บทที่ 2 บทนำ 1.1
“อื้อ” ญาดาร้องด้วยความตกใจ เมื่อปากนุ่มถูกปิดด้วยปากหนา อารามตกใจเธอส่งเสียงประท้วง จึงเป็นโอกาสของเขาแทรกซอนปลายลิ้นนุ่มเข้าสำรวจความหวานได้อย่างถนัด เท่านั้นเองสติที่หลงเหลืออยู่เพียงนิดของญาดาก็ขาดผึงคล้ายกับเชือกที่ถูกขึงให้ตึง ก่อนจะโดนตัด เรี่ยวแรงของหญิงสาวถอยร่นเหลือเพียงศูนย์ ความรู้สึกบางอย่างแผ่กระจายเป็นวงกว้าง บิดมวนไปมาที่ช่วงท้อง สมองน้อยๆ ว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก มัวแต่ดื่มด่ำกับจุมพิตที่กระชากวิญญาณของคาลิเอโป กลิ่นแอลกอฮอล์ที่พ่นออกมาจากจมูกโด่ง ร้อนรุ่ม เปรียบเสมือนมนต์สะกดให้เธอไม่อาจต่อต้านได้ กลับกลายเป็นว่าเธอจูบตอบเขา โดยการใช้ปลายลิ้นนุ่มตวัดอย่างไม่เป็นงาน ต่อสู้กับลิ้นหนาที่เจนจัด เขาสะดุ้งเฮือก ขนลุกเกรียว หลังจากถูกลิ้นนุ่มทักทายตอบอย่างกล้าหาญ
สติที่ถูกพักงานชั่วคราวถูกดึงกลับมาทันทีที่แผ่นหลังบางสัมผัสกับความเย็นของผ้าปูที่นอน ญาดาใช้พละกำลังที่มีทั้งหมดผลักใบหน้าของเขาที่เคลื่อนไปตามผิวแก้มขาวสวย
“ปล่อยนะ...ฉันไม่ใช่แอปป้ง...แอปเปิลของคุณ” หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงบอกให้ชายหนุ่มหยุดการกระทำของตัวเอง ไร้ผล เขายังคงซุกซบอยู่ที่ซอกคอขาว สูดดมความหอมที่ทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่น สมองที่เคยมืดดำปลอดโปร่งโล่งสบาย จมูกโด่งไซ้ไปตามรอบๆ ลำคอ
“แอปเปิล...ฉันคิดถึงเธอจัง” เขาพึมพำขณะที่เลื่อนใบหน้าต่ำลงไปที่สาบเสื้อชุดทำงานของญาดา หญิงสาวรวบรวมสติ คิดหาทางหนีเอาตัวรอด ‘คิดสิคิด...คิด หาทางเอาตัวรอดสิ...โอ๊ย...ทำไมมันคิดไม่ออกนะ’ หญิงสาวพร่ำบอกพร่ำถามตัวเอง ปกติญาดาเป็นคนเอาตัวรอดเก่ง ฉลาดทันคน แต่เหตุใดตอนนี้เธอไม่มีสติแม้แต่จะคิด ไม่มีช่วงเวลาที่นึกคิดไตร่ตรองหาทางเอาตัวรอด
ญาดามัวแต่ใช้สมองส่วนน้อยคิดหาทางหนีพ้นอุ้งมือมาร ไม่รู้ตัวเลยว่า กระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกปลดออกทีละเม็ด จนกระทั่งมือใหญ่แยกสาบเสื้อให้แยกออกจากกัน ฝังใบหน้าลงซบนิ่งที่ดอกบัวขนาดมหึมา หลบซ่อนอยู่ในเสื้อในแบบเต็มทรง สีชมพูสดลายลูกไม้ เขาเกาะเกี่ยวตะขอเสื้อในด้วยความชำนาญ ถอดเสื้อในตัวสวยออกอย่างง่ายดาย
“อย่า...ไม่” หญิงสาวพูดออกไปด้วยความตกใจ ตื่นตระหนก เนื่องจากทรวงอกขนาด 38 นิ้ว ถูกปลายลิ้นไล้ไปตามป้านสีชมพูอ่อน ก่อนจะขบเม้มปลายถันด้วยไรฟันคมสะอาด ดูดกลืนราวกับทารกที่ได้รับไออุ่นจากทรวงอกของมารดาเป็นครั้งแรก
“อือ” ญาดาไม่รู้หรอกว่าเสียงที่เธอพยายามร้องออกมานั้นคือเสียงร้องห้ามหรือว่าเสียงครวญคราง ตอนนี้เธอไม่คิดอะไรอีกแล้ว เพราะกระแส ความซาบซ่าน มันไหลเวียนเข้าไปในกระแสเลือดหมุนเวียนอย่างรวดเร็วจนเธอร้อนรุ่ม ความปรารถนาที่ญาดาไม่เคยรู้จักกำลังก่อเกลียวคลื่นอยู่ที่ใจกลางร่างกายสาว ก่อตัวเกิดเป็นพายุเสน่หา วิ่งขึ้นสูงขึ้นไปยังช่องท้องที่เริ่มบิดมวน เพราะมีความรู้สึกกระสันซ่านเป็นตัวแปร
“คิดถึงเหลือเกิน...แอปเปิลคิดถึงที่สุด” เสียงของเขาพูดอยู่บนยอดภูเขาที่เปียกชุ่มจากฝีมือของเขา มือใหญ่สอดเข้าไปในกระโปรงสั้นเหนือเข่าลูบเล่นลึกเข้าไปในซอกขาด้านใน ถูไปมาด้วยฝ่ามือ เติมความร้อนเข้าไปในร่างกายสาวมากขึ้น มือเล็กปัดมือใหญ่ที่กำลังป้วนเปี้ยนอยู่ที่ขอบกางเกงชั้นใน แรงของเธอน้อยเกินไป ทำให้กางเกงชั้นในหลุดเลื่อนต่ำลงจนกระทั่งมันหลุดไปจากเรียวขา สัญญาณอันตรายย่างกรายเข้ามาในความคิดของญาดา ทว่าความปรารถนาที่มีมากล้น ส่งผลให้หญิงสาวไร้เดียงสาเช่นเธอ พ่ายแพ้ต่อปากและลิ้นที่ช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน รวมทั้งมือแกร่งที่ทำหน้าที่เติมเชื้อไฟ
“อย่าทำ...ไม่นะ” แค่การโอ้โลมท่อนบนญาดาก็อ่อนปวกเปียกราวกับขี้ผึ้งลนไฟ สิ่งที่เขากำลังกระทำตอนนี้หนักหนากว่ามากนัก ลมหายใจของญาดาขาดๆ หายๆ ติดขัด คล้ายกับว่าเธอกำลังลอยอยู่บนอวกาศหายใจออกมาเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ใบหน้าสวยส่ายไปมากับหมอน ผมของเธอที่รวบไว้เรียบตึง หลุดลุ่ย มือเล็กจับเรือนผมของเขาไว้แน่น บางครั้งดึงทึ้ง เพราะไม่อาจทานทนกับความเสียวซ่านที่รวมตัวอยู่ที่ดอกกุหลาบช่องามได้
‘รสชาติดีเหลือเกิน’ คาลิเอโปคิดในใจ ขณะที่เขาซุกใบหน้าดอมดมกุหลาบงามไม่ยอมห่าง จูบซับด้วยปลายจมูก พลิ้วไหวกลีบดอกด้วยปลายลิ้นสาก เกี่ยวกระหวัดไปมาอยู่ภายใน ดื่มกินน้ำแห่งแรงปรารถนาที่เอ่อล้นออกมา เกสรเม็ดน้อยๆ ถูกไรฟันขบเม้มเบาๆ ร่างกายสาวสั่น ขนลุก ความเสียวซ่านก่อรวมตัวเป็นเกลียวคลื่น สาดซัดเข้าไปในร่างกายสาวของญาดา หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียง จิกเล็บที่บ่ากว้างแน่น หลังบางแอ่นโค้ง หาลมหายใจของตัวเองไม่เจอ เพราะเธอเห็นแสงไฟมากมายลอยอยู่ตรงหน้า จากนั้นแสงไฟก็ระเบิดออกมาเต็มใบหน้างาม ตัวของเธอลอยขึ้นพลิ้วไหวต้องกับสายลมที่พัดอยู่บนฟากฟ้า พาร่างกายสาวขึ้นไปสู่วิมานฉิมพลี
ร่างกายของญาดาอ่อนระทวย หลับตาพริ้ม หอบหายใจแรง ความ ไร้เดียงสาของหญิงสาวทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่า ณ ขณะนี้คาลิเอโปผละไปจัดการกับเสื้อผ้าของตน ก้าวขึ้นมาบนเตียง แยกเรียวขางามออกกว้าง เพื่อที่เขาจะเติมเต็มความต้องการเข้าไปในกุหลาบงาม
“ยะ...อย่า” เสียงของเธอแหบโรย หวังว่าเสียงนั้นจะหยุดยั้งการกระทำของเขา แต่เปล่าเลยสติของคาลิเอโปไม่หลงเหลือ ภายในห้วงจินตนาการและห้วงคำนึง คิดเพียงว่าหญิงสาวคนนี้คือ วรัญชิญา
“โอ๊ย!!...กรี๊ดดด” เสียงที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทำให้ร่างหนาชะงัก ช่องทางที่เล็กและคับแคบทำให้สติของเขากลับคืนมา อาการเมาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ดวงตาคมกล้ามองใบหน้าของหญิงสาวใต้ร่างแบบเต็มสองตา ไม่ใช่...ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่วรัญชิญา แล้วเธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้เขากำลังทำอะไร เขากำลังนอกใจวรัญชิญา คำถามมากมายถาโถมเข้ามาราวกับน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อก เธอดิ้นทุรนทุรายหนีความเจ็บปวดจากเรือนกายอันยิ่งใหญ่ที่พยายามจะฝ่าความเล็กคับเข้าไป คาลิเอโปอยากจะหยุดทุกอย่าง ถอนร่างกายออก แต่ทว่าเขากลับไม่ทำ กลับเดินหน้าต่อ โดยไม่รู้ว่าเหตุผลที่เขาทำอย่างนี้เพราะอะไร
“ทนเจ็บอีกนิดเชื่อฉัน ไว้ใจฉัน” เขาพูดชิดริมฝีปากนุ่ม ก่อนจะมอบจูบที่หวานปานน้ำผึ้งให้กับเธอ เป็นการปลอบประโลม บังเกิดความเพลิดเพลิน เบี่ยงเบนความเจ็บปวดให้กลายเป็นความเสียวซ่าน ปากหนากำลังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ฝ่ามือใหญ่ช่วยอีกแรงด้วยการเคล้นคลึงทรวงอกที่ใหญ่เกินมือเขาอย่างสำราญ สะโพกหนาขยับรุกล้ำเข้าไปในกุหลาบงามอย่างช้าๆ ใจเย็น จนกระทั่งเขาผ่านพ้นใยบางๆ ของพรหมจรรย์ คาลิเอโปตัดสินใจกระแทกตัวตนเข้าไปจนสุด กลืนเสียงกรีดร้องของเธอเข้าไปในลำคอหนา
เอวสอบเริ่มขยับอีกครั้ง ฝ่ามือใหญ่จับที่เรียวขาทั้งสองข้างของญาดาให้แยกออกกว้างที่สุด เพื่อที่เขาจะได้เคลื่อนกายได้สะดวก ความสดใหม่ที่เขาได้รับ มันทำให้เชือกที่ผูกเงื่อนตายมายาวนานกว่า 4 ปีสะบั้นลง จังหวะที่โจนจ้วงเริ่มถี่และเร็วขึ้น เสียงครางหวานของหญิงสาวเป็นแรงผลักดันอย่างดี มันทำให้เขารู้สึกฮึกเหิม ย่ามใจ ถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ญาดาบิดร่างกายไปมาเมื่อรู้สึกว่ากุหลาบงามมีอาการบางอย่าง มันเสียวซ่านวาบหวามใจ ยิ่งเขาออกแรงส่งเข้าหาเร็วและแรงมากเท่าไหร่ ร่างกายสาวลอยขึ้นสู่ผืนฟ้าเร็วเท่านั้น
และแล้วความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขสมเดินทางมาหาเธออีกครั้งหนึ่ง ญาดากรีดร้องจิกเล็บไปที่ลำแขนหนาของเขาแน่น ริมฝีปากนิ่มที่เผยอปากร้องคราง ทำให้คาลิเอโปอดใจไม่อยู่ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ก่อนจะแหงนหน้าสูด ลมปากระบายความสยิว ช่องทางเล็กรัดความยิ่งใหญ่ของเขาแน่นสุดจะทานทน เขาทะยานเข้าสู่กุหลาบงามอีกหลายครั้งอย่างสุดแรง ปลดปล่อยความอัดอั้นที่กินระยะเวลานานถึง 4 ปีพุ่งทะยานเป็นสายน้ำ จนญาดารู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่ไหลบ่าออกมา
ชายหนุ่มพลิกกายลงนอนหอบที่เตียงนุ่ม ญาดานอนตะแคงขดตัวร้องไห้อย่างน่าสงสาร เขาปรายตามองหญิงสาวข้างกายเพียงนิด รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ เขาทรยศวรัญชิญา สัญญาที่เคยให้ไว้ในวันที่ฌาปนกิจศพของเธอว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน จะรักและมอบหัวใจให้เธอเพียงคนเดียว สัญญาข้อแรกคาลิเอโปทำไม่ได้ เพราะชายหนุ่มเพิ่งผ่านสมรภูมิพิศวาสกับสาวนิรนามไปไม่ถึงหนึ่งนาที แต่เขามั่นใจว่าสัญญาข้อที่สองว่าจะรักมั่นมอบใจให้เธอเพียงคนเดียวนั้น คาลิเอโปทำได้แน่นอน
“นี่ค่าตัวเธอ...แต่งตัวแล้วออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว” เขาโยนเงิน ปึกใหญ่สองปึกกระทบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของญาดา เธอกัดริมฝีปากแน่นข่มความสมเพชของตัวเองเต็มที่ ไม่นึกเลยว่า ความสาวของเธอจะสูญสิ้นในวันนี้ ถูกชายที่ไม่เห็นค่าพรากไปเพราะคิดว่าเธอคือหญิงสาวอีกคน ทำไมหนอ...ชีวิตของเธอถึงเป็นได้แค่เพียงเงาของผู้ชายเสมอ วีรเทพชายคนรักคนแรกของเธอเขาไม่ได้รักเธออย่างที่พูด เขาเห็นเธอเป็นเพียงเงาของพี่สาวที่จากไปเท่านั้น ญาดาโง่ที่ปักใจเชื่อรักว่าที่พี่เขยคนนี้ ดีที่ว่าเธอรู้ความจริงเสียก่อนไม่เช่นนั้นหญิงสาวต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต
กับเขาคนนี้ก็เหมือนกัน คาลิเอโปเห็นเธอเป็นเพียงเงาของวรัญชิญาคนรักเก่า พรากความสาวที่หวงแหนเท่าชีวิตไป ทั้งยังตอกย้ำความเจ็บปวดด้วยการโยนเงินอันน้อยนิดให้ จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก คราแรกเธอไม่ยินยอม ขัดขวาง เตือนสติเขาทุกอย่างที่ทำได้ แต่ต่อมาคือการยินยอมพร้อมใจ
ญาดาพยุงกายลุกขึ้นหลังจากที่เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ แม้ว่าจะเจ็บปวดร่างกายมากแค่ไหน เธอก็พยายามลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่พื้นมาสวมใส่ ค่อยๆ ก้าวเดินออกไปจากห้อง ไม่สนใจเงินสองปึกนั่นแม้แต่นิดเดียว
คาลิเอโปเดินออกมาจากห้องน้ำในอีกสิบห้านาทีต่อมา สายน้ำที่เย็นฉ่ำสามารถทำให้จิตใจของเขาดีขึ้น ชายหนุ่มไม่เห็นร่างของหญิงสาวที่มอบความสุขให้เขาจนล้นอก เห็นเพียงเงินสองปึกใหญ่ที่เขามอบให้เธอ...กับ...รอยเลือดจางๆ บ่งบอกได้ว่าเธอคือสาวบริสุทธิ์ ความร้อนรุ่มเกิดขึ้นกับร่างกายของเขาเมื่อนึกถึงเธอ ไม่ได้ เขานึกถึงเธอไม่ได้ หัวใจของชายหนุ่มมีหญิงเดียวที่อยู่ในดวงใจ หญิงนั้นคือ วรัญชิญา
“ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดห้องด้วย” ชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์บอกความต้องการกับโอเปอเรเตอร์ของทางโรงแรม เดินออกไปจากห้องนอนตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เพื่อดื่มบรั่นดีดีกรีร้อนแรง ก่อนจะเดินถึงบาร์ขนาดเล็ก เท้าของเขาเหยียบสิ่งหนึ่ง คาลิเอโปหยิบมันขึ้นมา สิ่งนั้นคือ ป้ายชื่อของพนักงานห้องอาหารนานาชาตินามว่า ญาดา