บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ถูกทอดทิ้ง 2

เขามองนิ้วเรียวของนางในยามที่สัมผัสเนื้อยาสมุนไพรสีเหลืองอ่อนแล้วทาลงบนหลังมืออย่างเพลิดเพลิน ท่วงท่าของนางช่างอ่อนช้อยนุ่มละไมดุจกิ่งหลิวต้องลม

ทหารที่วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับชายหนุ่มในสนามรบเห็นแล้วก็พลันรู้สึกว่าช่างแปลกตาและดึงดูดใจยิ่งนัก

นางตั้งหน้าตั้งตาทายาให้ตนเองอย่างเบามือจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงรู้สึกเหมือนว่าตนเองถูกจ้องมองอยู่ นางจึงเหลือบเนตรงามขึ้นมองเล็กน้อยพลันสบกับดวงตาคมของเขาโดยไม่ตั้งใจ

หานชางเหยียนถูกจับได้ว่าแอบมองคนจึงตัวแข็งทื่อจากนั้นจึงส่งเสียง "หึ" แก้เก้อออกไปคำหนึ่ง ท่าทางปั้นปึ่งเย็นชาเช่นเคย

เมิ่งสืออีก้มหน้าลง หัวใจของนางปวดร้าวยิ่งนักกับท่าทางเย็นชาของเขา นางเพิ่งเคยรักผู้ชายเป็นครั้งแรกในชีวิต และผู้ชายที่นางรักก็ยังเป็นสามีของนาง นางทำผิดอันใดไยสวรรค์จึงได้ลงโทษให้หัวใจของนางเจ็บปวดเช่นนี้

ดูท่าแล้วคำทำนายในเซียมซีของท่านแม่นั้นจะไม่แม่นเสียแล้ว!

หลังจากออกเดินทางได้หลายวัน เมิ่งสืออีก็เริ่มชินกับความเย็นชาของสามี จู่ ๆ หานชางเหยียนก็สร้างเรื่องที่ทำให้นางรู้สึกปวดใจร่างกายแข็งชาจนน้ำตาเล็ด เมื่อเขาพาสตรีนางหนึ่งขึ้นรถม้ามาด้วย

เขาบอกกับนางว่าสตรีนางนี้คืออนุของเขาที่จะพากลับเมืองหลวงไปพร้อมกัน

ชายหนุ่มหญิงสาวเอียงคอออเซาะ หานชางเหยียนก็ไม่เกรงใจนางแม้แต่น้อยเขาทำกับว่านางเป็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งในยามที่เคลียคลอกอดประคองหญิงสาวนางนั้น

"อาหลันป้อนข้าสิ"

สตรีนางนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงถ่อมตน

"ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเกรงใจฮูหยินเจ้าค่ะ"

หานชางเหยียนเอ่ย

"ไม่มีสิ่งใดให้เจ้าต้องเกรงใจทั้งนั้น อีกอย่างข้าคือสามีของเจ้า ไยต้องใช้คำห่างเหินเช่นนั้น เรียกข้าว่าท่านพี่สิ"

เมิ่งสืออีสะอึก นางเคยเรียกเขาว่าท่านพี่ แต่เขากลับตำหนินาง ทว่ากลับสตรีอื่นเขากลับร้องขอให้นางเรียกเขาว่าท่านพี่

เมิ่งสืออีกำมือแน่น หากว่าการแต่งงานครานี้ไม่ใช่เพราะว่านางต้องเป็นตัวประกันให้กับท่านพ่อท่านแม่ นางคงร้องขอหนังสือหย่าจากเขาไปแล้ว

เมื่อเห็นพวกเขาพลอดรักกันคาตา นางเจ็บปวดจนไม่อาจมองได้ จึงทำได้เพียงหลับตานั่งหันหลังให้คนทั้งคู่

ก่อนหน้านี้นางตระหนักได้แล้วว่าเขาไม่รักนาง แต่นางก็ทำใจได้แล้วและตั้งใจจะไม่ยุ่งกับเขาและจะอยู่เพียงเงียบ ๆ ลำพังแต่เขาก็ยังทำให้นางลำบากใจและเจ็บปวดไม่หยุดหย่อน เขาให้สตรีนางนั้นแต่งกายงดงามด้วยเสื้อผ้าไหมหนานุ่มราคาแพง ในขณะที่เมิ่งสืออีกลับถูกเขาสั่งให้สวมเพียงชุดธรรมดาและเสื้อกันลมแบบมีหมวกที่เนื้อหยาบกร้านด้วยเหตุผลที่ว่า

"ข้าไม่ชอบสตรีอวดตน ยิ่งสตรีที่มาจากสกุลเมิ่งเช่นเจ้าก็ยิ่งต้องเจียมตัว"

