บท
ตั้งค่า

เกือบไม่มีที่ซุกหัวนอน

แต่นั่นอาจจะเป็นแค่เธอที่มีความคิดแบบเด็ก ๆ มองโลกในแง่ดีมากเกินไป หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์ก็พบกระเป๋าใบใหญ่สองใบวางรออยู่ที่หน้าประตูแล้วและไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนเมินเฉยทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่ อริสาสับสนจนไม่อยากจะเชื่อกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอรู้แล้วว่าตัวเองคงถูกตัดหางปล่อยวัดแล้วจริง ๆ

จากอากาศที่เคยสดใสเมื่อสักครู่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำอีกครั้ง

“นี่คืออะไร” อริสาถามชายแก่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า เดาว่าเขาคงจะเป็นพ่อบ้าน “ทำไมถึงมีกระเป๋าสองใบวางอยู่ตรงนี้”

“นี่คือสิ่งของทั้งหมดของคุณครับ ในวันที่คุณเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็มีเพียงแค่กระเป๋าเดินทางสองใบเท่านั้น” พ่อบ้านพูดเสียงเรียบ ท่าทีอ่อนน้อมแต่ก็ไม่มีความเกรงกลัวในน้ำเสียงเช่นกัน

“แต่ของอย่างอื่น-” เธอแย้งขึ้น จำได้ว่ามีสิ่งของมากกว่านี้แน่นอน

“สิ่งของอื่น ๆ ได้ถูกสั่งให้เก็บไปไว้ในสถานที่ที่สมควรแล้วครับ อีกอย่างในกระเป๋าสองใบนี้ก็มีของของคุณครบถ้วน ไม่มีขาดตกบกพร่อง หากคุณอริสาสงสัยสามารถเปิดกระเป๋าตรวจดูได้เลยครับ”

“ไม่ใช่สิ ฉันอยู่ที่นี่มาหลายปีจะมีแค่กระเป๋าสองใบได้อย่างไร” อริสาพยายามจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่คนใช้เหล่านั้นก็เดินมาขวางเอาไว้เสียก่อน

“ของสำคัญของคุณมีเท่านี้จริง ๆ ครับ” พ่อบ้านเริ่มพูดเสียงเข้ม “สิ่งของอย่างอื่นถูกคุณไอราคัดแยกไว้หมดแล้วตามที่เธอเห็นสมควร หากคุณอริสายังมีข้อสงสัยสามารถไปถามคุณไอราได้โดยตรงครับ”

“ฉันเข้าใจแล้ว” เธอพูด แม้อยากจะถามต่อแต่ท่าทางนิ่งเฉยไม่รับรู้ปัญหาของอีกฝ่ายก็ชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีก

คำพูดของชายคนนี้ปิดช่องว่างทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งการที่บอกว่าเป็นคำสั่งจากคนใหญ่คนโตในบ้าน เขาที่เป็นพ่อบ้านไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้นที่จะกล้าเก็บของมาวางไว้ตรงนี้ หากอยากจะโวยวายก็ต้องไปพูดกับคนที่สั่งการเท่านั้น และสิ่งของทุกอย่างก็ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือหากจะตรวจสอบก็ย่อมได้แต่นั่นคงจะเสียเวลาเปล่า

ดูจากท่าทางของคนเหล่านี้ก็คงจะไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่นักและการที่จะยืนอยู่ตรงนี้ก็คงจะไม่มีความหมายเช่นกัน จะร้องขอให้พวกเขาช่วยเหลือคงมีแต่จะทำให้คนเหล่านี้รู้สึกสมเพชเธอมากกว่าเดิม อีกทั้งในช่วงที่คนขับรถขับเข้ามาภายในคฤหาสน์เธอเองก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา อริสาจึงได้แต่ยอมรับว่าสถานที่แห่งนี้คงไม่อยากให้เธอเข้ามาเหยียบแล้วจริง ๆ

เธอต้องลากกระเป๋าเดินออกมาที่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเลย หลายคนต่างมองมาและซุบซิบนินทากันไม่หยุด อริสาเดาว่าคนเหล่านั้นคงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้มองมาด้วยความแปลกใจ แต่ในเมื่อไม่ได้ข้องเกี่ยวกับครอบครัวนี้แล้วเธอก็จะไม่สนใจและปล่อยให้พวกเขาคิดกันไปเอง

อริสาต้องเรียกแท็กซี่กลับเข้ามาในเมืองทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เธอมองไปยังตึกสูงตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสองใบที่อยู่ในมือ ไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าจะไม่มีที่ซุกหัวนอนตั้งแต่วันแรกที่ได้ทะลุเข้ามาในนิยาย

“อย่างน้อยครอบครัวนั้นก็ควรให้เวลาฉันเตรียมตัวสักหน่อยสิ แต่นี่ให้กระเป๋ามาสองใบแค่นี้เนี่ยนะ ถึงจะโกรธแค้นกันขนาดไหนก็ไม่ควรไล่กันแบบนี้” อริสาบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ รู้ทั้งรู้ว่าร่างเดิมแอบไปมีชู้จนถูกไล่ตะเพิดออกมาแบบนี้แต่เธอก็ยังอดโมโหไม่ได้

ในระหว่างที่นั่งแท็กซี่อริสาได้เห็นความทรงจำของร่างเดิมและรู้ว่าก่อนจะแต่งงานเธอมีฐานะค่อนข้างยากจน ต้องเรียนและทำงานไปด้วยและเป็นเพียงลูกสาวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยสักคน แม่ที่เลี้ยงดูมาก็เสียชีวิตไปก่อนที่เธอจะให้กำเนิดลูกชายกับไอศูรย์เสียอีก อริสาได้แต่คิดว่าร่างเดิมก็มีชีวิตคล้ายกับเธอก่อนที่จะเข้ามาในนิยาย แต่ต่างกันตรงที่เธอยังมีเงินเป็นของตัวเองแต่ร่างเดิมกลับไม่มีสักบาทเดียว!!!

อริสาถอนหายใจหลายครั้ง ทุกบัตรที่มีในกระเป๋าเงินก็ใช้ไม่ได้เลยสักใบแถมเงินในบัญชีก็ด้วย ตอนที่จ่ายเงินก็ต้องนับเศษเหรียญในกระเป๋า แม้จะอับอายที่ต้องถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นแต่เธอก็ต้องอดทนนับเหรียญให้คนขับแท็กซี่ไป ทั้งที่เคยเป็นถึงภรรยาของผู้นำตระกูลเก่าแก่ที่ตอนนี้กำลังรุ่งโรจน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและอำนาจ แต่กลับไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยสักชิ้นเดียว!

ของทุกอย่างที่เคยได้มาก็คงจะเป็นเหมือนการให้ยืมจากไอศูรย์เพียงเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่ได้มีสถานะอะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว ทุกอย่างที่มีก็คงจะต้องคืนเจ้าของไป

อริสาเดินตามหาร้านขายเครื่องประดับ โชคดีที่บนร่างกายเธอยังมีเครื่องประดับอยู่บ้าง อย่างน้อยขายของเหล่านี้ไปก็พอจะช่วยชีวิตได้อีกหลายเดือน แต่จู่ ๆ ท้องของเธอก็ร้องเสียงดังด้วยความหิวโหย เธอลูบท้องของตัวเองวนไปวนมาพร้อมกับสลับมองเศษเหรียญน้อยนิดในมือ

“ท้องก็ร้อง เงินก็ไม่มี ทำไมชีวิตฉันเศร้าขนาดนี้”

ในระหว่างที่กำลังท้อแท้กับชีวิตใหม่แต่ทันใดนั้นอริสาก็ได้กลิ่นหมูปิ้งหอม ๆ ลอยมา เธอสูดดมเข้าไปหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้หิวจนคิดไปเอง เมื่อแน่ใจแล้วว่าสมองไม่ได้เบลอก็รีบจับกระเป๋าเดินทางแล้วเดินตามกลิ่นนั้นไปทันที ทันทีที่เห็นก็รีบซื้อหมูปิ้งมากินด้วยความรวดเร็ว

“แม่หนูค่อย ๆ ทานก็ได้ เดี๋ยวจะสำลักเอานะ” แม่ค้าเอ่ยห้ามปราม หลังจากที่เห็นเธอกัดข้าวเหนียวคำโต

“หมูปิ้งของป้าอร่อยมากจนอดใจไม่ไหวเลยค่ะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นก็เอาไปทานอีกนะ” พูดจบแม่ค้าก็หยิบหมูปิ้งสองไม้และข้าวเหนียวหนึ่งห่อส่งให้อริสาไปทานเพิ่ม

“ให้ฟรีเหรอคะ” เธอถามตรง ๆ

“ใช่ ๆ ทานเลย” แม่ค้าหัวเราะเบา ๆ เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงที่แต่งตัวดีขนาดนี้มาทานหมูปิ้งแถวนี้มาก่อน อีกทั้งท่าทางที่หิวโหย ไม่เลือกทานของหญิงตรงหน้าทำให้แม่ค้ามองด้วยความเอ็นดู

“ขอบคุณมากเลยค่ะป้า” อริสาไม่รอช้ารีบกินหมูปิ้งแสนอร่อยเข้าไป

หลังจากที่ทานจนอิ่มแล้ว ป้าที่มองดูเธออยู่ก็ถามด้วยความสงสัย “หนูชื่ออะไรล่ะ ป้าชื่อณีนะ”

“ฉันชื่ออริสาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“ชื่อเพราะดีนะ หน้าตาก็สวยมากด้วย” เธอเอ่ยชม “ป้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย พึ่งจะมาอยู่ที่นี่เหรอ”

“เอ่อ…” อริสาอยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอไม่มีที่อยู่ด้วยซ้ำ

ป้าณีมองไปยังผิวพรรณและการแต่งกายของอริสาก็พอจะเดาได้ว่าเธอคงจะเป็นคนมีฐานะ จึงถามไปอย่างไม่คิดอะไร “หนูคงจะอยู่เพนต์เฮาส์ราคาแพงแถวนู้นสินะ ไม่ง่ายเลยที่จะซื้อห้องพวกนั้น เขาว่ากันว่าราคาห้องเล็ก ๆ ก็ร้อยล้านแล้วงั้นเหรอ”

“เพนต์เฮาส์แถวนู้นงั้นเหรอ” อริสาหันไปมองตามมือของป้าและเห็นตึกแห่งหนึ่งสูงเด่นท่ามกลางตึกมากมาย

จู่ ๆ ความทรงจำหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ อริสาจำได้ว่าช่วงที่ตั้งครรภ์ลูกชายเธอได้ของขวัญจากคุณย่าของไอศูรย์ ที่ตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่ คุณย่าซื้อเพนต์เฮาส์นั้นไว้ให้เธอห้องหนึ่งและไม่ได้บอกคนอื่นในบ้านด้วย!

แม้หลังจากนั้นไม่นานคุณย่าจะเสียไปแต่ห้องนั้นก็ยังเป็นชื่อของเธออยู่ แต่เพราะต้องอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนั้น ร่างเดิมจึงไม่ได้มาอยู่ที่นี่เลยสักครั้งเดียว มีเพียงแค่นาน ๆ ทีจะแวะมาบ้างบางครั้ง

แต่โชคดียังไม่หมดเท่านั้น อริสาจำได้ว่าค่าส่วนกลางและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของเพนต์เฮาส์ คุณย่าก็จ่ายให้เธอไปแล้วถึงสิบปี ถึงแม้ว่าตอนนี้จะผ่านมาแล้วห้าปีแต่ก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งห้าปีเช่นกัน ดังนั้นแม้จะไม่มีเงินแต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย อย่างน้อยก็มีที่ซุกหัวนอนฟรีตั้งห้าปี!

อริสาดีใจมากจนจะหุบยิ้มไม่ได้ ในวันที่โชคร้ายก็ยังมีโชคดีเกิดขึ้น เธอหันมายิ้มให้กับแม่ค้าแล้วพูดด้วยความภูมิใจ “ใช่ค่ะ ฉันพักอยู่ที่เพนต์เฮาส์นั่น”

“สุดยอดไปเลย! เก่งไม่เบาเลย ทั้งสวยทั้งรวย!” ป้าเอ่ยชื่นชมไม่หยุด แม้ว่าจะเคยเห็นคนรวยมาหลายคนแต่ก็ยังไม่มีใครพักอยู่ที่เพนต์เฮาส์นั้นเลยสักคนเดียว การที่มีลูกค้าจากเพนต์เฮาส์นั้นมาซื้อของกับเธอแบบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกภูมิใจมากเป็นพิเศษ

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยววันหลังจะมาอุดหนุนใหม่” อริสาจับกระเป๋าแน่น พร้อมเดินทางไปสู่ห้องพักสุดหรูของเธอ

“จ้า รีบไปเถอะ เดี๋ยวครั้งหน้าป้าแถมให้เยอะ ๆ เลยนะ” ป้าณี พยักหน้ายิ้มรับ

เธอคิดว่าหญิงหน้าตาสะสวยที่แต่งตัวดูดีมีชาติตระกูลคนนี้คงจะไม่มีเศษเงินมาจ่ายแน่นอน ในกระเป๋าราคาแพงนั่นคงจะมีแต่บัตรเครดิตหลายใบจึงอดภูมิใจไม่ได้ที่อริสามายืนทานหมูปิ้งข้างทางแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าป้าณี จะมองการณ์ไกลไปมากโข ไม่เอะใจเลยสักนิดว่าทำไมคนที่แต่งตัวดูดีแบบนี้ถึงมายืนอยู่ข้างทางพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสองใบได้

อริสาพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปตามทาง ไม่นานก็มาถึงที่เพนต์เฮาส์แล้ว เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าวันนี้จะผ่านเรื่องราวมามากมายแต่อย่างน้อยก็ผ่านพ้นไปและไม่ต้องห่วงอะไรอีกสักพัก ถึงจะได้ทะลุมิติเข้าไปนิยายในร่างของนางร้ายปลายแถวก็ตาม แต่เธอจะขอเปลี่ยนชะตากรรมของนางร้ายคนนี้โดยการที่จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนิยายเด็ดขาด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel