10.จงใจ
“บัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงครับนายท่าน”
คาเรนยื่นมือไปรับจดหมายที่ทหารจากทางพระราชวังเดินทางมาส่งให้ถึงมือของเขาด้วยตัวเอง
“งานเลี้ยงงั้นหรือ? ท่าทางองค์ราชาจะว่างมากจนไม่มีอะไรทำอย่างนั้นสินะ ถึงได้ทรงเสียสละเวลาที่แสนมีค่าจัดงานเลี้ยงให้ลูกชายของตัวเองเช่นนี้”
คาเรนโยนจดหมายในมือให้กับสหายคนสนิทของเขา ดิเทนแห่งอาคาน่า ท่านเคาน์รูปงามที่ยังไม่มีภรรยา
“ก็ดีไม่ใช่รึไง ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคาดหวังกับการเข้าร่วมงานเลี้ยงเพื่อหาสตรีสักนางเอาไว้โอบกอดในค่ำคืนที่เหน็บหนาวนะคาเรน แล้วเรื่องของเลดี้ไกอาเป็นเช่นไร นางตราตรึงใจดีหรือไม่?”
พอสหายรักกล่าวชื่อของไกอาขึ้นคาเรนก็เบือนหน้าหนีในทันที
“ไม่รู้สิ ข้าไม่ได้..นอนกับนาง”
ดิเทนแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“นี่ เจ้าจะหวงนางเอาไว้คนเดียวรึไงกัน”
“ข้าไม่ได้นอนกับนางจริงๆดิเทน สตรีผู้นั้นร้ายกาจมากกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้ ข่าวลือเรื่องความร้ายกาจของนางยังไม่ได้ครึ่งกับที่นางกระทำด้วยซ้ำ นางคือสตรีที่ตั้งใจจะจับบุรุษเช่นข้าไปเป็นสามี..มันบ้ามากใช่ไหมล่ะ”
สิ้นเสียงของคาเรน ดิเทนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ให้ตายเถอะคาเรน นี่เจ้ากำลังจะถูกความไร้เดียงสาบนใบหน้านั้นล่อลวงอย่างนั้นหรือ?”
ผิดแล้ว ผิดถนัดเลยล่ะ สตรีผู้นั้นไม่ได้ไร้เดียงสานางสัมผัสส่วนนั้นของเขาด้วยความช่ำชองอีกทั้งสีหน้าของนางยังไม่มีวี่แววเคอะเขินเลยแม้แต่นิดเดียว หากจะถามถึงเรื่องบนเตียง นางอาจจะมีรสชาติที่เผ็ดร้อนราวกับเครื่องเทศที่ใส่ในแกงอะไรสักอย่าง เป็นรสเผ็ดร้อนที่ทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้น..แต่ถึงแม้ว่าจะน่าเอร็ดอร่อยแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางยินยอมเอาชีวิตโสดของตัวเองไปเสี่ยงหรอกนะ
“หากเจ้าอยากรู้เกี่ยวกับไกอา งานเลี้ยงที่กำลังจะจัดขึ้นในครั้งนี้เจ้าก็ไปดูให้เห็นกับตาสิดิเทน แต่ถ้าถามข้า ข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสตรีเช่นนั้นอีกแล้ว”
ดิเทนหัวเราะออกมาอีกครั้งเมื่อเขาเห็นท่าทางขยาดกลัวของสหาย เขาไม่รู้ว่าในคืนนั้นมันเกิดเรื่องอะไรกับคาเรน แต่สาวงามก็ยังคงเป็นสาวงาม เป็นเหมือนอัญมณีล้ำค่าที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการสัมผัสและครอบครองมันสักครั้ง
“เรื่องความงดงาม เลดี้ไกอานับว่าตราตรึงใจยิ่งนัก ผิวกายที่ขาวเนียนเช่นนั้นคงจะสร้างรอยแดงลงไปบนร่างกายได้ง่ายดายยิ่ง..”
คาเรนส่งเสียงร้อง “เหอะ” ออกมาเบาๆ
“ลุยเลยดิเทน คืนนั้นเจ้าจะต้องมัดใจนางเอาไว้ให้ได้นะ”
แล้วหลังจากนั้นข้าจะเสียสละตัวเองเพื่อไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของเจ้าเอง
..................
เธอคงจะอ่านนิยายมากเกินไป เพราะปกตินางเอกจะต้องปลอมตัวเป็นสาวชาวบ้านออกมาท่องเที่ยวในตลาดแล้วได้พบเจอกับเหล่าตัวเอก..แต่เธอไม่ได้ต้องการพบเจอกับเหล่าตัวเองหรือว่าใคร ไกอาแค่อยากออกมาที่ตลาดเพื่อดูการค้าขายของพวกชาวบ้าน และเธอลืมไปว่าตัวเองนั้นถือเป็นจุดเด่นมากทีเดียว เพราะว่าเธอมีสีผิวที่แตกต่างจากผู้คนที่นี่
“อ่า..ข้าเป็นนักเดินทางค่ะ และข้าอยากจะได้อินทผาลำสักถุง”
หญิงวัยกลางคนมองหน้าของไกอาด้วยแววตาสงสัย
“เช่นนั้นแม่หนูก็มาถูกร้านแล้วล่ะ”
ไกอาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เธอกระชับผ้าโพกหัวของตัวเองเอาไว้ให้แน่นมากยิ่งขึ้นเพื่อให้มันปิดบังใบหน้าของเธอจากผู้คนมากมายและเพื่อปิดบังความร้อนของแสงแดด
เอาจริงๆ เธอคิดว่าองค์ราชาจะบ้าแต่ตัณหาซะอีก ทว่าเมื่อเธอเดินเข้ามาในย่านการค้า มันอดจะทึ่งกับเศรษฐกิจที่ดีเช่นนี้ไม่ได้เลย มีรถม้าของพ่อค้ามากมายมาเลือกจับจ่ายซื้อของ ทั้งผลไม้อบแห้ง ผ้าทอ อัญมณีต่างๆ เพื่อส่งออกไปขายที่ต่างเมือง ที่ตามตรอกไม่มีขอทานเลย บ้านช่องของชาวเมืองไม่ได้ทรุดโทรมแต่ตรงกันข้าม ชาวเมืองนอลข่านมีความเป็นอยู่ที่ดีมากทีเดียว เพราะชนชั้นสูงมีเงินมาก พวกเขาจึงไม่มาแก่งแย่งอาชีพของชาวบ้านและเพราะว่านั่นคือกฏหมาย ชนชั้นสูงและขุนนางของนอลข่านจะต้องไม่ทำงานหรือว่าทำอาชีพ ทุกคนจะได้รับเงินจากองค์ราชาเพื่อเป็นค่าจ้างในการเป็นชนขั้นสูง หลังจากนั้นหน้าที่ของชนชั้นสูงคือการจับจ่ายซื้อของ..และเงินที่พวกเขาซื้อของก็จะถึงมือของผู้ประกอบการโดยตรง และร้านค้าพวกนั้นก็จะจ่ายภาษีให้กับทางพระราชวัง ซึ่งภาษีรายได้ไม่ได้แพงเลย..เป็นการจ่ายที่แลกมากับบ้านเมืองที่เจริญขึ้น
เพราะความเก่งกาจและความอัจฉริยะขององค์ราชาสินะ พระองค์ถึงได้เปลี่ยนชนเผ่าป่าเถื่อนให้เป็นราชอาณาจักรได้ ทรงพระปรีชาสามารถจริงๆ อย่างที่โนแอลบอก..
ในตอนที่อายุสี่สิบแปดยังหล่อเหลาเช่นนี้ ตอนที่อายุน้อยๆ จะต้องเปล่งประกายมากแน่ๆ และพอมาคิดมาคิดไปก็ไม่แปลกใจหรอกที่คนเก่งและหล่อขนาดนั้นจะเป็นรักแรกของโนแอล แต่เขามีเมียเยอะเกินไปจ้าสาว...
เพราะอย่างนั้นรักที่ไร้หนทางสมหวังเช่นนี้ เอาตามจริงเธอไม่อยากสนับสนุนโนแอลเลยสักนิดเดียว แต่ก็เอาเถอะ..คนเรามันจะต้องลองสู้กับตัวเองสักตั้ง เธอเชื่อว่าหลังจากที่โนแอลได้มีค่ำคืนกับรักแรกที่เพ้อฝันมาหลายปีแล้ว โนแอลจะเติบโตขึ้นและเป็นคนใหม่ที่กล้าพอจะรักใครอีกครั้ง..
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าที่นี่มีร้านหนังสือรึเปล่าคะ”
เธอถือถุงผลไม้แห้งเอาไว้พร้อมกับเอ่ยถามเจ้าของร้าน
“มีสิแม่หนูคนสวย ตรงไปทางนั้นจนสุดทางก็จะถึงร้านหนังสือแล้ว..”
“ขอบคุณนะคะ”
“ทานหมดแล้วอย่าลืมมาอุดหนุนป้าอีกนะ”
รอยยิ้มคือสิ่งที่ฉายเอาไว้บนใบหน้าของประชาชนทุกคนของที่นี่ และมันคงจะเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ไกอาไม่ประหม่าเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เธอพึ่งจะเข้าเมืองมาคนเดียว เธอเดินมาจนถึงสุดทางเดินแต่ก็ไม่เห็นร้านหนังสือเลย มีร้านขายอาวุธที่น่ากลัวตั้งอยู่แทน อีกทั้งเมื่อเดินมาสุดทางผู้คนรอบๆ ข้างของไกอาก็หายไปจนหมดเลย
เธอควรจะเดินกลับ..
เมื่อเห็นถึงความผิดปกติและความไม่ปลอดภัยไกอาก็หันหลังกลับในทันที ทว่าเบื้องหน้าของเธอที่ร้างผู้คนกลับมีชายห้าคนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับขวางทางเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอได้มีโอกาสหลบหนี
“ข้าพบเจอสตรีมามากมายแต่ไม่เคยเจอใครที่งดงามเช่นนี้เลยให้ตายสิ นายท่านของเราจะต้องชอบสตรีผู้นี้มากแน่ๆ นางคงทำเงินให้เราได้อย่างงาม”
มือของไกอาพลันกำถุงผลไม้แห้งเอาไว้แน่นมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าที่นี่จะแตกต่างแต่ทว่ามันก็ยังมีอันตรายซ่อนอยู่ หากเดาไม่ผิดป้าเจ้าของร้านผลไม้แห้งคงจะตั้งใจส่งเธอมาที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วสินะ
ใจเย็นๆ ไกอา ทุกปัญหามันจะต้องมีทางออกและที่นี่ไม่ได้ไกลจากย่านการค้ามากเท่าไหร่นัก ถ้าเธอสับตีนแตกวิ่งไปอีกทางอาจจะหนีพ้นคนพวกนี้ก็ได้