บท
ตั้งค่า

6

หลังจากที่ปรับความเข้าใจเสร็จ เสกสรรชวนสาวเจ้าไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า เพื่อรอเวลาไปดินเนอร์มื้อค่ำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

ปีแอร์แวะทำธุระสำคัญที่ไร่ของพ่อเลี้ยงธนากร ก่อนจะเดินทางเข้าไปในไร่สิรันยากรณ์ ก็ได้ขับรถสวนทางกับนวลจันทร์และน่านนาวาที่เดินทางกลับ ปีแอร์เข้าไปคุยกับเพียงดาว จึงทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ปีแอร์ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ พลางนึกไปถึงเรื่องที่อีกฝ่ายให้เตรียมแหวนเพชรมาให้

‘พระเจ้า นี่คุณต้อมตั้งใจรวบหัวรวบหางคุณแพรเหรอเนี่ย’

ชายวัยหกสิบถามตัวเองในใจ หลังจากที่ประเมินสถานการณ์ต่างๆ หลังจากทราบเรื่องที่บุตรชายแอบมาพักอยู่ที่ไร่ของพ่อเลี้ยงธนากรเมื่อเดือนก่อน ทำให้เข้าใจว่ามีการวางแผนก่อนจะเกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น

ชั่วโมงต่อมา...หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงกับคุณเพียงดาวที่เรือนใหญ่เสร็จ ไทเลอร์ก็พาบิดาเข้าไปเที่ยวชมในไร่ต่อน้ำมนต์ จนกระทั่งสี่โมงเย็น ทั้งสามก็พากันแยกย้ายไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมเข้าเมืองไปเที่ยวดูแสงสีและวัฒนธรรมของชาวล้านนาในยามค่ำคืน

ปีแอร์และไทเลอร์เดินออกมาจากบ้านใหญ่ ก็เจอหญิงสาวยืนอยู่ใกล้ๆ กับรถยนต์คันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านหน้า

“ว่าไงน้ำมนต์ พร้อมหรือยัง” ไทเลอร์เอ่ยทักด้วยเสียงเข้มๆ ใบหน้าเรียบๆ

“อุ๊ย พะ...พร้อมค่ะ” คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ต้องสะดุ้งที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็โผล่มาเสียงดังจนเธอตกใจ น้ำมนต์รีบหลบสายตาของเขา แล้วหันไปทักทายปีแอร์ที่ยืนส่งยิ้มมาให้

“วันนี้เราจะไปที่ไหนกันบ้าง” ปีแอร์ถามถึงโปรแกรมทัวร์ยิ้มๆ

“มนต์จะพาไปเดินที่ถนนคนเดิน ตรงวัวลายค่ะ หลังจากนั้นคุณปีแอร์กับคุณไทเลอร์อยากจะนั่งทานต่อที่ร้านประมาณไหนคะ ?” น้ำมนต์เอ่ยถามเรียบๆ

“ลุงอยากไปนั่งร้านอาหารสไตล์เพื่อชีวิตของที่นี่ดู หนูมนต์ช่วยแนะนำหน่อยสิ” ปีแอร์ถามอย่างสนใจ

“ถ้าร้านดังๆ ก็น่าจะเป็นร้านตะวันแดง มหาซน เชียงใหม่ค่ะ เป็นร้านใหญ่ อาหารอร่อย มีดนตรีอะคูสติก เพลงไทยและสากลค่ะ รวมไปถึงการแสดงวัฒนธรรมทั้งสี่ภาคของไทย” น้ำมนต์นำเสนอ เพราะเคยไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มาสามสี่ครั้ง

“แล้วเครื่องดื่มล่ะ มีอะไรบ้าง” คนที่เงียบมานานถามขึ้นอย่างสนใจ

“เครื่องดื่มมีทั้งวิสกี้ ค็อกเทล แล้วก็ไวน์ค่ะ”

“มีไวน์ด้วยเหรอ ?” ไทเลอร์ถามอย่างสนใจ

“ค่ะ มีหลายสายพันธุ์ ทั้งคาเบอร์เน่ เมอร์โล ชาร์โดเนย์ โซวินองบลอง และชีราซ”

“เยี่ยม ” ไทเลอร์ยิ้มก่อนจะเดินไปขึ้นรถประจำที่คนขับ

“เอาตามนี้แล้วกันจ้ะ” ปีแอร์ยิ้มก่อนจะชวนสาวน้อยไปขึ้นรถ ออกเดินทางไปเที่ยวตามโปรแกรม

เวลาทุ่มสิบห้านาที โรงแรมร็อฟเวลล์ แกรนด์

เสกสรรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมานั่งรอแพรลานนา เขาให้ช่างทำผม ช่างแต่งหน้ามาช่วยแปลงโฉมสาวเจ้า เพื่อจะไปดินเนอร์ที่โรงแรมเอื้องลานนา (ของพ่อเลี้ยงธนากร) หลังจากที่โต้เถียงกันอยู่เกือบชั่วโมง เพราะตอนแรกเสกสรรกะจะทานที่ห้องอาหารของโรงแรม

แพรลานนาปฏิเสธเพราะกลัวพนักงานเอาไปนินทา ในขณะที่เธอกับเขายังไม่ได้ชัดเจนในเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน ก่อนจะเอ่ยชวนไปทานที่ร้านหมูกระทะข้างทางแทน ไม่ยุ่งยากอะไร พอทานเสร็จก็จะได้ตรงกลับไร่เลย

เสกสรรโวยวายเสียงดังลั่น รับไม่ได้ที่สาวเจ้าทำราวกับว่าไม่ได้ไปดินเนอร์กับคนรัก แต่เหมือนไปกินข้าวกับเพื่อน ‘พระเจ้า! หมูกระทะงั้นหรือ ไม่มีทาง ’

คนที่ถูกจับแต่งหน้าทำผมหน้าบูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ‘ก็แค่ไปทานข้าว ต้องให้คนมาแต่งหน้าทำผมอย่างกับว่าจะส่งเธอเข้าประกวดนางงามชิงมงกุฎยังไงยังงั้น’ แพรลานนาบ่นอุบในใจ ก่อนจะกลอกตาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้อง

“เสร็จหรือยังคะ” เสกสรรที่ทนรออยู่ด้านนอกไม่ไหวเอ่ยถามยิ้มๆ ขณะจ้องมองใบหน้างามไม่วางตา

“เรียบร้อยแล้วค่ะท่าน” ช่างแต่งหน้าตอบ ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นห้องอย่างอายๆ หลังจากที่ได้เห็นชายหนุ่มใกล้ๆ ‘แม่เจ้าโว้ย หล่อน่าฟัดอะไรอย่างนี้เนี่ย ’

“น้องแพรสวยจัง ” เสกสรรเอ่ยชมราวกับคนกำลังละเมอ

“รีบไปเถอะค่ะ ทานเสร็จจะได้รีบๆ กลับ” แพรลานนาลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะออกเดิน

“เดี๋ยวค่ะ น้องแพรช่วยทำหน้ายิ้มๆ หน่อยได้ไหมคะ อย่าทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้ไปด้วยแบบนี้สิ ”

“ก็น้องแพรถูกบังคับจริงๆ นี่คะ”

“ถ้าน้องแพรยังดื้อ คืนนี้พี่จะบังคับให้นอนที่นี่แล้วก็ยกเลิกสัญญาทั้งหมดด้วย” เสกสรรเอ่ยพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าพร้อมจะทำอย่างที่พูด ถ้าหากว่าโดนขัดใจขึ้นมา

“โอ๊ย! ก็ได้ๆ ค่ะ แบบนี้พอใจหรือยังคะ”

แพรลานนาฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายดูอย่างจำใจ เพราะลึกๆ เธอก็กลัวคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย

“ต้องแบบนี้สิ เชิญครับ” เสกสรรฉีกยิ้มให้ ก่อนจะควงสาวเจ้าเดินออกไปด้วยสีหน้ามีความสุข

ถนนวัวลาย...เชียงใหม่ (คืนวันเสาร์)

ตลอดสองข้างทางที่ปีแอร์เดินผ่าน มีทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นและเสื้อพื้นเมืองของชาวล้านนา รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ ที่ทำขึ้นอย่างประณีต รวมทั้งอาหารการกิน ต้นไม้นานาพรรณ ภาพวาดจากนักศึกษาและจิตรกรมืออาชีพที่ขนผลงานมาขาย พร้อมกับบอกเล่าความเป็นมาของแต่ละภาพด้วยรอยยิ้ม และยังการแสดงดนตรีพื้นเมืองที่ขับร้องด้วยท่วงทำนองอันไพเราะ

ปีแอร์ที่นานๆ จะได้มาเที่ยวประเทศไทยถึงกับตื่นตาตื่นใจ เลือกซื้อของกลับไปฝากภรรยาและคนสนิทอย่างเพลิดเพลิน จนหนุ่มสาวที่เดินตามถือของจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด

“พ่อครับ พอหรือยังครับ ผมกับน้ำมนต์ไม่มีมือจะถือแล้วนะ” ไทเลอร์เอ่ยท้วงบิดาอย่างทนไม่ไหว

“อ้าว ขอโทษที หนักไหมจ๊ะหนูมนต์” ปีแอร์ที่เพิ่งจะรู้สึกตัวหันมามองบุตรชายกับสาวน้อยที่เดินตามอย่างรู้สึกผิดนิดๆ

“ผมเมื่อยขาไปหมดแล้ว ” ไทเลอร์บ่นเบาๆ

“โอเค งั้นเดี๋ยวเอาของไปเก็บที่รถ แล้วเราไปทานข้าวที่เรดซันกันเลยดีกว่า” ปีแอร์แอบขำกับท่าทางของบุตรชายที่โอดครวญราวกับหญิงสาว

“เป็นความคิดที่ดีมากครับ งั้นเดี๋ยวน้ำมนต์มานั่งข้างหน้านะ จะได้บอกทางไปร้านได้ถูกต้อง” ไทเลอร์หันไปบอกกับหญิงสาว

“ได้ค่ะ” น้ำมนต์รับคำ ก่อนจะพาทั้งหมดเดินกลับไปยังที่จอดรถ

ร้านตะวันแดง มหาซน เชียงใหม่

ไทเลอร์ขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าของร้าน ปีแอร์เปิดประตูรถลงมายืนดูบรรยากาศภายนอกของร้านอย่างชอบใจ

“ว้าว ใหญ่น่าดูเลย อยากจะเห็นบรรยากาศข้างในร้านแล้วสิ”

“แหม ใจเย็นครับพ่อ” ไทเลอร์แซวยิ้มๆ

“เอาน่า ก็พ่อไม่ค่อยได้เที่ยวนี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องขึ้นเครื่องกลับแล้ว”

“โอเค งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ” ไทเลอร์เอ่ยก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างในร้าน ที่เหล่าพนักงานยืนรอต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

โรงแรมเอื้องลานนา...แลมโบร์กินีสีเงินโครเมียมแล่นเข้ามาจอด ดึงสายตาหลายสิบคู่ให้หันมามอง ร่างสูงที่สวมสูทสีดำก้าวออกจากรถมาพร้อมกับสาวสวย รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม ก่อนจะส่งกุญแจให้กับพนักงาน แล้วเดินโอบหญิงสาวเข้าไปยังด้านในห้องอาหารของโรงแรม

ห้องอาหารขนาดใหญ่ที่มีดนตรีสไตล์คลาสสิกอย่างเปียโน ไวโอลิน และแซกโซโฟนขับกล่อมลูกค้ามีระดับที่เข้ามาใช้บริการ ผู้จัดการของโรงแรมรีบออกมาต้อนรับแขกคนสำคัญ พร้อมกับพาไปยังโต๊ะที่จองไว้ตรงโซนวีไอพี

“น้องแพรอยากทานอะไรคะ” เสกสรรถามขณะที่เปิดดูเมนูอาหาร

“อืม...แพรให้พี่ต้อมสั่งดีกว่าค่ะ” แพรลานนาเอ่ย ก่อนจะส่งเมนูคืนให้พนักงาน ชายหนุ่มหรี่ตามองสาวตรงหน้าแวบหนึ่ง ก่อนจะสั่งอาหาร

“ขาแกะอบซอสไวน์แดง ฟิเลมิยอง ขอแบบมีเดียม ซุปครีมเห็ดสองที่ สลัดแซลมอนรมควัน แล้วก็สเต๊กปลาอีกที่หนึ่ง ของหวานขอเป็นช็อกลาวา ส่วนเครื่องดื่มขอเป็นไวน์แดงขวดที่ฝากเอาไว้ครั้งก่อนครับ” เสกสรรส่งเมนูคืนให้กับพนักงาน

“พี่ต้อมจะดื่มเหรอคะ” แพรลานนาเอ่ยถามหลังจากที่พนักงานเดินออกไป

“ค่ะ แค่เบาๆ เอง”

“พรุ่งนี้ต้องทำงานนะคะ แล้วแบบนี้จะไหวเหรอ”

“สบายมากค่ะ แค่ไวน์ขวดเดียวเอง” เสกสรรเอ่ยด้วยสีหน้าชิลล์ๆ

“สวัสดีค่ะคุณแดเนียล” สการ์เล็ตต์นางแบบโกอินเตอร์เอ่ยทักทายเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างดีใจ ที่ได้เจอคนดังที่ห้องอาหารแห่งนี้

“เรารู้จักกันด้วยเหรอครับ” เสกสรรถามกลับด้วยภาษาอังกฤษ อย่างรู้สึกงงๆ เพราะไม่รู้ว่าตนไปรู้จักกับอีกฝ่ายตอนไหน

สการ์เล็ตต์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะกับคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนจะตกใจเมื่อหันมองสาวที่มาดินเนอร์กับชายหนุ่ม คือรุ่นน้องสมัยเรียนมัธยมปลาย

“อ๊ะ นี่เธอ...”

“สวัสดีค่ะ คุณแสงหล้า สบายดีนะคะ” แพรลานนาทักทายด้วยภาษาไทย พร้อมกับเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเดิมที่ใช้สมัยเรียน ทำเอาคนที่เปลี่ยนชื่อตอนเข้าวงการถึงกับหน้าเสียขึ้นมาทันใด

“สวัสดี ฉันเปลี่ยนชื่อเป็นสการ์เล็ตต์แล้ว อย่าเรียกฉันว่าแสงหล้าอีก” นางแบบดังตอบกลับอย่างไม่พอใจ

“ขอโทษค่ะ พอดีแพรไม่รู้มาก่อน” แพรลานนาบอกพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้คู่อริเก่า

{สมัยเรียนมัธยมปลาย...แสงหล้าคอยหาเรื่องแพรลานนา ฟ้ารดาแล้วก็แพรณาราอยู่บ่อยๆ พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แสงหล้าก็เข้าวงการไปเป็นนางแบบ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสการ์เล็ตต์

สองปีต่อมา...ฟ้ารดาก็เข้าวงการเป็นนางแบบหน้าใหม่ และได้เดินแบบเครื่องเพชรที่งานเดียวกับแสงหล้า ในขณะที่ถึงคิวของชุดฟินาเล่ ฟ้ารดาก็ไม่ได้ขึ้นเดินแบบ ทำให้เหล่าทีมงานตกใจรีบตามหาตัวกันให้ทั่วทั้งงาน ก่อนจะพบฟ้ารดานอนสลบอยู่ที่ห้องเก็บของในชั่วโมงต่อมา หลังจากที่งานเดินแบบครั้งนั้นพังลงอย่างไม่เป็นท่า

แพรลานนานึกย้อนไปถึงเรื่องที่เธอก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เธอเป็นคนเก็บสร้อยข้อมือที่ฟ้ารดากำเอาไว้แน่น มันเป็นเส้นเล็กๆ ที่แพรลานนาจำได้ว่าเคยเห็นแสงหล้าใส่ไปออกรายการหนึ่ง

เธอจึงให้เพื่อนที่เป็นช่างภาพในงานวันนั้น เอาภาพถ่ายของนางแบบแต่ละคนมาดู แล้วเธอก็พบรูปของแสงหล้าใบหนึ่ง ตอนที่อีกฝ่ายเพิ่งมาถึง ยังไม่ทันได้แต่งหน้าแต่งตัว แสงหล้าฉีกยิ้มพร้อมกับชูสองนิ้วให้กับช่างภาพ ที่กำลังถ่ายเก็บบรรยากาศของงาน

จนกระทั่งมาถึงรูปตอนที่อีกฝ่ายขึ้นเดินแบบ สร้อยข้อมือที่ใส่หายไปและมีรอยแดงที่ข้อมือนูนขึ้นมานิดๆ แล้วแพทย์ที่โรงพยาบาลบอกว่าฟ้ารดาถูกโปะยาสลบ แพรลานนาจึงเดาเหตุการณ์คร่าวๆ ออก ว่าแสงหล้าเป็นคนโปะยาสลบฟ้ารดา เธอชั่งใจอยู่นานว่าจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนหรือไม่

สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะบอกให้มารดาของเพื่อนทราบแทน เพราะรู้ว่าฟ้ารดาเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าหากรู้เข้าก็คงจะบุกไปเอาคืนแสงหล้า และนั่นจะทำให้กลายเป็นข่าวใหญ่ไม่จบไม่สิ้น

