จากเชฟมิชลิน สู่ชายาผู้ถูกทอดทิ้ง
เหม่ยหลิง เชฟสาวผู้มากความสามารถและชื่อเสียงโด่งดัง กำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต เธอมีทุกสิ่งที่ใครๆ ใฝ่ฝัน ทั้งหน้าที่การงานที่มั่นคง ความรักที่สมบูรณ์แบบ และอนาคตที่สดใส ทว่าโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่ออุบัติเหตุทางรถยนต์พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปในพริบตา
ในวินาทีที่รถยนต์พุ่งเข้าชน เหม่ยหลิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่างกาย ก่อนที่สติของหญิงสาวจะดับวูบลงไป ทิ้งไว้เพียงความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่แล้ว... เหมือนมีแสงสว่างเรืองรองขึ้นที่ปลายอุโมงค์ เหม่ยหลิงรู้สึกถึงสัมผัสที่คุ้นเคย เสียงรอบข้างเริ่มดังขึ้น เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพเบื้องหน้าทำให้เธอตกตะลึงเป็นอย่างมาก
หญิงสาวไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล ไม่ได้อยู่บนเตียงคนไข้ ทันทีที่เปลือกตาของเหม่ยหลิงเปิดขึ้นในร่างใหม่ ความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาคือความเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับร่างกายถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ขณะที่สติค่อยๆ กลับคืนมา ภาพเบื้องหน้าก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ เหม่ยหลิงก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอเห็นตัวเองถูกมัดแขวนไว้กับขื่อบ้าน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลสดใหม่ เลือดไหลซึมออกมาเปรอะเปื้อนทั่วร่างกาย หญิงสาวพยายามขยับตัว แต่ก็ทำได้เพียงเล็กน้อย เพราะความเจ็บปวดกำลังแล่นปราดไปทั่วร่างราวกับถูกไฟเผา
เหม่ยหลิงพยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น นี่เธอตายแล้วหรือ? นี่คือสวรรค์หรือนรก? หรือว่าแค่ฝันไป? แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย ย้ำเตือนให้เหม่ยหลิงรู้ว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน
ภาพเบื้องหน้ายิ่งทำให้หัวใจของเหม่ยหลิงบีบรัด เฟยหยาง อนุภรรยาของชินอ๋องมู่หรงเยว่ ผู้เป็นสามีของสตรีในร่างนี้ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว ใบหน้าของเฟยหยางนั้นสวยงามแต่ทว่ากลับคมบิดเบี้ยวด้วยความสะใจ รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏบนริมฝีปากแดงระเรื่อ ในมือของหล่อนถือแส้หนังเปื้อนเลือด ที่คงเพิ่งใช้โบยตีร่างกายของเธอจนแหลกเหลว
"หึ! ยังไม่ตายอีกเหรอ ไป๋หลัน" เฟยหยางเอ่ยเสียงเยาะหยัน "คิดว่าแค่แกล้งตายจะรอดจากข้าไปได้งั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!"
เหม่ยหลิงในร่างของสตรีที่ชื่อว่าไป๋หลันพยายามเปล่งเสียง แต่ก็ทำได้เพียงครางออกมาเบาๆ ความเจ็บปวดทำให้เธอแทบขาดใจ เธอพยายามรวบรวมสติ คิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
ความทรงจำของร่างนี้ค่อยๆ ไหลบ่าเข้ามาในหัว เหม่ยหลิงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเธอกำลังอาศัยอยู่ในร่างของ ไป๋หลัน พระชายาเอกของท่านชินอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่กลับถูกสามีทำท่าทีเย็นชาใส่ และยังมอวายถูกอนุภรรยาอย่างเฟยหยางกลั่นแกล้งสารพัด ไป๋หลันมักจะถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกทุบตีทำร้าย จนในที่สุดก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและตายในที่สุด
แต่เหม่ยหลิงที่อยู่ในร่างของไป๋หลันไม่ยอมตาย เธอเพิ่งจะได้ชีวิตใหม่ และจะไม่ยอมให้ใครมาพรากมันไปอีก เธอจะต้องเอาชีวิตรอด และช่วยแก้แค้นให้กับไป๋หลัน เจ้าของร่างอันน่าเวทนานี้ให้จงได้
"เฟยหยาง" เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันกัดฟันพูด แม้เสียงจะแหบพร่า แต่แววตาของนางกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "เจ้าจะต้องชดใช้... สำหรับทุกสิ่งที่ทำกับข้า ไป๋หลันผู้นี้"
เฟยหยางหัวเราะลั่น "ชดใช้เหรอ? เจ้ามันก็แค่เศษสวะไร้ค่า จะทำอะไรข้าได้ ไป๋หลัน?"
เหม่ยหลิงไม่ตอบ เธอเอาแต่จ้องมองเฟยหยางด้วยสายตาเย็นชา แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งมั่นที่จะเอาคืน
เฟยหยางรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นางไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้จากไป๋หลันมาก่อน มันทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
"เจ้า...เจ้าเป็นใครกันแน่?" เฟยหยางถามเสียงสั่น
เหม่ยหลิงแสยะยิ้มมุมปาก "ฉันคือยมทูต ที่จะมาเอาชีวิตแกไง"
สิ้นคำพูด เหม่ยหลิงก็สะบัดตัวอย่างแรงจนเชือกที่มัดขาดออก เธอทิ้งตัวลงมายืนอยู่เบื้องหน้าเฟยหยาง แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่แววตาของนางกลับเต็มไปด้วยพลัง
เฟยหยางมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง นางไม่เคยคิดว่าไป๋หลันผู้แสนอ่อนแอจะกล้าลุกขึ้นสู้ นางรีบคว้าแส้ขึ้นมาเตรียมพร้อม แต่ก็สายไปเสียแล้ว
เหม่ยหลิงพุ่งเข้าใส่เฟยหยางด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า เธอคว้าแส้จากมือเฟยหยาง หักมันเป็นสองท่อนแล้วทิ้งมันลงกับพื้น
"นี่... นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น" เหม่ยหลิงกระซิบข้างหูเฟยหยาง "แกจะต้องได้รับบทเรียนที่สาสม... สำหรับทุกสิ่งที่ทำกับไป๋หลัน"
หลังจากที่เหม่ยหลิงก้าวออกจากห้องที่เกิดเหตุการณ์อันเลวร้าย เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากบ่าวคนสนิทของไป๋หลัน พวกเขาพาเธอไปยังห้องนอนเพื่อทำแผลและดูแลรักษา
เหม่ยหลิงนอนราบลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ความเจ็บปวดจากบาดแผลยังคงรบกวนเธอ แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าคือความทรงจำอันแสนโหดร้ายของไป๋หลันที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
เมื่อบ่าวรับใช้ทำแผลให้เธอเสร็จแล้ว เหม่ยหลิงก็ขอให้พวกเขาออกไปจากห้อง เพราะเธอต้องการอยู่คนเดียวเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวางแผนตั้งรับสำหรับอนาคต
เหม่ยหลิงพยายามลุกขึ้นนั่ง พลางสำรวจห้องรอบตัวอย่างละเอียด ห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะของพระชายาเอก แต่กลับมีบรรยากาศที่เงียบเหงาและอ้างว้าง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูเก่าแก่และทรุดโทรม เหมือนกับชีวิตของไป๋หลันที่ถูกสามีทอดทิ้งและละเลย
สายตาของเหม่ยหลิงไปสะดุดกับกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง เธอค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ภาพสะท้อนในกระจกไม่ใช่ใบหน้าของเธอ ไม่ใช่เหม่ยหลิงที่คุ้นเคย แต่เป็นใบหน้าของหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง ที่มีดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากรูปกระจับ ใบหน้างดงามราวกับภาพวาด แต่แววตากลมสวยกลับแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย
เหม่ยหลิงยกมือขึ้นแตะใบหน้าของตัวเอง ความรู้สึกเย็นเฉียบจากกระจกทำให้เธอรู้ว่านี่คือความจริง และเธอกำลังอาศัยอยู่ในร่างของคนอื่น
น้ำตาไหลอาบแก้มของเหม่ยหลิง เธอกำลังรู้สึกสงสารไป๋หลันคนนี้จับใจ ไม่เคยคิดว่าจะมีใครต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ อย่างกับกำลังเล่นละครน้ำเน่าบทหนึ่งอยู่ เหม่ยหลิงจึงสาบานกับตัวเองว่าจะเอาตัวรอดในโลกแห่งนี้และแก้แค้นให้ไป๋หลัน นางจะทำให้คนที่ทำร้ายไป๋หลันต้องชดใช้ให้หมดทุกคน
เหม่ยหลิงเริ่มต้นด้วยการสำรวจห้องของไป๋หลันอย่างละเอียด และพบว่าไป๋หลันมีบ่าวรับใช้เพียงไม่กี่คนที่ยังคงภักดีต่อนาง
เหม่ยหลิงวางแผนที่จะเริ่มต้นด้วยการฟื้นฟูสุขภาพของตัวเองและเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบใหม่นี้ เธอจะใช้ความรู้และทักษะที่นางมีจากโลกเดิมมาปรับใช้ในโลกนี้ และจะทำให้ทุกคนเห็นว่านางไม่ใช่ไป๋หลันผู้แสนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว
เหม่ยหลิงใช้เวลาหลายวันในการพักฟื้นและเรียนรู้ นางฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงขึ้น และศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีของโลกนี้ นางยังเรียนรู้เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลของแต่ละคนในจวนอ๋อง เพื่อที่จะวางแผนการแก้แค้นได้อย่างรอบคอบ
เมื่อเหม่ยหลิงพร้อมก็เริ่มลงมือทันที เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หญิงสาวเปลี่ยนการแต่งกายและทรงผมให้ดูสง่างามและน่าเกรงขาม และฝึกฝนการพูดจาและกิริยาท่าทางให้ดูมั่นใจและดูมีอำนาจให้สมกับชาติกำเนิดของเจ้าของร่างเดิม
หญิงสาวคนนี้จะไม่ใช่ไป๋หลันผู้แสนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว จากนี้นางคือไป๋หลันผู้แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว นางจะใช้ชีวิตใหม่นี้เพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเองและคนที่นางรัก จะไม่ยอมให้ใครมาดูแคลนเจ้าของร่างนี้อีกต่อไป