บท
ตั้งค่า

บทที่ 33 ไม่กล้าผ่านตลาด

สิ่งที่เผยมู่ซีวาดหวังเอาไว้เป็นอันว่าล้มเหลว เมื่อกลับถึงจวนคนทั้งสี่ที่ดื่มกินจนอิ่มหนำล้วนง่วงเหงาหาวนอนขอลาแยกย้ายกลับห้องนอน จังฮูหยินที่คอพับคออ่อนเพราะดื่มด้วยความเกรงใจเข้าไปจนเต็มคราบถูกเสี่ยวลิ่งประคองเข้าห้องนอนก่อนผู้อื่น เผยมู่ซีขำท่าทางของมารดาที่โบกไม้โบกมือ พูดจาอ้อแอ้

“แม่ม่ายมาวว!!! จาวรีบปายนอนเถอะ!”

“ท่านแม่เจ้าคะ ท่าทางเช่นนี้ล่ะที่เรียกว่าเมา ฮ่าๆ ท่านแม่...เดินให้ตรงสิเจ้าคะ อย่าๆ อย่าเซไปทางนั้น”

เสียงวี้ดว้ายขำขันของคุณหนูกับเสี่ยวลิ่งทำเอาเหล่าลู่อดหัวเราะออกมามิได้ หลายปีแล้วที่สตรีทั้งสามมิได้หัวเราะเต็มเสียงเช่นนี้ นานๆ ทีดื่มสุราเพื่อความเบิกบานก็ดีเช่นนี้ เหล่าลู่มองดูพวกนางด้วยความสุขใจ หลายปีที่เฝ้าดูแลและเป็นห่วงพวกนาง คอยปกป้องและระวังอันตรายที่จะมาถึง

เสี่ยวลิ่งทั้งขำทั้งหนักแต่ก็แบกเอาฮูหยินเข้าห้องนอนจนสำเร็จโดยมีเผยมู่ซีเดินไปประคองแขนอีกข้างช่วย หลังจากได้รับการทะลวงลมปราณแล้วร่างกายของนางก็แข็งแรงขึ้นมา การประคองจังฮูหยินด้วยแขนข้างเดียวก็รับน้ำหนักได้เท่ากับที่เสี่ยวลิ่งประคองด้วยสองมือ

“คุณหนู กลับไปนอนเถิดเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปวาดภาพแต่เช้านะเจ้าคะ หากสายละก็องค์ชายอาจจะไม่ทรงพอพระทัยก็ได้”

“นั่นสิ! ข้าลืมไปเลยว่างานข้าที่ค้างไว้วันนี้ต้องเร่งมือทำอีก”

แม้นางจะบอกเสี่ยวลิ่งเช่นนั้นแต่กลับไปนั่งเขียนแผนการสืบเรื่องในตระกูลชิงให้ชัดเจน หากคิดจะเริ่มก็คงจะหาทางจัดการเรื่องของชิงหลานเสียก่อนจึงจะจัดการเรื่องของเผยมู่ซีได้ ยามนี้แม้แต่จุดยืนของชิงหลานก็ยังไม่มีแล้วจะแก้แค้นให้เผยมู่ซีได้อย่างไร?

...สวรรค์! ในเมื่อส่งนางกลับมาแล้ว...เหตุใดไม่ส่งหนทางแก้แค้นมาด้วยเล่า?

องค์ชายสิบห้าฟังรายงานจากจงเหยียนที่กลับมาอย่างเร่งด่วน

“ตวนเจี้ยนผู้นั้นแต่ก่อนเป็นผู้ช่วยเสมียนอยู่ในหน่วยทะเบียนของเมืองฉู่จิ้งขอรับ ภายหลังลาออกกลับไปอยู่บ้านเกิดที่อำเภอยินเหลียง เขาร่วมกับโจรป่ากลุ่มหนึ่งรอดักปล้นเฉพาะเศรษฐีและผู้มีฐานะดีเท่านั้นพะยะค่ะ หากเป็นคนยากจนผ่านมาพวกเขาจะปล่อยไปเฉยๆ และไม่เคยทำร้ายเหยื่อ ตวนเจี้ยนกับเกาสงเป็นเพื่อนบ้านกันตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขารักใคร่กันประดุจพี่น้อง ภายหลังเกาสงไปทำงานที่เมืองหลวง เพิ่งกลับบ้านเกิดได้ไม่นานพะยะค่ะ แต่ไม่ยอมกลับบ้าน มีคนยืนยันว่าเกาสงแอบติดต่อกับตวนเจี้ยนให้พาไปซ่อนตัวอยู่ในป่าพะยะค่ะ”

“อืม...เช่นนั้นคำให้การของคนผู้นี้ก็เชื่อถือได้”

“กังเฉิน ทางเมืองหลวงยืนยันว่าเกาสงคือคนขับรถม้าของตระกูลเผยที่หายไปในคืนเกิดเหตุใช่หรือไม่?”

“พะยะค่ะ”

“หากว่าเกาสงถูกบังคับให้ร่วมมือฆ่าเผยมู่ซีแต่เขากลับหนีไปได้ จากนั้นจึงติดต่อสหายคือตวนเจี้ยนให้ช่วยหาที่หลบซ่อนจากการตามล่า เพียงแต่ตวนเจี้ยนไม่อาจช่วยเขาหนีไปได้ตลอด เกาสงจึงต้องถูกคนผู้นั้นปลิดชีวิต”

“หัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามเป็นคนสกุลเฉา ฝ่ายมารดาเป็นตระกูลพ่อค้าเจ้าของร้านข้าวสาร ฝ่ายบิดาทำงานอยู่กรมพิธีการเป็นขุนนางขั้นห้า คนผู้นี้ชอบใช้ชีวิตหรูหรามักใหญ่ใฝ่สูง มีภรรยาและอนุภรรยาหนึ่งคน ทว่ากลับชอบไปหอโคมเขียว พะยะค่ะ”

องค์ชายเคาะพระดรรชนีกับโต๊ะเบาๆ สองสามครั้ง “หอโคมเขียวที่เขาชอบไปอาจจะเป็นแหล่งข่าวก็ได้ ส่งคนของเราไปสืบให้ดี”

“พะยะค่ะ”

“หากว่าคนผู้นี้เป็นผู้ตามล่าสังหารเกาสงจริงหรือล่ะก็...เรื่องนี้อาจจะซับซ้อนกว่าที่เราคาดไว้ ที่แน่ๆ เผยมู่ซีมิได้ตายเพราะอุบัติเหตุ คงมีใครสักคนที่ต้องการชีวิตนางเพื่อให้แผนการที่วางไว้สะดวกยิ่งขึ้น ในเมื่อสกุลเผยเสนอว่าที่พระชายาคนใหม่ขึ้นมาแล้ว หากไม่มีผู้อื่นปรากฏตัวข้าก็คงจะมั่นใจว่าเป็นฝีมือของคนในสกุลเผย”

“องค์ชายคิดว่ายังมีผู้อื่นอีกหรือพะยะค่ะ?”

“ในการสืบสวนเราไม่ควรตัดความเป็นไปได้อื่นๆ มิใช่หรือ?”

“พะยะค่ะ”

เสี่ยวลิ่งเร่งรัดให้คุณหนูของตนไปทำงานก่อนฟ้าสางเพราะนางไม่อยากจะเดินผ่านตลาดในตอนมีแสงสว่าง ถ้อยซุบซิบเรื่องนางกับองครักษ์หนุ่มขององค์ชายยังคงเป็นที่เอ่ยถึง ในพื้นที่เล็กๆ อย่างอำเภอเฉินหากไม่เกิดเรื่องราวใหม่ที่น่าสนใจยิ่งกว่า การพูดเรื่องของสาวใช้สกุลชิงกับองครักษ์รูปงามก็ยังคงเป็นเรื่องสนุกปากของชาวบ้านอยู่

เพื่อให้คุณหนูไม่ต้องแวะซื้ออาหารที่ตลาดเสี่ยวลิ่งจึงทำซาลาเปาด้วยตนเอง พร้อมทั้งทำเผื่อจิตรกรอาวุโสอีกสองท่านที่วาดรูปอยู่ชั้นล่างกับคุณหนูด้วย ภาพผนังที่สามมีรายละเอียดเยอะมากจนทำให้ต้องใช้เวลาวาดนานกว่าสองผนังแรก หลายวันแล้วก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสี่ส่วน คุณหนูสั่งนางเอาไว้ว่าจะไม่กลับมานอนกลางวันแล้ว เสี่ยวลิ่งจึงต้องเตรียมของกินให้เต็มปิ่นโตทั้งสองชั้น

“นี่ใจคอเจ้าจะพาข้าเดินไปทั้งที่ฟ้ายังมืดๆ นี่หรือ?”

“ท่านฝึกกระบี่เสร็จแล้วนี่เจ้าคะ? เรารีบไปเวลานี้ล่ะดีแล้ว จะได้ไม่มีคนสังเกตเห็นข้า” สีหน้าของเสี่ยวลิ่งดูเหมือนจะมีสีชมพูระเรื่อยามเอ่ยถึงเรื่องที่น่าอายนั้น

“ข้ากลับเล่า? เจ้าอย่าบอกนะว่าจะพาข้ากลับตอนมืดๆ ค่ำๆ อีก”

“คุณหนูเจ้าคะ! หลบได้ก็พาข้าหลบเถอะเจ้าค่ะ แล้วคุณหนูจะให้ข้าทำอันใดข้าก็จะยอมทุกอย่าง”

อ่า! คำสัญญานี้ช่างเข้าทางเผยมู่ซีนัก เสี่ยวลิ่งรู้ได้อย่างไรว่านางกำลังวางแผนการใหญ่?

“ดี! เจ้าแค่ต้องการหลบคนใช่หรือไม่?”

“เจ้าค่ะ”

“ได้! ข้ามีวิธี แต่หากข้าทำให้เจ้าได้แล้วเจ้าต้องยอมช่วยทำในสิ่งที่ข้าขอร้อง ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกัน”

“ได้เจ้าค่ะ”

เมื่อตกลงกันเรียบร้อย เผยมู่ซีก็รีบกินอาหารเช้าแล้วเดินอมยิ้มตรงไปวัดด้วยความสาสมใจ หากว่าคนทั้งสามยินยอมทำตามที่นางบอก นางย่อมจะหาจุดยืนในสกุลชิงให้กับชิงหลานได้ในไม่ช้า เผยมู่ซีรู้สึกว่าตนเองเป็นหนึ่งในพี่น้องสกุลชิง หากจะนับแล้วบุตรชายที่ถูกแท้งไปของจังฮูหยินก็ถือเป็นพี่ชายของนาง...ในเมื่อพวกเขารังแกพี่ชายของนง เผยมู่ซีจะไม่ปล่อยให้ซิวฮูหยินผู้นั้นรอดบ่วงกรรมนี้ไปได้เด็ดขาด!

…การกลับไปยืนอย่างสง่างามของจังฮูหยินและชิงหลานในตระกูลชิง ถือเป็นการแก้แค้นให้กับพี่ชายที่ตายไป....

องครักษ์จงยืนจูงม้าดักรออยู่หน้าวัด ดีที่เขาสืบรู้ว่าคุณหนูชิงกับเสี่ยวลิ่งมาทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เช้านี้องค์ชายมีคำสั่งให้เตรียมตัวกลับเมืองหลวงเพราะต้องการหาเบาะแสของหัวหน้ามือปราบเฉาและเกาสงเพิ่มเติม

“องครักษ์จง ท่านมาตรวจความเรียบร้อยหรือ?”

“มิได้ๆ ข้ามีธุระกับเสี่ยวลิ่งต่างหาก”

เผยมู่ซีเผลอทำตาโต ท่าทางที่ดูเขินๆ แต่ยังไว้ท่าของจงเหยียนทำให้นางพอเดาออกว่าชายหนุ่มขอเวลาส่วนตัว จึงหันไปบอกเสี่ยวลิ่งว่าจะเดินเข้าไปในด้านในประตูวัด เสี่ยวลิ่งบิดตัวเล็กน้อยเพราะนางเห็นสายตาขององครักษ์หนุ่มดูผิดปกติกว่าทุกครั้ง

“ท่านมีสิ่งใดจะสั่งข้าหรือองครักษ์จง?”

“ข้าต้องเข้าเมืองหลวงกับองค์ชายเช้านี้ จึงอยาก...อยากบอกเจ้าว่า...” เอ่ยมาถึงตรงนี้จงเหยียนก็เหมือนทำความกล้าตกหายไประหว่างทาง

“ว่าอันใดหรือ?”

“ว่าให้เจ้าระวังคุณหนูให้ดีอย่ากลับมืดค่ำนัก รีบกลับจวนก่อนตะวันตกดิน ในยามผ่านตลาดยังมีคนอยู่มากจะได้ปลอดภัย” จงเหยียนพูดเหมือนจะพ่นออกมาโดยไม่ทันได้คิด

เสี่ยวลิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ควันออกหู “ท่านจะบ้าหรือไร? ยังจะกล้ามาบอกข้าให้เดินผ่านตลาดอีก...เป็นเพราะท่านทีเดียวทำให้ข้าไม่กล้าสู้หน้าคนทั้งอำเภอแล้ว!”

*****************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel