จิวซัว
การฝึกสอนจากฝ่ายในว่าด้วยเรื่องการปรนนิบัติฝ่าบาทก็ลืมเลือนไปเกือบสิ้นเมื่อเวลาผ่านมาใกล้จะครบปีเต็มทีแล้วก็ยังไม่เคยต้องเข้าไปปรนนิบัติ ทั้งๆที่ถูกสอนเรื่องของการปรนนิบัติฝ่าบาททั้งยามหลับและยามตื่น
แม้กระทั่งการอุ่นเตียงการให้กับฮ่องเต้บอกแม้กระทั่งต้องทำตัวเช่นไรจึงจะถูกใจฮ่องเต้
ซินเฟยหาจำได้ไม่ก็ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นกระทันหันอีกทั้งความกลัวและความตื่นตระหนกมีมากเสียจนหูอื้อตาลายจำบทเรียนต่างๆเหล่านั้นไม่ได้สักนิดยามที่ต้องถูกทาบทับอยู่บนแท่นนอนกับฮ้องเต้หนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำเช่นจางหลง ถึงเวลานั้นมาจริงๆมือไม้เย็นเฉียบ แทบจะทรงกายไม่อยู่เมื่อถูกอุ้มไปวางบนแท่นนอน ความทรงจำตอนนั้นจะว่าไม่จำ กับฝังลึกในจิตใจ ความรู้สึกอบอุ่นกับ ความอ่อนโยน ที่ยังจำได้ดีอีกทั้งรอยจุมพิตที่หน้าผากเหมือนกับรักเหลือเกินยามที่จางหลงลุกจากแท่นนอน ซินเฟยยังจำได้แม่นยำ
เสียงพลุและดอกไม้ไฟดังไปทั่วบริเวณ ซินเฟยยิ้มสดใสเป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ ชุดสีขาวขลิบแดง ส่งให้ผิวขาวนวลเนียนแม้ใบหน้าจะซีดจางลงจากการเสียเลือด ไปแต่ก็คงความงดงามไม่เปลี่ยน เดินบนถนนเพียงลำพัง อย่างน้อยตอนนี้ก็มีอาวุโสย่าหนานที่ยืนเคียงข้าง แม้บิดาจะเอ่ยปากตัดพ่อตัดลูกเมื่อครั้งถูกสอบสวนเรื่อง ลักลอบได้เสียกับองครักษ์ต่ำชั้นตามคำกล่าวหา ซินเฟยมิได้มีความรู้สึกเสียใจ ดีใจเสียด้วยซ้ำที่บิดาไม่ต้องมารับผลกระทบในคำกล่าวหาที่ซินเฟยต้องแบกรับเพียงลำพัง ซินเฟยยังจำแววตาเจ็บซ้ำของบิดาได้ดี เมื่อตัดพ่อตัดลูกกับซินเฟยในวันนั้นต่อหน้าฮองเฮา ตอนนี้จึงนับว่าตัวคนเดียวโดยแท้ เช่นนั้นจึงไม่ต้องกังวลสิ่งใดต่อจากนี้
แบมือดูเหรียญเงินในมือที่อาวุโสให้มามีเพียงไม่กี่อีแปะ คงพอซื้อน้ำตาลก้อนมากินได้เพียงอย่างเดียว
เดินมาหยุดที่ร้านขายน้ำตาลที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ หยิบเอามาถือไว้ก่อนจะหย่อนเงินเพียงน้อยนิดลงบนมือของพ่อค้า
“คุณหนูสองอันแค่ห้าอีแปะจะรับสองอันเลยไหม”
“ข้ามีเงินเพียงเท่านี้ มีเพียงแค่สามอีแปะ”
ร่างสูงชลูดของใครบางคน ส่งเหรียญเงินสองอีแปะลงบนมือพ่อค้า ก่อนจะหยิบน้ำตาลมากัด
“สองอัน ห้าอีแปะ ข้าเอาอีกสองอันส่งเงินห้าอีแปะใส่มือพ่อค้าก่อนจะส่งน้ำตาลก้อนรูปดอกไม้สีแดงให้กับซินเฟย ซินเฟยเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาราวเทพมาจุติอาภรณ์ที่สวมใส่หาใช่คนเดินถนนทั่วไปไม่
“ขอบคุณ แต่ข้ารับไว้ไม่ได้ ท่านเป็นคนจ่ายเงินก็นำมันไปเถิด”
จิวซัว ยิ้มพิศมองใบหน้าสวยหวานอีกทั้งชุดสีขาวขลิบแดงที่ ประณีตงดงามส่งให้ร่างบางยิ่งอ้อนแอ้นอรชร จิวซัวยิ้มวันนี้โชคดีเหลือเกินพบหญิงงามถูกตาต้องใจไม่ต้องเดินเพียงลำพัง
“ข้าอาศัยโอกาสที่พ่อค้าลดราคาให้แม่นางจึงได้มันมา ครั้งนี้ถือว่าตอบแทนข้าให้แม่นางไม้หนึ่งถือว่าเป็นการขอบคุณน้ำตาลเพียงแค่ไม้เดียวเจ้าคงกินไม่หน่ำใจ”
“ข้าชอบความไม่หน่ำใจนั้น ทำให้รู้สึกถึงรสอร่อยอยากลิ้มลองอีกไม่มีสิ้นสุดหากครั้งไหนที่กินจนอิ่มท่านก็จะไม่อยากกินมันไปอีกนาน”
จิวซัวอมยิ้มแนวคิดของนางช่างแปลก
"ข้ามาแค้วนฉินเพียงลำพัง ยังหาคนเดินเคียงคู่ในคืนนี้ไม่ได้เจ้าคงเป็นคนที่นี่ จะรบกวนไหมหากข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชี้แนะในค่ำคืนนี้”
สายตาพึงพอใจทอดไปยังซินเฟยที่พยายามหลบตา
ซินเฟยยิ้มบางๆ
“ข้าต่ำต้อย ไม่อาจเดินเคียงข้างใคร ขอตัว”
ก้าวขาจากไป จิวซัวเลิกคิ้วสูงไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรผิดหรือนางไม่พอใจอะไรในตัวเขา ความจริงมีเพียงซินเฟยเท่านั้นที่รู้ดีว่าตัวเองไม่สมควรสานสัมพันธ์กับผู้ใด
จิวซัวสาวเท้าตามซินเฟยไปห่างๆ ซินเฟยแม้จะรู้ว่าถูกตามก็ไม่ได้กังวลอะไร
“ตูม”
ดอกไม้ไฟส่องสว่างทั่วฟ้าซินเฟยแหงนหน้ามองท้องฟ้าสุกสว่างเผลอยิ้ม ให้กับความงดงามนั้น
"ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี"
เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ ซินเฟยหุบยิ้มก้มหน้ามองพื้น ใจเจ้ากรรมกับรู้สึกเจ็บแปลบ
จางหลง ฮองเฮาซูจิน และไทฮองไทเฮายืนอยู่หน้ามุข ที่ประดับโคมไฟสวยงาม ซูจินยืนเคียงข้างจางหลงด้วยท่าทีดุจนางพญาหงส์ ซินเฟยมือไม่สั่นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มีความรู้สึกอยากหนีไปจากตรงนี้ หันหลังวิ่งออกจากตรงนั้นเมื่อจางหลงหว่านเหรียญทองในมือ ผู้คนต่างก้มลงเก็บเหรียญทอง กันจ้าระหวั่นมีเพียงซินเฟยที่ออกวิ่งล้มลุกคลุกคลาน ทั้งโดนผลักโดนดัน จิวซัวทะยานขึ้นไปข้างบนด้วยสุดยอดวิชา ก่อนจะคว้าเอวบางพาทะยานขึ้นสู่หลังคาออกจากตรงนั้นไป จางหลงจ้องมองร่างคนสองคนตาไม่กะพริบ ซินเฟยหันหน้าไปมองจางหลงก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้จิวซัวพาออกจากตรงนั้นไป
“ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น”