ที่แท้อาภรณ์งดงามเหล่านั้นเขาก็ตั้งใจมอบให้อนุของเขา ในที่สุดเมิ่งสืออีก็ทนไม่ไหว

"ท่านแม่ทัพ ให้ข้าลงไปเถิดเจ้าค่ะ พวกท่านทำสิ่งใดจะได้สะดวก หรือไม่ให้ข้าไปอยู่ด้านนอกก็ได้"

หานชางเหยียนหัวเราะหยัน ก้มลงจูบแก้มอนุฟอดใหญ่แต่น้ำเสียงที่เอ่ยกับนางช่างเย็นชายิ่งนัก

"ทำไมหรือ ทนดูไม่ได้หรือ หึ ถึงจะทนดูไม่ได้ก็ต้องทนดู เจ้าจะได้เห็นว่าการที่แต่งกับคนเช่นข้าโดยที่ข้าไม่เต็มใจแล้วรังเกียจเจ้าเช่นนี้ทำให้เจ้าทรมานเพียงใด ไม่ต้องไปที่ใดทั้งนั้นแม้จะขัดหูขัดตาข้าแต่การมีเจ้าอยู่ที่นี่ก็สนุกดีเหมือนกัน"

คนทั้งคู่คลอเคลียกันอยู่ทั้งวันกระทั่งเวลาล่วงเข้ายามเย็นก่อนที่จะถึงจุดพักรถม้า จู่ ๆ เมิ่งสืออีก็ได้ยินเสียงครึกโครมที่ด้านนอกพร้อมกับเสียงของทหารที่ตะโกนขึ้นมาว่า

"ท่านแม่ทัพ มีคนร้ายดักซุ่มโจมตีขอรับ"

อนุของหานชางเหยียนหวีดร้องขึ้นมาทันใด

"ว๊าย ท่านพี่ข้ากลัวเจ้าค่ะ"

เมิ่งสืออีเองก็หวาดวิตก นางไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ธนูหลายดอกพุ่งทะลุเข้ามาในรถม้า เมิ่งสืออีถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกดใบหน้านางลงไปบนโต๊ะเพื่อหลบลูกดอก จากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดัง

"จอดรถม้าข้างทางตรงที่สามารถหลบได้"

เพราะเขากดศีรษะของนางเร็วไปจนซีกแก้มข้างหนึ่งกระแทกกับโต๊ะตัวเล็กในรถม้าทำให้แก้มของนางแดงช้ำเมิ่งสืออีเจ็บจนพูดไม่ออกแล้ว

"หมอบลงกับพื้นหากไม่อยากถูกลูกธนู"

นางคิดว่าเขาบอกนาง แต่น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นย่อมมิใช่ ที่แท้เขากำลังบอกอนุของเขานางนั้น แต่ในเมื่อได้ยินแล้วเมิ่งสืออีก็ไม่รอช้า นางหมอบลงไปบนพื้นมือคว้าถุงผ้าที่มีของสำคัญในนั้นมาได้

ในยามนั้นรถม้าก็จอดสนิท

"รีบลงมาเร็วเข้า"

เมิ่งสืออีรีบลงจากรถม้า จากนั้นก็ถูกสั่งให้วิ่งเข้าไปในป่ายังได้ยินเสียงของเขาตะโกนดังก้อง

"เมิ่งสืออีหากไม่อยากตายก็หลบให้ดี"

เขามิได้อยู่คอยปกป้องนางแต่รีบคว้าข้อมือของอนุอันเป็นที่รักและพาขึ้นม้าตัวหนึ่งควบจากไปอย่างไร้เยื่อใย เมิ่งสืออีไม่มีเวลาให้เสียใจแล้ว เมื่อทหารสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันเอาเป็นเอาตายและรถม้าคันนั้นก็ถูกธนูไฟยิงกระหน่ำจนไฟลุกพรึ่บขึ้นมา

เมิ่งสืออีกอดถุงผ้าของตนเองแน่นจากนั้นก็ดึงหมวกขึ้นมาคลุมศีรษะโชคดีที่นางสวมชุดคลุมสีดำจึงกลืนไปกับความมืด เมิ่งสืออีทำตามที่หานชางเหยียนสั่ง

นางวิ่งไปหาที่หลบซ่อนอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งบัดนี้จึงมีสตรีที่น่าสงสารนางหนึ่งซ่อนกายอย่างเงียบเชียบ และใบหน้าของนางนั้นนองไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจปนหวาดกลัว

หัวใจของนางแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้วเมื่อเห็นคาตาว่าสามีของตนเองคว้ามืออนุแล้วพาขึ้นม้าหนีไปด้วยกัน ทิ้งนางซึ่งเป็นภรรยาแต่งเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่แยแสว่านางจะเป็นจะตายเลยแม้แต่น้อย

เชิงอรรถ

1. ^ สืออี คือ เลข 11 ในภาษาจีน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel