น้ำเน่าสิ้นดี
“ คุณแม่ท่านชอบทานอาหารไทยธรรมดาน่ะจีน่า ไม่ชอบทานอาหารต่างชาติ ”
“ งั้นไม่เป็นไรเลยค่ะ เดี๋ยวจีน่าพาไปทานที่ภัตตาคารโอชา ที่นั่นดังในอเมริกามาก ๆ นะคะ พึ่งจะมาเปิดสาขาในไทย รับรองว่าอร่อยเชียวค่ะ ” จีน่ายังคงไม่ละความพยายามที่จะเอาใจคุณหญิงนิลภา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่นำพาไปด้วย แถมยังเพิ่มดีกรีความรำคาญจนจะถึงขีดเหลืออด ท่านเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ
“ ฉันมีธุระสำคัญที่จะต้องคุยกับลูกชาย ”
ทว่าหญิงสาวยังคงไม่รู้ตัว
“ คุยเลย จีน่ารอได้ค่ะ เดี๋ยวนั่งรอตรงโซฟาเนี่ย ”
“ ธุระส่วนตัว หากมีมารยาทก็ควรจะออกไปก่อน ” คุณหญิงนิลภาเริ่มเสียงเข้ม เช่นเดียวกับจีน่าที่หุบยิ้มทันควัน ก่อนที่จะระเบิดศึก คเชนทร์รีบจัดการกับคนของตนเองก่อนทันที
“ จีน่า คุณกลับไปก่อน ” เธอหันขวับมายังเขา ส่งสายตาเว้าวอน
“ แต่เชนทร์คะ ”
“ ผมบอกให้กลับไปก่อนไง ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเริ่มแข็งขึ้น สายตาหวานฉ่ำกลายเป็นดุดัน ถ้ามาอีหรอบนี้จีน่ารู้ตัวดีว่าต้องรีบถอยทัพก่อน เพราะเขาเองก็พิศวาสเธอเพียงตัวและบทรัก เธอรู้ดี หากจะหวังน้ำบ่อหน้าต้องอดทน น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน นี่ใจคนมีหรือจะทนมารยาหญิงได้
คิดได้ดังนั้นเธอจึงฝืนยิ้มหวานก่อนเอ่ยขึ้น
“ ถ้าอย่างนั้นจีน่ากลับก่อนก็แล้วกันค่ะ กราบสวัสดีคุณหญิงแม่นะคะ บ๊ายบายนะคะเชนทร์ เดี๋ยวจีน่าโทรหา ”
เธอเดินไปเขย่งจุมพิตปลายคางที่เขียวครึ้มไปด้วยไรเคราเขียวเบา ๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง โดยที่ไม่มีคำลาใด ๆ จากคเชนทร์หรือคุณหญิงแม่ของเขา
หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว คนอย่างจีน่าไม่เคยโดนปฏิเสธ เธอจึงเกลียดเหลือเกินที่บางครั้งคเชนทร์ทำเหมือนหลงใหลได้ปลื้มในตัวเธอ แต่บางครั้งเขากลับทำเย็นชา ราวกับเธอเป็นของเล่น ทั้งที่เธอก็รู้กิตติศัพท์เขาดีว่า นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อไฟแรงอย่างเขา เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น และเขาไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน
แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงไม่ใช่เหรอ ถ้าหากเขาเกิดเปลี่ยนใจรักเธอหลงเธอหัวปักหัวปำขึ้นมาล่ะ ตกถังข้าวสารชนิดใช้เงินไปอีกสามชาติก็ไม่หมด ดังนั้น เธอต้องอดทน เธอพึมพำลอดไรฟันออกมาเบา ๆ ตอนปิดประตูห้อง
“ เดี๋ยวจะได้รู้ฤทธิ์อีจีน่า อะไรที่กูอยากได้ กูต้องได้ ! ”
***
“ นี่มันปี 2019 แล้วนะครับคุณแม่ ไอ้ประเพณีคลุมถุงชนน่ะ มันควรจะล้มเลิกไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ! ” เสียงแผดกร้าวลั่นห้องดังมาจากร่างสูงใหญ่ของคเชนทร์หลังจากที่คุย “ ธุระสำคัญนักหนา ” จนทำให้ผู้เป็นมารดาลงทุนมาหาเขาที่ทำงาน
เขาเป็นทายาทคนเดียวของนักธุรกิจพันล้านอย่างเจ้าสัวชาตรีผู้ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีที่แล้ว ทิ้งกิจการทั้งหมดให้กับลูกชายบริหาร ทั้งโรงแรมที่พักห้าดาวสามแห่ง และธุรกิจส่งออกผ้าไหมไทยซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว โดยมีผู้เป็นภรรยาคือ คุณหญิงนิลภา คอยดูแลเป็นที่ปรึกษาอยู่ห่าง ๆ
คิ้วเข้มอันพาดขวางอยู่บนตาคมกริบขมวดมุ่นด้วยความหงุดหงิดจัด เขาอายุสามสิบสามไม่ใช่เด็กสิบห้าสิบหก อีกอย่างก็ไม่ใช่เขาหรือที่บริหารกิจการของที่บ้านจนอยู่รอดมาถึงบัดนี้ แถมยังขยายมันจนใหญ่โตโด่งดัง แล้วมารดายังจะต้องมาคอย ชี้นิ้วกำกับให้รักคนโน้นรักคนนี้เพื่ออะไร
เขาเกรี้ยวกราดหลังจากได้ยินสิ่งที่มารดาเอ่ยบอก ท่านมีเพื่อนสมัยเรียนที่สนิทกันที่บ้านเกิดที่โคราช ชื่อ มาลา และนัยว่าสมัยก่อนครอบครัวของคุณแม่นั้นลำบากมาก ก็ได้ครอบครัวของมาลา ยื่นมือช่วยเหลือเสมอ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด กระทั่งคุณแม่ได้ดิบได้ดีแต่งงานแต่งการกับคุณพ่อก็เลยสุขสบาย กระนั้นเธอก็ยังไม่ลืมพระคุณของเพื่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านเพราะพ่อกับแม่เสียไปหมดแล้ว ทีนี้พึ่งจะได้รับทราบข่าวจากทางโน้นว่าคุณมาลาได้เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง ทิ้งลูกสาวคนเดียวที่พึ่งจะเรียนจบไว้ตามลำพังกับธุรกิจผลิตภัณฑ์จากกก ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถช่วยเหลือให้คนในหมู่บ้านได้มีงานมีการ มีเงินเข้ามาจุนเจือครอบครัว
แล้วอยู่ ๆ ท่านก็มาบอกกับคเชนทร์ว่าเคยสัญญากันไว้ ว่าจะให้ลูกแต่งงานกัน หรือหากอีกฝ่ายเสียชีวิต อีกฝ่ายจะดูแลลูกให้อย่างดิบดี นางเลยอยากให้เขาแต่งงานกับแม่นั่น..
เด็กสาวที่ชื่อ อุ่นเรือน
บ้าไปแล้ว น้ำเน่าสิ้นดี !