บทที่ 18 ชุดใหม่ของเสี่ยวลิ่ง
ก่อนจะพักกลางวันองค์ชายเรียกจิตรกรทุกคนให้มาเข้าเฝ้าที่ห้องโถงอาคารใหญ่ของวัด เผยมู่ซียืนอยู่เกือบท้ายแถว นางเงยหน้าขึ้นเหลือบมองบุรุษสูงศักดิ์ในอาภรณ์สูงค่าที่นั่งอยู่พระเก้าอี้กลางห้องด้วยความคลางแคลงใจ
...เขาคือหนึ่งในคนที่น่าสงสัยว่าอาจจะลงมือฆ่านาง....
ความเกลียดชังและรังเกียจของคนในราชวงศ์อาจจะก่อให้เกิดการลงมือที่คาดไม่ถึงและยากจะสืบสาวราวเรื่อง หากว่าองค์ชายสิบห้าไม่อยากแต่งงานกับคุณหนูใหญ่สกุลเผยจนลงมือทำให้กลายเป็นอุบัติเหตุเล่า? ข้อสงสัยอีกประการก็คือใต้เท้าเผยบิดาผู้เกรี้ยวกราดของนางกลับไม่ยอมตั้งข้อสงสัยใดๆ เพียงต้องการอยากทำพิธีศพให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว...แม้ไม่อยากจะระแวงแต่นางก็เกรงว่าอาจจะเป็นฝีมือของคนผู้นั้น...คนที่ทำให้ท่านพ่อรีบกลบเกลื่อนทุกสิ่งให้หายไปกับชีวิตที่สิ้นลมของเผยมู่ซี
...คนทั้งสองล้วนมีเหตุผลที่มากพอจะฆ่านางได้ทั้งนั้น!
ชิงหลานยืนก้มหน้าสองมือที่กุมกันจนกลายเป็นการหยิกนั้นอยู่ในสายตาของหมิงเฉิงอวี่
‘เด็กคนนี้แปลกนัก...คล้ายคนมีความอัดอั้นหัวใจอยู่มากเทียว ยามที่นางลอบมองข้าก็เหมือนเกลียดชังเสียนัก’
“ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทั้งหมดมาเข้าเฝ้าวันนี้ ข้าได้ให้ตัวแทนของอาจารย์จ้าวประเมินผลงานเบื้องต้นของพวกเจ้าแล้ว อนุญาตให้เบิกค่าแรงในส่วนที่ทำงานเรียบร้อยแล้ว ผู้ใดที่รู้ตัวว่าตนเองทำงานเสร็จก็ไปเข้าแถวรับเงินด้านโน้น”
“ขอบพระทัย พะยะค่ะ” เหล่าจิตรกรรีบค้อมศีรษะกล่าวขอบคุณเป็นเสียงเดียวกัน งานรับใช้ราชวงศ์มักจะได้รับค่าจ้างมากกว่างานอื่นเสมอ หากไม่ติดว่ารับปากทำงานอื่นไว้ก่อนแล้วหลายคนก็อยากจะมารับการคัดเลือกกับองค์ชายสิบห้าด้วย
“ชิงหลาน เจ้าเข้ามานี่!” พระสุรเสียงทรงพลังนั้นเรียกเด็กหญิงที่อยู่ท้ายแถวจนนางสะดุ้ง
‘นี่องค์ชายคงไม่รู้หรอกนะว่าข้ากำลังสงสัยเขาอยู่?’ นางคิดพลางสาวเท้าเข้าไปตรงหน้า ในใจกลับว้าวุ่นนึกถึงสิ่งที่ตนเองฟังมา อีกทั้งยังมีฝันร้ายที่ทำให้นางนอนหลับได้ยากเย็นนั้นอีก
“เจ้ายังมิได้มีรายชื่อในบันทึกจิตรกรนั้น แต่ข้าจะให้เงินค่าแรงเจ้าเบื้องต้นไปก่อน รอให้อาจารย์จ้าวกลับมาอีกทีจึงจะลงชื่อเจ้าในบันทึกเช่นเดียวกับจิตรกรผู้อื่น” องค์ชายหันไปหาองครักษ์กัว คนผู้นั้นจึงล้วงเอาถุงผ้าเล็กๆ ออกมาถวายแด่องค์ชาย “มารับเงินของเจ้าสิ! ห้าตำลึงก็คงมากพอจะเป็นค่ายาและอาหารฟื้นกำลังเจ้ากระมัง?”
เผยมู่ซียืนมองพระหัตถ์ที่มีถุงเงินวางอยู่ นางเดินเข้าไปใกล้ๆ ยื่นมือสองข้างออกไปรอรับ องค์ชายจึงทรงวางถุงเงินลงบนฝ่ามือของนาง
“ขอบพระทัยเพคะ”
สาวน้อยมิได้ยิ้มกว้างอย่างที่องค์ชายทรงคาดเอาไว้ นางเพียงเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าห้าตำลึง ส่วนพระพักตร์ของพระองค์นั้นนางแทบจะไม่มอง หมิงเฉิงอวี่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน....
‘เด็กคนนี้! มีแค้นมาแต่ชาติก่อนกับข้าหรือไร? สตรีทั้งเมืองหลวงล้วนหาวิธีทำให้ข้ามองหน้า มีแต่เจ้า...เจ้าเด็กอมโรค...ที่กล้ารังเกียจเดียดฉันท์ข้า’
กัวเฉินกับจงเหยียนสององครักษ์คู่ใจเห็นว่าคุณหนูชิงยังคงมีท่าทีไม่ยี่หระกับองค์ชายอยู่เช่นเดิมก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล พวกเขาทั้งสองหันไปสบตากันแวบหนึ่ง
“องค์ชาย ได้เวลาเสวยแล้วพะยะค่ะ” เมื่อเห็นชิงหลานถอยเท้าออกไปยอบกายลาแต่องค์ชายสิบห้ายังคงนิ่งจ้องนางนิ่งอยู่ องครักษ์กัวก็รีบกราบทูลเรียกสติองค์ชายเพราะเกรงว่าพระองค์จะทรงหงุดหงิดกว่าที่ควรจะเป็น
“เจ้าเห็นหรือไม่? เด็กโอหังผู้นั้นยังคงทำตัวเหมือนเกลียดข้าอยู่เช่นเดิม แม้ท่าทีดีใจที่ได้รับเงินนางก็ยังไม่ยอมแสดงออกมา” ถึงแม้จะพยายามเตือนตนเองว่าชิงหลานเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มิได้มีสิ่งใดเกี่ยวพันกับพระองค์ แต่สุดท้ายในยามเผชิญหน้ากับนาง หมิงเฉิงอวี่กลับรู้สึกทนสายตาเกลียดชังคู่นั้นมิได้แม้นางจะพยายามก้มหน้าทุกคนที่พบกัน แต่ยามใดที่นางเผลอลอบมองมา องค์ชายกลับรู้สึกว่านางส่งรังสีอำมหิตมาด้วยทุกครั้ง
“กลับเรือนรับรองเถิดพะยะค่ะ วันนี้จะมีคนมาส่งข่าวสำคัญ”
“อืม...”
