5
บ้านวัฒนะพันธ์หลังจากไม่มีตัวซวย บรรยากาศภายในบ้านดูครึกครื้น ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม ไม่ต้องอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดใจยามเห็นหน้ากุลธิรัตน์ ลูกหลานแสนเกลียดชัง โดยเฉพาะลัดดา ที่ดูมีความสุขมากที่สุด
“พักนี้คุณแม่ดูอารมณ์ดีนะคะ ยิ้มแย้มทุกวันเลย” อนงค์เอ่ยขึ้น ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
“แน่สิ ฉันไม่ต้องทนเห็นหน้าลูกสาวคนโตของเธอไง เห็นแล้วอารมณ์เสีย” ลัดดาไม่กลั้นความชิงชัง อนงค์ยิ้มบาง หยิบของว่างขึ้นมากิน “ฉันว่าจะหาคู่ให้ลูกแก้ว หล่อนคิดว่ายังไง”
“ลูกแก้วจะยอมหรือคะ รายนั้นน่ะ หัวแข็ง คงไม่ยอมถูกบังคับเหมือนลูกหมีแน่ค่ะ” อนงค์รู้นิสัยลูกทั้งสามคนดีว่า ใครคุมได้และคุมไม่ได้ “ทำไมคุณแม่คิดหาคู่ให้ลูกแก้วล่ะคะ”
“ถ้าได้ครอบครัวคนรวยๆ ฐานะมั่นคงมาเกี่ยวดองด้วย มันก็เป็นเรื่องดีกับเราไม่ใช่เหรอ เวลาล้มก็ยังมีฟูกรองรับ ไม่ได้ล้มบนพื้นแข็งๆ แล้วยังมีคอนช่วยพยุง มีแต่ได้กับได้นะ”
“ถ้าคุณแม่ให้ลูกแก้วไปอยู่กับอิฐ แทนที่จะส่งลูกหมีไป ไม่แน่ว่าเราอาจไม้หลักดีๆ ไว้พยุงตัวนะคะ”
อนงค์ค้านแม่สามีไม่ได้ ใจจริงนางอยากให้คีรยาไปเป็นลูกสะใภ้หิรัญภักดีมากกว่า เพราะทางนั้นอยากได้คีรยาเป็นทุนเดิม จะขออะไรย่อมขอได้
“ฉันเหม็นขี้หน้ามันไงล่ะ ไม่อยากให้มันอยู่ที่นี่ เลยทำอย่างนั้น” ลัดดาบอกตามตรง ซึ่งทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดี “บ้านนั้นโง่ที่ถูกฉันใช้เล่ห์เหลี่ยมก็จริง แต่ไม่โง่ที่จะหลอกเงินเข้ากระเป๋านะ ที่ยอมให้นังลูกหมีเข้าไปอยู่ในบ้าน เพราะเสียเงินไปแล้ว คงไม่อยากให้เสียเงินเปล่า เท่าที่ฉันรู้มา บ้านนั้นก็ไม่ยอมรับมันสักคน มันก็เหมือนคนใช้คนหนึ่ง สมน้ำหน้ามัน สะใจฉันเหลือเกิน”
ความเกลียดชังที่มีต่อกุลธิรัตน์ฝังแน่นมาก มากจนบางครั้ง ดูน่ากลัว อนงค์มองแม่สามีที่แสดงออกถึงความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่า ลูกสาวคนโตของตนเป็นเพศใด และไม่เคยผ่อนความชิงชังแม้แต่น้อย ทว่านางก็ไม่เคยปกป้องหรือให้ความรัก ความอบอุ่นกุลธิรัตน์ เหมือนลูกอีกสองคน ทำราวกับว่า กุลธิรัตน์ไม่ใช่ลูกตัวเอง
“ค่ะ แล้วแต่คุณแม่ค่ะ”
“ฉันหมายตาผู้ชายลูกผู้ดีมีเงิน แต่หลอกง่ายไว้สองคน แต่ละคนจูงจมูกง่าย เหมาะที่จะเป็นหลานเขยฉัน พวกฉลาดๆ หลอกยากไม่อยากไปยุ่งด้วย” ลัดดาพูดเพิ่มเติม “ส่วนเรื่องที่หล่อนกลัวว่าลูกแก้วไม่ยอม ฉันจัดการเอง ฉันเชื่อว่า ลูกแก้วต้องยอม”
“คุณแม่จะไปงานการกุศลที่คุณหญิงศรีจัดไหมคะ”
“ดูก่อน เพราะฉันไม่ค่อยชอบหน้าคุณหญิงศรีเท่าไหร่”
“ได้ข่าวว่า คนที่จะมาเดินแบบในชุดฟินาเล่เป็นลูกสาวของคุณนิ่ม สวยมากเลยนะคะ” อนงค์ไม่พูดเปล่า นางหยิบมือถือมาเปิดแกลลอรี่ภาพ เลื่อนหาไม่นานนักก็ยื่นมือถือให้แม่สามีดู “สวยไหมคะ หนูคนนี้ชื่อเก็จมณีค่ะ ชื่อเล่นชื่อเมญ่าค่ะ”
ลัดดามองดูภาพสตรีวัยใกล้เคียงกับกุลธิรัตน์ ก่อนขยับตามองลูกสะใภ้
“อืม ก็สวยดีนะ แต่ดูจากแววตา ท่าจะร้ายไม่เบา”
“ก็คงเอาแต่ใจตามประสาลูกคุณหนูน่ะค่ะ ได้ข่าวว่า คุณนิ่มรักและตามใจมากค่ะ” อนงค์พูดไปยิ้มไป มองดูใบหน้าเก็จมณีด้วยความชื่นชม
“ดูท่าทางหล่อนจะปลื้มแม่คนนี้มากเลยนะ ถึงขนาดเซฟเก็บไว้”
“ที่เซฟเก็บไว้ เพราะคุณหญิงสายดูแลเรื่องเครื่องเพชรที่จะให้เหล่านางแบบใส่น่ะค่ะ คุณหญิงเลยส่งรูปนางแบบและชุดมาให้นงค์ ช่วยเลือกเครื่องเพชรที่จะให้พวกหล่อนใส่น่ะค่ะ ว่าเพชรชุดไหนเหมาะกับชุดที่นางแบบใส่ ในมือถือนงค์มีรูปนางแบบทุกคนค่ะ คุณแม่จะดูไหมคะ” อนงค์ตอบแม่สามีให้คลายสงสัย
“ไม่ดูหรอกย่ะ ฉันไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”
“แล้วคุณแม่ไม่คิดหาผู้หญิงให้ฟิล์มบ้างหรือคะ”
“ก็ดูๆ อยู่ ฉันก็กลัวหลานรักของฉันไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมียเหมือนกัน” ขณะพูด สายตามองไปยังมือถืออนงค์ ที่หน้าจอยังเป็นภาพเก็จมณี ความคิดบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัว “ว่าแต่เธอรู้จักคุณนิ่มคนนี้ไหม ที่ฉันถามเพราะเห็นเธอบอกว่า ลูกสาวคุณนิ่มจะได้เดินแบบในชุดฟินาเล่ ถ้าพ่อแม่ไม่ดัง ไม่สำคัญจริง ไม่มีทางได้เดินในงานคุณหญิงศรีแน่ รายนั้นน่ะ เอาใจแต่คนรวย”
“คุณนิ่มพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่ค่ะ เป็นแม่เลี้ยงไร่พันดาว หลังจากสามีเสียชีวิตก็ไปๆ มาๆ เชียงใหม่กับกรุงเทพค่ะ เธอไม่ค่อยออกงานค่ะ ค่อนข้างเก็บตัว อาจรู้จักคุณหญิงศรีเป็นการส่วนตัวค่ะ แต่ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน หรือไม่ก็บริจาคเงินเยอะ หนูเมญ่าถึงได้เดินแบบชุดนั้นค่ะ แล้วยังได้สวมเครื่องเพชรชุดสำคัญในงานประมูลด้วยนะคะ”
“เก็บตัวไม่ออกงานนี่เอง ฉันถึงไม่รู้จัก” ลัดดาออกงานสังคมบ่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่ารู้จักคนรวย คนมีชื่อเสียงทุกคน ในเมืองไทยคนมีเงินกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ นางรู้จักแค่ในวงสังคมที่ไปร่วมงานนั้นๆ และติดต่อพูดคุยกันบ่อยๆ เท่านั้น “ตอนแรกสองจิตสองใจว่าจะไปงานนี้ดีไหม ตอนนี้ฉันคิดว่า คงต้องไป จะได้รู้จักคนรวยคนอื่นบ้าง เผื่อเจอผู้หญิงถูกใจจะได้ให้มาเป็นเมียฟิล์ม”
อนงค์ไม่ได้กล่าวคำใด หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ หลุบตามองไปยังมือถือ ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม ยามมองคนในรูปภาพ สายตาอนงค์เปี่ยมด้วยความชื่นชม เป็นแววตาที่ต่างกับมองกุลธิรัตน์ลิบลับ ทั้งที่กุลธิรัตน์คือลูกสาวในไส้ของตน