เธอจึงตกลงกับมารดาของเพื่อนว่า งานครั้งหน้าจะช่วยกันจับตาดูแสงหล้า และถ่ายภาพเก็บหลักฐาน หากหญิงสาวกลั่นแกล้งฟ้ารดาอีก ตระกูลวัฒนากรกิจจะเอาเรื่องอีกฝ่ายให้ถึงที่สุด

แต่อีกไม่กี่วันต่อมา...ก็มีข่าวว่าแสงหล้าเดินทางไปเดินแบบที่ต่างประเทศ จนกระทั่งวันนี้...สองปีกว่าๆ แพรลานนาก็ได้เจอกับอีกฝ่ายอีกครั้ง แถมยังเข้ามาเอ่ยทักทายผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ราวกับว่าสนิทสนมคุ้นเคยกันมาก่อน}

“คุณมาทานอาหารที่นี่ใช่ไหมครับ” เสกสรรถามแสงหล้าเป็นภาษาอังกฤษต่อ ด้วยใบหน้าที่เริ่มตึงขึ้นมานิดๆ

“ใช่ค่ะ สการ์เล็ตต์มาคนเดียว” แสงหล้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังเหมือนว่ากำลังออดอ้อนชายหนุ่มตรงหน้า

“งั้นมาทานด้วยกันสิคะคุณสการ์เล็ตต์” แพรลานนาแกล้งเอ่ยชวนอีกฝ่าย

“แพร ” เสกสรรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ว่าประโยคเมื่อครู่จะหลุดออกจากปากของสาวเจ้า

“ขอบใจนะ น้องคะ ขอเก้าอี้เพิ่มอีกตัว” แสงหล้าหันไปบอกพนักงานที่อยู่ใกล้ๆ

“พี่ออกไปคุยธุระนะคะ” เสกสรรลุกขึ้นแล้วก้มกระซิบที่แก้มนวลเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“อ้าว คุณแดเนียล...” แสงหล้าหันไปตามร่างสูงอย่างงงๆ

“จะสั่งอะไรก็ตามสบายเลยนะคะ ดูท่าแล้ว...คุณคงจะหิวน่าดู ”

แพรลานนาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะอีกฝ่ายอย่างรู้สึกสมเพช

‘อยากได้อีตาบ้านั่นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย’

“อย่ามาทำปากดีนังแพร ว่าแต่หล่อนนี่ก็หัวสูงใช้ได้นะ ไปอ่อยท่าไหนเข้าล่ะถึงได้มากับคุณแดเนียล” แสงหล้ายิ้มเหยียดให้รุ่นน้องด้วยสายตาดูแคลน

“อืม... ก็หลายท่าอยู่เหมือนกันนะ แต่ละท่าก็ยากๆ ทั้งนั้นด้วย”

“อีแพร นี่ฉันถามแกดีๆ นะ” แสงหล้าจิกเรียกอย่างไม่พอใจ

“ก็แล้วทำไมไม่ลองถามคุณแดเนียลดูล่ะ ว่าเขาติดใจฉันท่าไหนน่ะ”

แพรลานนาเอ่ยยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายให้หลุด ทั้งๆ ที่เธอเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์หรือความรู้ในเรื่องอย่างว่าเลยแม้แต่น้อย

“จะท่าไหนฉันก็ไม่สนหรอก แล้วแกน่ะรู้ไหม ว่าฉันกับคุณแดเนียลเราเคย...”

“ขอโทษครับ พอดีรถของคุณแดเนียลมีปัญหานิดหน่อยที่ด้านนอก แล้วผมเห็นท่านกำลังคุยธุระสำคัญอยู่จึงไม่กล้ารบกวน เอ่อ...คุณแพรพอจะ...” ผู้จัดการของโรงแรมเอื้องลานนาเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ

“งั้น...เดี๋ยวแพรไปดูให้เองค่ะ”

แพรลานนาคว้ากระเป๋าถือที่วางอยู่ เตรียมจะลุกเดินตามพนักงาน

“เดี๋ยว เธอถือสิทธิ์อะไรถึงจะได้ไปดูรถของคุณแดเนียล” แสงหล้ามองด้วยสายตาไม่พอใจ

“ฉันว่าคุณแสงหล้าลองถามเจ้าตัวดู...ว่าฉันเป็นอะไรกับเขา อ้อ! แต่คง...ไม่ได้เป็นแบบคุณแน่นอน ขอตัวก่อนนะคะ” แพรลานนาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามผู้จัดการออกไป

“อีแพร ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ” แสงหล้ากัดปากแน่นอย่างเจ็บใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel