3
“ความจริงแกอยู่เฝ้าพ่อแม่ก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฝากป้าเนียมเอาไว้ ป้าเนียมแกดี ให้เงินแกเอาไว้แล้ว เผื่อแกจะซื้ออะไรกิน ฉันเกรงใจแกน่ะ จะทิ้งงานมาหลายวันได้ยังไงกัน” เขามีน้ำใจขนาดนี้เธอก็ไม่ควรเอาเปรียบเขา
“แกคิดมากไปได้ ฉันเป็นเพื่อนแกนะ แกเดือดร้อนก็ต้องช่วยสิ คราวหลังห้ามเกรงใจฉันอีก” กายสิทธิ์อยากให้เธอได้เฝ้าบิดามารดาไปก่อน เพราะว่าพวกท่านก็อาการหนักเอาการ
“ฉันอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ฉันไม่ใช่หมอ อีกอย่างก็เบื่อหน้าพ่อด้วย ให้ป้าเนียมแกดูแลน่ะดีแล้ว ป้าเนียมแกก็ไม่มีงานทำด้วยตอนนี้ เพราะไม่ค่อยมีใครจ้างให้ทำอะไร แกกำลังว่างงานอยู่พอดี อีกอย่างแกก็เป็นคนมีความรับผิดชอบ ฉันไว้ใจแก ตอนพ่อแม่โดนพวกทวงหนี้ทำร้าย ป้าเนียมเป็นคนโทร. ไปบอกฉันนะ แกก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้”
“แกจะยอมเป็นเมียอุ้มท้องลูกฉันจริง ๆ ใช่ไหม” กายสิทธิ์เอ่ยถามขณะอยู่ในรถยนต์ส่วนตัวด้วยกัน
“อืม...”
“งั้นแกก็ยอมฉันน่ะสิ โอ๊ย! แกบิดหูฉันทำไม” กายสิทธิ์ร้องเสียงหลง แทบขับรถตกข้างทาง
“เฮ้ย! แกระวังหน่อยสิ”
“ก็แกเล่นบิดหูฉันแทบขาด”
“ก็แกอยากพูดจาลามกทำไมกัน”
“พูดจาลามกอะไรกัน เป็นแม่ของลูกก็ต้องอะไร ๆ กันไม่ใช่เหรอ” คนพูดหัวใจเต้นระทึก
“บ้าน่ะสิ ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นกับแกกัน”
“หือ... หมายความว่ายังไง”
“ฉันหาข้อมูลการตั้งครรภ์แบบที่แกบอกฉันก่อนหน้านั้นแล้ว เดี๋ยวนี้มีการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก แล้วก็มีการทำเด็กหลอดแก้วแบบที่แกเคยพูดนั่นแหละ ไม่ต้องใช้วิธีธรรมชาติให้เจ็บตัวหรอก”
“วิธีธรรมชาติเจ็บตัวยังไง ฟินจะตายไป”
“แกเป็นเกย์ ไม่ใช่ผู้หญิงรู้ได้ยังไงว่าฟิน”
“ก็”
“ไม่ต้องพูดเลย พรุ่งนี้เราไปหาหมอกัน”
“หมอที่ไหน”
“น้องสาวแกเปิดคลินิกอยู่ไม่ใช่เหรอ แกบอกฉันเอง อะไรกันนี่แกความจำสั้นอย่างนั้นเหรอ”
“ยายนิเปิดคลินิกอยู่ แล้วเกี่ยวอะไร อ้อ...” เขาร้องขึ้นมา มัวแต่คิดเรื่องทำลูกบนเตียงกับเธอ เลยลืมคิดเรื่องอื่นไปโดยปริยาย เพราะกชนิภานั้นเปิดคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากโดยเฉพาะ แต่เขากับวินิทราไม่ใช่การมีบุตรยากนะ เพราะยังไม่ได้เริ่มต้นปฏิบัติการทำลูกกันเลย
“ฉันโทร. หายายนิน้องสาวสุดที่รักของแกแล้ว ยายนิบอกว่าพรุ่งนี้มีคิว ให้เราสองคนเข้าไปได้เลย”
“อืม...” กายสิทธิ์รับคำ กชนิภาขี้แกล้งจะตายไป เขาจะโดนล้ออะไรอีกไหมนี่ แต่ที่เคยคุยๆ กัน กชนิภาก็แนะนำเขาดีเรื่องวางแผนการมีลูก แต่ที่เขาโดนเธอว่าก็เพราะว่าเขายังหาเมียไม่ได้นี่แหละ
เรื่องที่มารดาอยากให้แต่งงานคือเรื่องจริง เขาเลยนำมาอ้างกับวินิทราได้
“ยายนิเป็นหมอก็ดีเหมือนกันนะ มีอะไรจะได้ปรึกษาได้ ให้ฉันไปฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูกหรือทำเด็กหลอดแก้วกับหมอคนอื่นอายตายเลย”
“ทำไมต้องอาย”
“ก็มีการตรวจภายในยังไงล่ะ ต้องไปถ่างขาขึ้นขาหยั่ง จะให้ฉันไปทำแบบนั้นกับหมอคนอื่นเหรอ ไม่ไหวหรอก ยิ่งถ้าเป็นหมอผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่” เธอมีสีหน้าบอกว่าอาย
“แกจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”
“จะให้พูดอะไรเหรอ” กายสิทธิ์กำลังใช้ความคิด ว่าเขาจะคุยกับน้องสาวอย่างไรดี