เสี่ยวลิ่งเดินวนเวียนรออยู่นอกอาคารนางคอยชะเง้อดูว่าเมื่อใดคุณหนูของตนจะออกมาเสียที จิตรกรส่วนหนึ่งเดินออกมาสีหน้ายิ้มแย้มพวกเขาต่างถือถุงเงินติดมือออกมากันถ้วนหน้า
“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“ข้ายังไม่มีชื่อในบันทึกจิตรกกรเลยน่ะสิ!” สีหน้าของชิงหลานดูไม่ค่อยดีนัก เสี่ยวลิ่งได้ยินก็หน้าเสีย...ความหวังที่จะได้เครื่องนอนครบชุดของนางคงจะสลายไปกับสายลมหนาวเสียแล้ว “แต่...ข้าก็ได้เบิกเงินล่วงหน้ามาตั้งห้าตำลึงเทียวนะ”
“ปัดโธ่! คุณหนูแกล้งข้านี่ หลอกให้ข้าตกใจแทบแย่”
เผยมู่ซีอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ข้ารู้ว่าเจ้าหวังจะได้เครื่องนอนครบชุดใช่ไหมเล่า? วางใจเถิดข้าไม่ลืมคำสัญญาหรอก นอกจากของเจ้าแล้วก็ต้องซื้อให้เหล่าลู่ด้วย จวนจะถึงฤดูหนาวแล้วหากยังใช้เครื่องนอนเก่าอยู่อีกคงลำบากกันแย่ เงินนี้มากพอที่พวกเราจะได้ผ้าคลุมกันหนาวและชุดใหม่กันคนละสองชุดด้วยนะ”
“จริงหรือเจ้าคะคุณหนู?”
“บ่ายนี้เสร็จงานแล้ว เราแวะไปเลือกเครื่องนอนกันก่อน เสื้อผ้าและเสื้อคลุมคงต้องให้ท่านแม่เป็นผู้เลือกให้”
เสี่ยวลิ่งติดตามจังฮูหยินจนรู้ราคาสินค้าและต่อรองเป็น นางเป็นคนเฉลียวฉลาด จังฮูหยินจึงได้สอนอ่านเขียนและการทำบัญชีให้แก่นาง เผยมู่ซีจึงเห็นว่าหากกลับไปซื้อเครื่องนอนที่ร้านเดิมในราคาที่มารดาต่อรอเอาไว้แล้วก็น่าจะคุยไม่ยาก
ครั้นกลับไปถึงจวน เผยมู่ซีก็นำเอาถุงเงินและเงินที่เหลือไปมอบให้แก่มารดาโดยแจ้งความประสงค์ที่จะซื้อชุดสำหรับฤดูหนาวใหม่สำหรับคนทั้งสี่คนละสองชุด และผ้าคลุมกันหนาวอย่างดีอีกคนละหนึ่งผืน
“เงินมากเช่นนี้สมควรจะซื้อหามาแจกจ่ายให้ครบคน เหล่าลู่คงดีใจที่จะได้ชุดใหม่บ้าง ปีที่เราเริ่มเจ็บป่วยแม่ยอมรับอย่างไม่อายว่าก็ได้เบี้ยหวัดของเหล่าลู่มาช่วยจุนเจือ คราวนี้จะได้จ่ายคืนกลับไปเสียที”
“จัดการตามแต่ท่านแม่จะเห็นสมควรเถิด ข้าต้องการเพียงให้ท่านพาพวกเราไปเลือกเสื้อผ้าก็พอแล้ว”
รถม้าขนเครื่องใหม่อีกสองชุดมาส่งยังจวนสกุลชิง กำแพงและประตูจวนเก่าคร่ำคร่าคนในอำเภอรู้ดีว่าในเรือนนี้มีฮูหยินผู้อาภัพกับบุตรสาวพร้อมด้วยบ่าวรับใช้และสาวใช้อีกสองคน แม้พวกเขาจะอยู่จวนหลังใหญ่แต่กลับขัดสนเงินทอง สภาพภายในที่เหล่ามือปราบในอำเภอเคยมาตรวจสอบเมื่อครั้งมีพายุเข้าพบว่าเรือนข้างในเสียหายไปหลายเรือนแต่กลับมิได้มีการว่าจ้างคนมาซ่อมแซม
เหล่าลู่ยืนรออยู่หน้าประตูจวนเขาดีใจที่จะได้เครื่องนอนใหม่ครบชุด ครั้งก่อนที่คุณหนูซื้อผ้าห่มผืนหนานุ่มมาให้นอนสบายขึ้นมาก วันนี้เสี่ยวลิ่งวิ่งโร่มาบอกข่าวดีว่าพวกเขาสองคนจะได้เครื่องนอนที่เหลือ ทั้งยังจะซื้อชุดใหม่และผ้าคลุมกันหนาวให้อีก...นับว่าเป็นข่าวดีในรอบหลายปีนัก!
“คุณหนูได้เงินค่าจ้างมาหรือเสี่ยวลิ่ง?”
“ใช่แล้ว! วันนี้ได้เงินส่วนแรกมาตั้งห้าตำลึงแน่ะ”
“สวรรค์ช่างเมตตาเสียจริง...ฝีมือการวาดภาพของคุณหนูสร้างรายได้ขนาดนี้ ต่อไปฮูหยินกับพวกเราก็คงไม่ลำบากแล้ว”
เหล่าลู่กับเสี่ยวลิ่งต่างเก็บเอาของใช้ใหม่ที่ตนได้รับเข้าห้องไป เสี่ยวลิ่งยังได้เปรียบอยู่เล็กน้อยเพราะคุณหนูให้นางเลือกซื้อเครื่องประทินโฉมได้ตามชอบใจหลายอย่าง เสี่ยวลิ่งที่อยู่รับใช้โดยมิได้รับเงินค่าแรงสักอีแปะจะเอาสิ่งบำรุงความงามมาจากที่ใด? เผยมู่ซีมองหน้าสาวใช้คนสนิทแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแรง นึกถึงสาวใช้ที่จวนสกุลเผย นางพวกนั้นมีเครื่องประทินโฉมใช้กันทั่วหน้า เสื้อผ้าก็ได้ตัดใหม่ทุกปีแต่เสี่ยวลิ่งคนนี้หากลองกระชากกระโปรงดู เกรงว่าจะขาดติดมือมาหลายชิ้นทีเดียว
“ผิวหน้าของเจ้ากร้านหมดแล้วเสี่ยวลิ่ง เลือกเอาเถิดข้าจะจ่ายให้เจ้าเอง”
“ขอบคุณคุณหนู”
จังฮูหยินเห็นว่าบ่าวทั้งสองได้เครื่องเรือนแล้วจึงหันไปพยักหน้าเรียกบุตรสาวให้ออกไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ตลาด เสี่ยวลิ่งเดินตามหลังอย่างเบิกบาน นางจะได้ชุดใหม่ใส่ในเทศกาลชมบุบผาแล้ว!
**********************
ไรท์แนะนำ.....นิยายซีรี่ย์นี้มีทั้งหมด 6 ภาคด้วยกัน (เขียนถึงต้นสิงหาคม 2564) ซึ่งแต่ละเรื่องสามารถอ่านแยกกันได้ เพียงแต่ตัวละครจะรู้จักหรือเป็นญาติกันคะ่
เรื่องที่ 1 "ท่านอ๋องอย่าคิดหนี"
เรื่องที่ 2 "ท่านอ๋องเป็นของข้า" พระเอกคือ หมิงเฉินกง เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1
เรื่่องที่ 3 "ท่านอ๋องกับชายาหมี" พระเอกคือ ท่านอ๋องเก้า เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1
เรื่องที่ 4 "ท่านหญิงจีจอมพลัง" พระเอก คือ ฟ่านหลี่เจี๋ย เป็นพี่ชายของนางเอกภาค 1
เรื่องที่ 5 "ซือซือ ฮองเฮาพันโฉม" พระเอกคือ ฮ่องเต้หมิง พี่ชายของพระเอกภาค 1
เรื่องที่ 6 "สายลับจับอ๋องใหญ่" พระเอกคือ องค์ชายจินเสวี่ยหลงพี่ชายของนางเอกภาค 2
ทุกเล่มมี EBOOK จำหน่ายค่ะทางเว็บไซต์ขายอีบุ๊กหลายเว็บนะคะ.....ติดตามข้อมูลนิยายของไรท์ได้ทางเฟสบุ๊กจ้า https://web.facebook.com/Chaomuangtawanok
