บท
ตั้งค่า

บทที่ 36 งานของจินวั่งซู่

คุณชายจินโบกพัดงูดำของใช้ประจำตัวที่ซ่อนมีเข็มพิษซ่อนอยู่ภายในด้วยความรื่นเริงใจ พัดงูดำอาวุธที่ถูกประดิษฐ์ด้วยฝีมือของจอมยุทธ์ลู่ผู้ลือลั่นยุทธภพนับตั้งแต่จวิ้นอ๋องญาติผู้น้องที่อภิเษกสมรสไปอยู่แคว้นจินส่งข่าวกลับมาเล่าให้ฟังว่าพระชายาเอกของท่านอ๋องใหญ่แห่งแคว้นจินเป็นเจ้าของสำนักนักสืบและสำนักข่าวเปี่ยนฝู ทำให้จินวั่งซู่เกิดแรงบันดาลใจอยากจะทำสำนักข่าวในแคว้นจินบ้าง แม้เขาจะไม่มีวิชาแมวเก้าชีวิตเหมือนพระชายาเหลียงเจินซินผู้นั้น แต่เขาก็มีความสามารถในการซอกแซกหาข่าวได้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซุบซิบนินทาน้อยใหญ่หรือเรื่องในม่านมุ้งของชาวบ้าน จินวั่งซู่ล้วนตามหาความจริงได้ทั้งนั้น

แต่...การทำสำนักข่าวไม่ควรจะทำคนเดียว คุณชายจินจึงได้ชักชวนพระชายาฟ่านซิ่วอิงของชินอ๋องมาร่วมมือด้วย หากพูดเรื่องอุตริผิดธรรมเนียมแล้วพระชายาของชินอ๋องไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทั้งๆ ที่เขาเป็นสหายสนิทของพี่ชายนางแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับเหมือนเป็นเพื่อนสนิทของนางมากกว่า อาจเป็นเพราะเขาและนางมักจะรวมหัวกันทำเรื่องโฉดๆ อยู่บ่อยๆ....จะว่าไปเรื่องเช่นนั้นมักจะเริ่มจากความคิดของนางโดยลากเขาเข้าในร่างแหด้วยเสียมากกว่า

“สำนักข่าวเจียชี่ของเราพร้อมจะให้บริการองค์ชายเสมอพะยะค่ะ”

หมิงเฉิงอวี่ทรงยิ้มน้อยๆ “เกือบแล้ว! หากข้าไม่มาหาท่านเสียก่อน เห็นทีคงจะพลาดท่าเสียทีให้กับฮ่องเต้ไปแล้ว”

จินวั่งซู่รับงานสืบเรื่องราวภายในสกุลชิงจากองค์ชายสิบห้าตั้งแต่หลายวันก่อน ไม่นานนักก็ได้ข้อมูลเบื้องต้นออกมารายงานให้กับนายจ้าง คดีที่ว่าที่เจ้าสาวขององค์ชายหมิงเฉิงอวี่สิ้นชีพพร้อมกับรถม้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วเมืองหลวง ความเห็นของคนทั้งหลายหากไม่สงสัยว่าองค์ชายคิดฆ่าเจ้าสาวเพราะรังเกียจบิดาของนางก็เป็นว่าชะตาขององค์ชายพิฆาตพระชายา จินวั่งซู่ได้ข่าวว่ามีการเสนอชื่อว่าที่พระชายาองค์ใหม่ให้กับองค์ชายสิบห้าหลายคนด้วยกัน...เรื่องสนุกเช่นนี้เขาจะไม่เข้าร่วมได้อย่างไร? เรื่องของชาวบ้านเป็นงานโปรดของคุณชายจิน...คนรอบข้างล้วนรู้ดี!

“สรุปว่าองค์ชายได้ว่าที่พระชายากี่คนล่ะพะยะค่ะ?”

“รอบนี้น่ะหรือ? ตัวเต็งมีมาสองคน นั่นคือคุณหนูรองเผยกับคุณหนูใหญ่จื้อ” จินวั่งซู่ค่อนข้างคุ้นเคยกับท่านอ๋องเก้าและองค์ชายสิบห้า ด้วยความที่เข้านอกออกในวังหลวงตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยฐานะที่เป็นญาติฝ่ายมารดากับองค์ชายสิบสองหรือจวิ้นอ๋องทำให้เห็นหน้าค่าตาในราชวงศ์แทบจะถ้วนทั่ว

“ที่ข้าปวดหัวก็คือ ตระกูลจื้อไปขุดหาจดหมายลายมือท่านยายของข้ามาจากที่ใดกัน? จึงได้กล้าเอามาถวายฮ่องเต้เพื่อหวังให้ข้ารับคุณหนูใหญ่เป็นพระชายา”

“พวกเขาไม่กลัวชะตาพิฆาตภรรยาของท่านหรอกหรือ?”

หมิงเฉิงอวี่ได้ยินถ้อยคำนินทาเกี่ยวกับตนเองแล้วถึงกับส่ายศีรษะ “พวกเขาไม่เอาเรื่องเหลวไหลมาจากที่ใดกัน? ข้ากับเผยมู่ซีแม้แต่จะพบหน้ากันก็ยังไม่เคย การแต่งงานล้วนเป็นการยัดเยียดใส่มือโดยผู้อื่นทั้งนั้น พอนางตายกลับกลายเป็นความผิดข้าได้อย่างไร?”

“ท่านก็รู้ว่าชาวเมืองหลวงล้วนชมชอบการซุบซิบนินทา แล้วเรื่องของท่านก็เอิกเกริกนัก ในฐานะหนึ่งในยี่สิบหนุ่มรูปงามจะมิให้คุณหนูในห้องหอทั้งหลายเสียดายท่านได้อย่างไรล่ะองค์ชาย?”

“หึ! สตรีพวกนี้วุ่นวายนัก ข้าหวังว่าจะได้พระชายาที่ไม่น่ารำคาญแต่ดูไปแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดถูกใจสักคน”

“องค์ชาย การจะได้พบคนถูกใจล้วนขึ้นกับวาสนา หากท่านไม่ยอมพบปะสตรีให้มากๆ เข้าไว้แล้วจะได้พบสตรีถูกใจได้อย่างไร?”

หมิงเฉิงอวี่ยิ้มน้อยๆ “ท่านเล่าคุณชายจิน? ข้าเห็นท่านพบปะสตรีมากมาย เมื่อใดจะได้เห็นสตรีในดวงใจท่านเสียที?”

จินวั่งซู่เลิกคิ้วสองข้างขึ้นในทันที “หม่อมฉันน่ะหรือ? ก็เฉียดๆ ก็เกือบๆ มาหลายหน แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดที่ทำให้รู้สึกอยากแต่งงานด้วยเลย”

“ท่านมิได้แอบตบแต่งอนุภรรยาบ้างเลยหรือ?”

“ไม่มี!”

“นับว่าแปลกนัก! บุรุษเจ้าสำราญอย่างท่านต่อให้ไม่ตบแต่งฮูหยินเอกก็น่าจะมีอนุอย่างน้อยสักสองสามคน”

“ปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตฟ้าเถิด ผู้อื่นดูเหมือนจะกังวลเรื่องของหม่อมฉันยิ่งกว่าตัวหม่อมฉันเองเสียอีก อย่างท่านปู่ก็คอยเอาดวงชะตาไปตรวจบ่อยครั้ง ล่าสุดก็ยืนยันว่าปลายปีนี้หม่อมฉันจะพบสตรีที่ถูกใจ” พูดจบก็หัวเราะร่าออกมาด้วยความขบขัน “ท่านรู้หรือไม่? หมอดูที่บอกว่าหม่อมฉันจะได้แต่งงาน...คนนี้เป็นคนที่ห้าแล้ว แต่หม่อมฉันก็ยังมิเจอสตรีอยากจะได้เป็นภรรยาเสียที”

“เฮ้อ! พูดเรื่องพวกนี้แล้วข้าปวดหัวนัก”

“องค์ชายท่านกราบทูลฮ่องเต้ว่าหากเป็นบุตรีเจ้ากรมกลาโหมท่านอาจจะยอมแต่งงาน ใต้เท้าชิงมีแต่บุตรชายนี่พะยะค่ะ?”

“วางใจเถอะ ใต้เท้าชิงมีบุตรีอยู่ผู้หนึ่งแต่นางเพิ่งอายุสิบสี่ หากจะแต่งจริงก็คงต้องรอให้นางเลยวัยปักปิ่นไปเสียก่อน ที่สำคัญนางผอมแห้งเพราะเพิ่งหายป่วยเรื้อรัง หากอ้างข้อนี้ฮ่องเต้ก็น่าจะทรงยอมล้มเลิก”

“องค์ชายหมายถึง บุตรีที่ถูกขับไล่ไปพร้อมกับสตรีนอกสมรสนั่นหรือ?”

“คุณชายจิน ท่านก็รู้เรื่องนี้เหตุใดจึงยังไม่รายงานข้าที่เป็นนายจ้างด้วยเล่า?” “เพราะหม่อมฉันยังสืบไม่ชัดเจนน่ะสิพะยะค่ะ จะว่าไปสตรีผู้นี้คือภรรยาคนแรกของใต้เท้าชิงแต่กลับถูกแม่สามีกลั่นแกล้งมิให้ได้แต่งงาน หม่อมฉันขอเวลาสืบอีกสองสามวันเพื่อตามหาสาเหตุที่นางถูกไล่ออกจากจวนพะยะค่ะ?”

องค์ชายเฉิงหมิงอวี่ยอมเฉลยว่าตนเองได้พบจังฮูหยินและบุตรสาวที่อำเภอเฉิน ยามนี้นางกลายเป็นจิตรกรส่วนพระองค์ไปแล้ว

“ที่แท้องค์ชายก็ได้พบพวกนางสองแม่ลูกแล้ว ที่ทรงกราบทูลฮ่องเต้ไปเช่นนั้นอย่าทรงคิดว่าฮ่องเต้จะสืบไม่พบความจริงนะพะยะค่ะ หากฮ่องเต้ทรงบังคับให้องค์ชายอภิเษกสมรสกับจิตรกรสาวน้อยผู้นั้นจริงๆ จะทรงทำอย่างไร?”

หมิงเฉิงอวี่นึกถึงใบหน้าเล็กๆ ที่มักจะเชิดหน้ายามไม่พอใจ ทั้งสายตาที่มักแสดงความเกลียดชังพระองค์อยู่บางขณะให้รู้สึกผิดสังเกต แต่ยามที่มองนางตรงๆ นางก็มักจะก้มหน้าหรือมองที่อื่นกลบเกลื่อน ด้วยรู้สึกว่านั่นมิใช่เรื่องที่นางเสแสร้งแกล้งทำ หากแต่องค์ชายไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะเหตุใดนางจึงจงเกลียดจงชังตนเองเช่นนั้น? ใบหน้าของชิงหลานจึงคอยวนเวียนอยู่ในความคิดของพระองค์อยู่บ่อยครั้ง โดยไม่รู้ตัวพระองค์จึงได้กราบทูลฮ่องเต้ออกไป...จริงอย่างจินวั่งซู่เอ่ย หากฮ่องเต้สืบพบว่าใต้เท้าชิงมีนางเป็นบุตรสาวแล้วจับเขาแต่งงานกับนางเล่า?

“ข้าก็คงจะแต่งกับนาง” หมิงเฉิงอวี่ตอบง่ายๆ พลางยกน้ำชาขึ้นจิบ

“แต่งกับนาง...ท่านพูดง่ายเกินไปแล้ว!” คุณชายจินที่กางพัดโบกเบาๆ อยู่เมื่อครู่ตบรวบพัดด้วยมือเดียวก่อนจะเดินมานั่งมองพระพักตร์องค์ชายสิบห้าใกล้ “บอกหม่อมฉันตามตรงเถิดพะยะค่ะองค์ชาย ตกลงว่าคุณหนูชิงผู้นี้งดงามหยาดฟ้ามาดินหรือไร? ท่านจึงได้เอ่ยปากเรื่องแต่งงานง่ายดายเพียงนี้”

“จะเป็นไปได้อย่างไร? นางเพิ่งหายจากอาการป่วยเรื้อรังห้าปี ร่างกายผอมบางแทบจะมีแต่หนังหุ้มกระดูก ยามนี้เพิ่งจะพอเหมือนคนอยู่บ้าง อารมณ์ก็แปรปรวนมักจะชอบทำตาขวางอยู่บ่อยๆ ดีหน่อยที่ยังอ่านออกเขียนได้และวาดภาพได้เก่งกาจ”

จินวั่งซู่รู้สึกเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดและใส่ใจที่องค์ชายสิบห้ามีต่อคุณหนูชิงผู้นั้น นี่เป็นสัญญาณของความสนุกที่เขาจะพลาดไปเสียมิได้ องค์ชายที่สาวๆ ในเมืองหลวงหลงใหลใฝ่ฝันอาจจะพบรักกับสตรีที่เหนือความคาดหมาย

“เหตุใดหม่อมฉันฟังดูแล้วเหมือนองค์ชายจะสนพระทัยนางยิ่งนัก?”

“หึ! ข้าน่ะหรือ? ในฐานะนายจ้างก็ต้องคอยดูแลให้นางทำให้คุ้มค่าจ้างน่ะสิ”

“แต่ฟังดูเหมือนพระองค์รู้จักนางดีเหลือเกิน อ๊ะ! แล้วยังมีเรื่องที่ต้องการให้ข้าสืบเรื่องภายในสกุลชิงอีก...นี่มิใช่ว่าองค์ชายคิดจะปกป้องนางหรอกหรือ?”

“เป็นเพราะว่าใต้เท้าชิงจู่ๆ ก็กลายมาเป็นเจ้ากรมกลาโหมต่างหาก ขุนนางที่มิได้มีผลงานโดดเด่นเช่นนั้น ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงทรงมีพระราชโองการแต่งตั้งเขาเสียได้?”

“อืม...เรื่องนี้ก็แปลกจริงๆ แม้หม่อมฉันจะมิค่อยสนใจเรื่องในแวดวงขุนนางมากนัก แต่จำต้องรู้จักขุนนางใหญ่ไว้บ้างเหมือนกันนะพะยะค่ะ”

****************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel