ตอนที่6 ระยะเริ่มสั้นลง2
ตอนที่6 ระยะเริ่มสั้นลง2
“เอ๊ะ! นั่นมันมือซ้ายคนสนิทของคุณเมกะนี่” ขณะกำลังเดินขึ้นบันไดชั้นสองสายตาเหลือบไปเห็นเจกำลังเดินตรวจเช็กความเรียบร้อยอยู่โซนด้านล่าง และมองไปทางห้องทำงานของเมกะก็สังเกตเห็นว่าวันนี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องหายไปเกือบครึ่ง
“วันนี้คงออกไปทำงานข้างนอกสินะ” ในหัวกำลังคิดวางแผนเมื่อเจ้าของผับและมือขวาคนสนิทไม่อยู่
“น้องอิงฟ้ามีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว มีเรื่องจะเข้าไปพบนายเหรอครับ วันนี้นายกับพี่ภัทรไม่อยู่มีแค่พี่เจสุดหล่ออยู่คนเดียวมีเรื่องอะไรแจ้งพี่ได้เลยครับ นายสั่งไว้ว่าให้พี่ดูแลน้องอิงฟ้าดี ๆ” ร่างบางสะดุ้งตกใจถอยหลังไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตั้งสติได้หันมาส่งยิ้มให้บอดี้การ์ดหนุ่ม
“เปล่าค่ะ เมื่อกี้แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเลยหยุดพัก ฟ้าขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวหาข้อแก้ตัวได้แนบเนียน บวกกับสีหน้าดูซีดจากอาการตกใจเมื่อสักครู่จึงดูสมจริงเข้าไปอีก
“พักก่อนไหม” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกน้ำเสียงและแววตาแสดงความห่วงใย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าไหวค่ะ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ถ้าไม่ไหวอย่าฝืนนะ ให้รีบแจ้งการ์ดทันที” เจกำชับน้ำเสียงจริงจัง
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ ฟ้าขอตัวนะคะ” อิงฟ้ารีบขอตัวทันทีเพราะตอนนี้เธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานคนอื่น ๆ
“ครับ”
เท้าเล็กบนรองเท้าส้นสูง 5 นิ้วสาวเท้าเดินฉับ ๆ ไปยังห้อง VIP1 โดยมีสายตาของเจยังคงจับจ้องแผ่นหลังบางอยู่
“เหมือนจริง ๆ ขนาดด้านหลังและท่าเดินยังเหมือนราวกับคนคนเดียวกัน” ที่เจได้ยินจากเซนติและเฟมโตนั้นไม่เกินจริง
“หรือว่าพราวฟ้าจะมีฝาแฝด” การคาดการณ์ทางวิทยาศาสตร์เพราะคนเราจะมีหน้าตาที่เหมือนกันได้โดยไม่ใช่สายเลือดมันดูๆ ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
“พี่เจครับ ข้างล่างลูกค้ามีปัญหากันอีกแล้วครับ” จำต้องหยุดความคิดนั้นลงก่อน และรีบไปจัดการปัญหาข้างล่างที่เริ่มจะรุนแรงขึ้น
“แม่งวันอื่นไม่มีปัญหา พอวันที่นายไม่อยู่พวกมึงนี่ขยันมีเรื่องกันจริง ๆ” เดินไปบ่นไปตามประสาคนช่างพูด บุคลิกเป็นคนขี้เล่นแต่เวลาทำงานก็จริงจังไม่ต่างจากภัทรและเมกะ
“ลากออกไปข้างนอก” เสียงเรียบออกคำสั่ง ไม่สนว่าคนที่กำลังมีเรื่องกันอยู่นั้นเป็นใคร ในเมื่อไม่เคารพกฎก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องสนใจ
“มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร แค่กูโทรบอกพ่อกูกริ๊งเดียวผับพวกมึงก็โดนปิดแล้ว” ลูกค้าหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ ชี้หน้าพร้อมพ่นคำขู่ใส่หน้าเจเสียงดัง
“กูไม่ได้อยากรู้ว่ามึงเป็นใคร ในเมื่อไม่รักษากฎก็ออกไปหาที่แดกข้างนอก อย่าลืมโทรเรียกพ่อมึงมารับล่ะ เมาเหมือนหมาขนาดนี้เดี๋ยวไปขับรถชนคนอื่นเขาเดือดร้อนอีก ลากมันออกไปข้างนอก” เจตะคอกกลับเสียงดัง หันไปสั่งลูกน้องสีหน้าจริงจังให้ลากออกไปโดยไม่สนคำขู่แม้แต่น้อย
“พวกมึงเตรียมตัวปิดผับได้เลย ปล่อยกู ปล่อยกู” เสียงตะโกนดังลั่นแข่งกับเสียงเพลงที่ดีเจกำลังเปิดดังกระหึ่ม
“ผับเราจะไม่มีปัญหาใช่ไหม พี่เจจัดการเรื่องนี้ได้ใช่ไหมครับ” การ์ดคนที่ไปรายงานเจเอ่ยถามสีหน้ากังวล ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นแค่คำขู่ของเด็กที่อาศัยบารมีพ่อเบ่งใส่คนอื่นไปทั่วจนสันดานเสีย
“นั่นมันเป็นหน้าที่ของนายกับพี่ภัทร กูมีหน้าที่แค่ดูแลผับตามที่นายสั่ง” เจพูดจบก็เดินกลับขึ้นไปชั้นบนทันที บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันมองหน้ากันที่เจโยนความรับผิดชอบให้คนเป็นนายหน้าตาเฉย
“พี่เจก็ยังกวนตีนเสมอต้นเสมอปลายนะแกว่าไหม”
“สุด ๆ”
เที่ยงคืน
อิงฟ้าเดินออกมาเข้าห้องน้ำ เมื่อสังเกตเห็นว่าการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าห้องเมกะเดินเข้าไปด้านในห้องทั้งสองคนพอดี เธอจึงถือโอกาสนี้เดินไปสำรวจโซนด้านโน้นที่เป็นโซนต้องห้ามพนักงานทุกคนเข้าไป และเธอแน่ใจว่าน่าจะเป็นโซนที่เมกะทำเป็นกาสิโน
“อ้าวอิงฟ้ามาทำอะไรที่นี่” เท้าเล็กหยุดชะงัก จังหวะที่เจเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ใบหน้าสวยซีดเผือดตกใจ หัวใจเต้นแรงแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก
“เอ่อ..ฟ้ามาเข้าห้องน้ำค่ะ พอดีห้องน้ำฝั่งโน้นไม่ว่าง ฟ้าปวดท้องหนักเลยรอไม่ไหว” เธอหาข้อแก้ตัวที่ดูสมเหตุสมผลที่สุด แต่ไม่รู้ว่าเจจะเชื่อที่เธอบอกหรือเปล่า
“ถ้างั้นก็รีบทำธุระให้เสร็จ พี่จะยืนรอตรงนี้ โซนนี้เขาห้ามพนักงานเข้ามาแต่น้องฟ้าพึ่งมาทำงานอาจจะยังไม่รู้ รีบจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จแล้วรีบออกจากตรงนี้นะครับ” เจเอ่ยบอกน้ำเสียงอบอุ่นไม่ได้แสดงท่าทีจะลงโทษเธอแต่อย่างใด ขณะที่สายตาคมสังเกตเห็นขนที่แขนหญิงสาวนั้นกำลังลุกซู่จึงเชื่อตามที่เธอบอก ซึ่งถ้าคนที่เจอเธอเป็นเมกะหรือภัทรเธอคงโดนลากไปเค้นเอาคำตอบว่าเข้ามาในเขตหวงห้ามแบบนี้ทำไม ถึงตอนนั้นความลับของเธอคงถูกเปิดเผยและคงได้รับโทษหนักที่บังอาจเข้ามาล้วงความลับของมาเฟีย
“ฟ้าขอโทษค่ะ งั้นฟ้าลงไปเข้าข้างล่างก็ได้ค่ะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” หญิงสาวลนลานรีบหันหลังเดินออกไปจากตรงนี้ทันที
“เธอแค่จะเดินมาเข้าห้องน้ำเฉย ๆ ไม่มีอะไร แยกย้ายไปทำงานแล้วอย่าบอกเรื่องนี้กับนายและพี่ภัทรล่ะเดี๋ยวเด็กมันจะเดือดร้อน” เมื่ออิงฟ้าเดินออกไปเจจึงหันไปบอกลูกน้องที่ยืนอยู่บริเวณนั้น
“ครับพี่เจ”
“เฮ้อ! เกือบไปแล้วไหมยัยฟ้า เกือบจะเหลือแต่ชื่อแล้วไหม” เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก หัวใจเธอยังเต้นเร็วและแรงไม่หาย ถึงคนจ้างงานเธอจะบอกเธอว่ามาเฟียหนุ่มนั้นไม่มีทางฆ่าเธอเด็ดขาดเพราะเธอมีหน้าตาคล้ายกับคนรักเก่าของเจ้าของผับ แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี เพราะจิตใจมาเฟียโหดเหี้ยมมากเพียงใดย่อมรู้ดี
ทางด้านเมกะ
“ที่ผับเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” ภัทรเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าคนเป็นนายดูเครียด ๆ ขณะจ้องหน้าจอไอแพด
“ไม่มีอะไร” เมกะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ วางไอแพดในมือลง เอนหลังพิงกับเบาะแล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนากับมือขวาคนสนิท แต่สมองยังคิดถึงเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดที่เห็นเมื่อสักครู่
“นายจะกลับบ้านเลยหรือกลับไปที่ผับครับ” เมกะเอ่ยถามเมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าสู่เขตกรุงเทพฯ
“กลับไปที่ผับ” เสียงเรียบตอบกลับหลังจากยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
“แต่ผับใกล้จะปิดแล้วนะครับ”
“กูสั่งมึงว่าไงภัทร”
“ครับนาย”
รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดด้านหลังผับ เท้ายาวก้าวลงจากรถและรีบเดินตรงไปยังห้องทำงานชั้นสองทันที
“น้องฟ้ารีบไปเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านเถอะครับ พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ ทางนี้พี่จัดการต่อเอง” พนักงานหนุ่มบอกกับหญิงสาวขณะเดินสวนกันตรงบันได
“ขอบคุณค่ะ”
“เอ่อพี่นิค..” คำพูดถูกกลืนหายลงคอ เมื่อหันกลับไปเจอกับใบหน้าของใครบางคนที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ สายตาคมดุคู่นั้นที่เธอไม่กล้าสบตาด้วย
“ฟ้าขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” จากนั้นขาเรียวเล็กบนรองเท้าส้นสูงก็รีบเดินลงบันไดตรงดิ่งไปห้องแต่งตัวสำหรับพนักงาน ไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง
“อ้าวฟ้า ไม่รีบกลับบ้านเหรอ รอใครหรือเปล่าด้านในไม่มีคนแล้วนะ” พนักงานสาวที่เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเอ่ยถามอิงฟ้าที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงล็อกเกอร์
“เปล่าค่ะ แค่นั่งคุยแชตเฉย ๆ เดี๋ยวฟ้าก็กลับแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปไม่มีความจริงแม้แต่น้อย เธอแค่นั่งรอให้เลยเวลาเลิกงานนานที่สุดเพราะกลัวว่าจะเจอเข้ากับสายตาของเจ้าของผับที่ยืนมองมาจากชั้นสอง เธอรู้สึกถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากสายตาคมดุคู่นั้น
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าผ้าใบกระทบกับพื้นคอนกรีต ตอนนี้ลานจอดรถค่อนข้างโล่งเพราะพนักงานทุกคนได้กลับกันไปหมดแล้ว จะเหลือเพียงการ์ดที่เข้าเวรดูแลความเรียบร้อยอยู่รอบ ๆ บรรยากาศลานจอดรถจึงดูเงียบสงัด
“ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้ ใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าเกือบชั่วโมงเลยหรือไง” เสียงเรียบนิ่งดังมาจากด้านหลัง
“อ้ะ!” ร่างบางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ รีบหันขวับไปยังต้นเสียงทันที ร่างสูงเด่นในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำยืนมองมาที่เธอจากทางด้านหลัง
“หนูพึ่งคุยโทรศัพท์เสร็จค่ะ เลยออกมาช้า”
“ฉันนึกว่ามัวแต่หาอะไรอยู่ เลยจะถามว่าเจอหรือยัง ถ้ายังฉันจะได้ให้คนช่วยหา”
อาการชาวาบไปทั้งตัว ความผิดที่เธอแอบเข้าไปโซนต้องห้ามมันกำลังตามคิดบัญชีเธออยู่ตอนนี้ มือเล็กสองข้างกำเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่า
