับแฟนเขาจะได้หมดเรื่องไป”
“แต่ว่าคุณแม่คะ..” วรรณนาอ้าปากจะค้านต่อ
“หล่อนไม่ต้องพูดอะไรแล้วกลับออกไปได้แล้วไปดูหลานสาวคนโปรดเถอะอย่ามายุ่งเรื่องนี้เลย” คุณหญิงน้อมจิตพูดตัดบทวรรณนาจึงพูดอะไรไม่ออกเธอรู้ดีว่าแม่สามีคนนี้เอาแต่ใจขนาดไหนต่อให้เธอพูดคอแทบแตกก็ไม่ยอมฟังอยู่แล้ว วรรณนาถอนใจอย่างระอาก่อนจะเดินออกมาปล่อยให้ย่าหลานได้เอาใจกันให้เต็มที่
อัลลาได้มาจอดรถที่หน้าบ้านของ สส.ประภาส เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่ เขาตรงไปกดกริ่งที่หน้าบ้าน และเมื่อสาวใช้วิ่งมาเปิดเขาก็พูดเป็นภาษาไทย
“คุณผู้หญิงคนนี้อยู่หรือเปล่า” อัลลายืนรูปถ่ายของชุติกาญจน์ที่ได้มาจากคนของเขาให้สาวใช้ดู
“คุณกานหรือคะ อยู่ค่ะเชิญด้านในค่ะ” สาวใช้กล่าวเชิญเขาไปรอที่ห้องรับแขกและขึ้นไปตามชุติกาญจน์ “คุณกานคะมีคนมาขอพบค่ะ”
“ใครกัน” หญิงสาวลงขึ้นจากที่นอนและเช็ดน้ำตาออกก่อนจะส่งเสียงถามออกไป
“ไม่ทราบค่ะคุณกานจะลงไปพบหรือเปล่าคะ” สาวใช้ถาม
“เดี๋ยวฉันลงไป” หญิงสาวบอกและเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ
ชุติกาญจน์เดินเข้ามาและมองหน้าแขกผู้มาใหม่ “คุณต้องการพบดิฉันเหรอคะ” หญิงสาวถามและคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันเมื่อนึกหน้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าออกว่าเป็นใคร “คุณคนที่โรงแรม คุณมาทำไม” หญิงสาวทำเสียงแข็งพร้อมกับกำมือแน่น
“คือว่านายผมเขาฝากมาขอโทษคุณด้วย เขาเข้าใจผิด” อัลลาบอกอย่างสุภาพ
“ไม่จำเป็น ฉันไม่ยกโทษให้เด็ดขาด ฝากบอกเขาด้วยคำขอโทษของเขามันน้อยไปสำหรับสิ่งที่ฉันสูญเสียไป” ชุติกาญจน์ตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“คือว่าเจ้านายของผมฝากสิ่งนี้มาให้ครับ คุณสามารถกรอกตัวเลขตามที่ต้องการลงไปได้เลยครับ” อัลลายื่นเช็คให้หญิงสาว ชุติกาญจน์หยิบมาแล้วขย้ำปาใส่หน้าชายหนุ่ม “เอาเงินของคุณคืนไปอย่าคิดว่าเงินซื้อทุกอย่างได้นะ เอาเก็บไว้ซื้อโล่งศพใส่ตัวเองเถอะ” พูดจบชุติกาญจน์ก็เดินกลับขึ้นไปข้างบน อัลลายืนนิ่งก่อนจะหยิบเช็คขึ้นมาแล้วเดินกลับออกไป
อัลลาเข้ามารายงานเจ้าชายว่าหญิงสาวไม่ยอมรับเช็คแถมยังต่อว่าพระองค์อย่างเสียหาย เจ้าชายเรฮานกำพระหัตถ์แน่น
“หยิ่งนักช่างนางในเมื่อเรายื่นสิ่งดีๆให้แล้ว นางไม่รับก็ช่างนาง เตรียมตัวกลับคูลฮาร์นพรุ่งนี้”
“พระเจ้าค่ะ” อัลลาลอบถอนหายใจ ‘เพิ่งเสด็จมาแท้ๆกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้’ ชายหนุ่มคิดก่อนจะเดินออกไปจัดการเรื่องที่ทรงรับสั่ง
ราชอาณาจักรคูลฮาร์น
เจ้าชายมาริคเสด็จมาหาพระอนุชาที่ในตำหนักส่วนพระองค์เมื่อทราบข่าวว่าเจ้าชายเรฮานเสด็จกลับมาจากเมืองไทยแล้วเมื่อคืนนี้ “เกิดอะไรขึ้นหรืออัลลา” มาริคถามองครักษ์ของน้องชาย
“ทรงกริ้วพระเจ้าค่ะ” อัลลาโค้งศีรษะลงก่อนทูลตอบ เจ้าชายมาริคนิ่วหน้าแล้วเดินเข้าไปหาเจ้าชายเรฮานซึ่งนั่งรับลมอยู่ที่ระเบียงนั่งอยู่ เขาตบไหล่น้องชายเบาๆและนั่งลงข้างๆ “ทำไมรีบกลับนักล่ะน้องชาย”
เรฮานหันมามองสบตาพี่ชายและหันกลับไปมองทิวทะเลทรายเบื้องหน้าตามเดิม “ข้าเบื่อก็เลยรีบกลับ”
“ไม่จริงมั้ง พี่รู้นิสัยเจ้าดีมันต้องมีมากกว่านั้น อัลลาบอกว่าเจ้าโกรธ”
“ก็เรื่องธรรมดาไม่มีอะไรมากแค่เข้าใจผิดนิดหน่อย ไม่มีอะไรที่น่าสนใจหรอกท่านพี่ ว่าแต่คู่หมั้นของท่านพี่มาถึงหรือยัง” เรฮานหันมามองหน้าพี่ชาย
“เฮ้อ พี่บอกตรงๆพี่ไม่อยากแต่งงานกับเจนเซ่นเลย”
“พูดแบบนี้แสดงว่าเจอหน้ากันแล้ว แต่ข้าว่าท่านพี่ยังดีกว่าข้าที่ได้เห็นหน้าว่าที่ชายาก่อนแต่งส่วนข้าไม่รู้เลยว่าหญิงคนนั้นเป็นคนเช่นไรรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร”
“อีก 1 อาทิตย์เจ้าก็จะได้เห็นแล้ว วันฉลองการขึ้นครองราชของเสด็จพ่อนางต้องมาร่วมในงานด้วย” มาริคโอบไหล่น้องชายเดินเข้ามาในห้อง
“ข้าจะลองคุยกับนาง ให้นางถอนหมั้น ข้าจะบอกนางว่าข้ามีคนรักอยู่แล้ว นางคงว่าง่าย” เรฮานบอกอย่างมีหวัง
“พี่จะเอาใจช่วย พี่ไปก่อนล่ะยังมีงานค้างอยู่” มาริคบอกและยิ้มปลอบใจน้องชาย
“ข้าก็จะไปเหมือนกัน มีประชุมเรื่องการค้าน้ำมัน” เรฮานลุกขึ้นยืน จากนั้นทั้งสองจึงแยกออกไปคนละทางเพื่อไปทำหน้าที่ของแต่ละคน เจ้าชายมาริคทรงเป็นองค์รัชทายาทที่จะต้องสืบราชสมบัติต่อจากองค์สุลต่านจึงต้องดูแลงานเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง ส่วนเจ้าชายเรฮานดูแลเกี่ยวกับกิจการและธุรกิจของราชวงศ์ทั้งหมด เหล่าประชาชนต่างชื่นชมในองค์รัชทายาททั้งสองมาก ทรงเก่งในทุกด้านพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาเป็นที่ตรึงตาตรึงใจของหญิงสาวทุกคน