“ก็พูดว่านายโอเคกับวิธีการของฉันไหมไง”
“ถ้าแกโอเคแบบนั้นฉันก็โอเค” กายสิทธิ์รีบรับคำ อย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที เขาส่งเพื่อนสาวที่หน้าบ้านพักของหล่อน ใจอยากเข้าไปส่งถึงในบ้าน แต่เวลานี้เขาต้องบึ่งรถไปหาน้องฝาแฝดก่อน
“ขอบใจแกมากนะ สำหรับทุกๆ เรื่อง” เธอโบกมือให้เขาพลางขอบอกขอบใจที่อีกฝ่ายคอยช่วยเหลือเธอเช่นนี้
“ไม่เป็นไร ฉันไปก่อนนะ แกก็เข้าบ้านพักผ่อนได้แล้ว”
“ขับรถดี ๆ นะ” วินิทรายืนส่งเขาจนเขาขับรถพ้นซอยบ้านเธอไปแล้ว เธอจึงเดินเข้าบ้าน หญิงสาวเข้าห้องอาบน้ำ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
เธอรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอันมาก แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีด้วยความช่วยเหลือของกายสิทธิ์ ก่อนที่เขาจะกลับมาส่งเธอ เขาก็พาเธอแวะรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว
เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น เธอเปิดอ่านก็ยิ้มกว้างเพราะเป็นข้อความของกายสิทธิ์ เขาส่งข้อความมาบอกเธอว่า เขาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว
ทางด้านกายสิทธิ์ เขาอมยิ้มเมื่อได้รับสติ๊กเกอร์ไลน์ของเพื่อนรักที่เขาคิดไม่ซื่อด้วยว่าเธอก็อาบน้ำเตรียมเข้านอนแล้ว
ชายหนุ่มพิมพ์คุยกับเธออีกพักใหญ่ก่อนจะจัดการอาบน้ำอาบท่าและเดินไปเคาะห้องนอนของน้องสาวฝาแฝด
“ว่ายังไงคะคุณพี่ชาย มีอะไรถึงมาเคาะห้องน้องแบบนี้” กชนิภาเอ่ยถาม พลางหลีกทางให้พี่ชายเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเตียงนอนหนานุ่ม
ในห้องนอนกว้างของกชนิภาเป็นห้องนอนโทนสีขาวสะอาดตาและมีเครื่องใช้ภายในห้องแทรกด้วยสีชมพูหวานแหวว
“ฝันหวานโทร. หาคุณนิแล้วใช่ไหม” สรรพนามของสองพี่น้องน่ารักเสมอเมื่อใครได้ยินได้ฟัง เพราะต่างเรียกกันว่าคุณ บ้างก็เรียกพี่แทนตัวเองว่าน้องกระหนุงกระหนิง แม้จะขี้เกรงกันไปบ้าง แต่เป็นพี่น้องที่รักกันมาก
“หือ... คุณกายจะทำลูกด้วยวิธีนี้จริงๆ เหรอ” กชนิภาเอ่ยถามพี่ชาย สรรพนามที่เธอกับเขาใช้เรียกกันอย่างน่ารักนี้ ใช้เรียกกันจนติดปากมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“ก็เขาไม่ให้ทำด้วยวิธีธรรมชาติ”
“แล้วทำไมไม่บอกยายฝันหวานไปว่าคุณกายชอบ ไม่สิ ต้องบอกว่ารักมาก รักมานานแล้ว รักมาตั้งแต่เด็ก รักมายี่สิบห้าปี ยี่สิบห้าวัน ยี่สิบห้าชั่วโมง ยี่สิบห้านาที และยี่สิบห้าวินาที” น้องสาวคนสวยนั่งลงใกล้พี่ชายก่อนจะตบไหล่พี่ชายเบา ๆ
“บอกไปแล้วเขาไม่เชื่อ หาว่าพูดเล่น”
“คุณกายก็ต้องจริงจังหน่อยสิคะ”
“จริงจังที่สุดแล้ว”
“แบบเอาดอกไม้ไปคุกเข่าขอแต่งงาน แล้วใส่แหวนเพชรเอาไว้ในช่อดอกไม้ไรงี้”
“เป็นวิธีการที่โรแมนติกมาก เคยคิดจะทำ แต่มันเหมือนลิเกไปหรือเปล่า กลัวฝันหวานจะขำแล้วปฏิเสธ ได้หน้าแตกยับเยิน แล้วการที่พี่เดินเข้าไปบอกว่ารักนะ เป็นแฟนกันนะ แบบแมนๆ มันดูไม่จริงใจเหรอ”
“อาจเพราะคุณกายเป็นเพื่อนกับยายฝันหวานมาตั้งแต่เด็กก็ได้ ยายฝันหวานเลยคิดว่าคุณกายล้อเล่นไง”
“เหรอ”
“แล้วคิดแผนการนี้นานไหม”
“แผนการอะไร” คนถามแกล้งทำไขสือ
“อยากได้เขาเป็นเมียจนต้องโกหกว่าคุณนายกชมนบังคับให้แต่งงาน ทั้ง ๆ ที่แค่อยากให้แต่งงานแต่ไม่ได้บังคับถึงขนาดนั้น” คุณนายกชมลคือมารดาของสองหนุ่มสาวนั่นเอง