3
“อะ...โอ้ว...” แม่ทัพที่เสียวจนแทบคลั่ง ปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวของนางฟ้าคนสวยทุกหยาดหยด ก่อนจะเกร็งกระตุกติดๆ กัน
ช่อเอื้องตัวแข็งทื่อไปทันใด หลังรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่พวยพุ่งเข้ามาในตัว และเอ่อล้นความเป็นหญิง
“พระเจ้า!” แม่ทัพอุทานเสียงเบาหวิว หลังจัดการโซเดมาคอมกับสาวที่คิดว่าเป็นหญิงขายบริการและรับงานนอกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่า...เขากลับคิดผิด เพราะเธอคือสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านมือของชายใดมาก่อน
“ฮึก...ฮึก...” ช่อเอื้องสะอื้นเบาๆ หลังสูญเสียสิ่งสำคัญไปเพราะความคิดตื้นๆ ที่ว่าทุกอย่างจะจบลง เมื่อผู้ว่าจ้างโทร. มาบอกว่าเรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องอำกันเล่น แต่เปล่าเลย! ไม่มีใครโทร. มา และเธอเองก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำอธิบายหรือ แก้ตัวใดๆ
แม่ทัพขยับตัวออก แล้วจ้องมองแผ่นหลังบางที่สั่นไหวของหญิงสาวอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน จากตอนแรกที่อยากจะสั่งสอน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกสงสาร และภูมิใจที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
“จะไปไหน” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นสาวเจ้าขยับตัวเตรียมจะลุกจากเตียง
“ฮึก...” ช่อเอื้องไม่ตอบ แต่ก้มลงเก็บผ้าเช็ดตัวที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาพันรอบตัวอย่างรวดเร็ว
แม่ทัพขยับลุกไปดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างรู้สึกขัดใจ ที่สาวเจ้าทำท่าจะชิ่งหนี ทั้งๆ ที่ตนยังไม่ได้แก้มือเรื่องบนเตียงที่เมื่อครู่ไปไวกว่าทุกครั้งเลย
“ปล่อยค่ะ!” ช่อเอื้องบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างทิ้ง และพยายามแกะมือของคนป่าเถื่อนออกจากเอวอย่างรู้สึกโกรธ
“จะไปไหน?” แม่ทัพถามพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ฮึก...คุณทำแบบนี้กับหนูทำไม คุณก็รู้ว่าเพื่อนของคุณแค่แกล้งเล่นเท่านั้น ฮือๆๆ” ช่อเอื้องต่อว่าและปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บใจ ที่กว่าอีกฝ่ายจะยอมฟังเธอทุกๆ อย่างก็ไม่อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
“แล้วเธอเห็นฉันขำหรือเปล่าล่ะ?” คนที่รู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุ เพราะอดใจไม่ไหว แสร้งทำเสียงแข็งใส่ทันที
“ฮึก...งั้นหนูขอโทษก็ได้ค่ะ คุณปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องคุณ” ช่อเอื้องยกมือไหว้อย่างหวาดกลัว เพราะตอนที่กดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดนี้ เธอเพิ่งรู้ว่าทั้งชั้นเป็นของเขาทั้งหมด หากเธอบอกว่าจะแจ้งความหรือเอาเรื่อง อีกฝ่ายอาจจะไม่ยอมปล่อยให้เธอได้กลับบ้าน
“ง่ายไปไหม?” คนที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะง้อและขอโทษ แต่พอเห็นสาวเจ้ามีท่าทีอ่อนลง ปฏิกิริยาของเขาก็แข็งกร้าวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“แล้วคุณจะให้หนูทำยังไงล่ะ ถ้าคุณจะโกรธใครสักคน ก็ควรไปโกรธเพื่อนของคุณถึงจะถูก หนูแค่ถูกเขาจ้างมาก็เท่านั้น” ช่อเอื้องต่อว่าคนเถื่อน
“ไอ้ขุนน่ะ! ฉันจัดการแน่” แม่ทัพบอกอย่างหัวเสียขึ้นมานิดๆ เมื่อเอ่ยถึงเพื่อนรัก ซึ่งไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงได้จ้างเด็กสาวที่ไร้เดียงสามาแกล้งตน
“งั้นก็ปล่อยแขนออกจากเอวหนูสักทีสิ” ช่อเอื้องบอกอย่างทนไม่ไหว
“หึ! เธอคิดว่าปัดความผิดให้คนอื่นแล้วตัวเองจะรอดงั้นเหรอ” แม่ทัพพยายามจะยัดเยียดความผิดให้กับหญิงสาว ทั้งที่จริงแล้วเป็นเรื่องระหว่างตนกับเพื่อนรักล้วนๆ
“ก็แล้วคุณจะให้หนูทำไงยังล่ะ ฮึก...หนูผิดมากเหรอที่อยากได้เงิน ฮือๆๆ” เธอร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ที่เกิดมาก็มีแต่พ่อ ซ้ำร้ายท่านยังมาป่วยเป็นอัมพฤกษ์เมื่อสองเดือนก่อน ทำให้เธอซึ่งเรียนจบมัธยมปลายมาได้หมาดๆ หมดโอกาสเข้าเรียนต่อในมหา’ลัย เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ
แม่ทัพได้ฟังคำตอบซื่อๆ ของสาวเจ้าก็ถึงกับจุกแน่นไปทั้งหน้าอก
“คุณปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูต้องไปดูแลพ่อ ฮึก...” ช่อเอื้องยกมือไหว้ขอความเห็นใจจากอีกฝ่ายอีกครั้ง
“พ่อเธอเป็นอะไร?” คนที่อยากจะสานต่อความสัมพันธ์รีบถาม
“คุณพ่อเป็นอัมพฤกษ์ค่ะ” ช่อเอื้องบอกพร้อมกับดึงปลายผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“โกหกหรือเปล่า” แม่ทัพถามอย่างรู้สึกสองจิตสองใจ กลัวว่าสาวตรงหน้าจะแค่หาข้ออ้างชิ่งหนีตน
“หนูสาบานค่ะ คุณพ่อเป็นอัมพฤกษ์จริงๆ” ช่อเอื้องรีบชูสามนิ้วยืนยัน
“เธออายุเท่าไหร่?” แม่ทัพถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“18 ค่ะ จะ 19 อาทิตย์หน้า” หญิงสาวตอบตามตรง
“ให้ตายสิ! เธอน่าจะบอกฉันเร็วกว่านี้” แม่ทัพสบถออกมาอย่างรู้สึกหงุดหงิดแกมโมโห พลางนึกไปถึงตอนที่ตนเองถูกตำรวจบุกจับที่หน้าคอนโด และมีนักข่าวมารุมถ่ายรูปพร้อมกับจ่อไมค์สัมภาษณ์
ครืด...ครืด....
ขณะที่แม่ทัพกำลังจินตนาการเตลิดว่าตัวเองกำลังจะได้เข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำอยู่นั้น อยู่ๆ เสียงสั่นของมือถือก็ดังขึ้นที่ใต้เตียง เขาจึงรีบก้มลงถามคนที่อยู่ในอ้อมกอด “เสียงมือถือของเธอเหรอ?”
“ใช่ค่ะ หนูขออนุญาตรับสายได้ไหมคะ” ช่อเอื้องรีบพยักหน้ารับ
“ได้สิ! แต่ต้องเปิดลำโพง” แม่ทัพบอกพร้อมกับคลายอ้อมแขนออกอย่าง ว่าง่าย
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองที่ซ่อนเอาไว้ออกมากดรับสาย พร้อมกับเปิดสปีกเกอร์โฟนตามที่อีกฝ่ายบอก
[เอื้อง! อยู่ไหนลูก] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
[เอ่อ...กำลังจะกลับค่ะป้านิล] เธอตอบพลางเหลือบไปมองใบหน้าหล่อเหลาแบบโหดๆ ที่กำลังจ้องมองมาอย่างรู้สึกดีใจ ที่สามารถหาข้ออ้างในการกลับบ้านได้
[เมื่อครู่พ่อหนูล้มหัวฟาดพื้น ตอนนี้ป้ากับลุงกำลังพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล]
[พ่อ!] ช่อเอื้องเอ่ยเรียกอย่างตกใจ
[เอื้องรีบตามไปที่โรงพยาบาลนะลูก]
[ค่ะป้านิล เดี๋ยวหนูจะรีบตามไป]
[จ้ะ! งั้นแค่นี้ก่อนนะ] ปลายสายบอกจบก็วางสายไปทันที
“เสื้อผ้าของเธออยู่ไหน?” แม่ทัพสะกิดเรียกคนที่กำลังอยู่ในอาการช็อก
“ยะ...อยู่ในห้องน้ำค่ะ” ช่อเอื้องบอกเสียงสั่น
“เดี๋ยวฉันไปเอามาให้” แม่ทัพคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่าง แล้วขยับลงจากเตียง ตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“ฮึก...ฮือๆๆ” ช่อเอื้องร้องไห้พร้อมกับต่อว่าตัวเองที่ไม่ควรจะรับงานนี้ตั้งแต่แรก
แม่ทัพเดินกลับมาพร้อมกับถุงกระดาษ แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้กับสาวที่กำลังร้องไห้อย่างรู้สึกตื้อในหัวใจ
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องอยากจะปฏิเสธ แต่วินาทีนี้เธอไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงใดๆ ที่จะต่อต้านอีกฝ่าย
“รอแป๊บ! เดี๋ยวฉันจะไปส่ง” แม่ทัพสวมใส่เสื้อผ้าให้สาวเจ้าเสร็จ ก็ก้มลงกระซิบบอก ก่อนจะวิ่งไปหยิบเสื้อกับกางเกงของตัวเองมาสวมอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่ต้องไปก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปเอง” ช่อเอื้องบอกอย่างรู้สึกเกรงใจ
“ฉันจะไปส่ง เรายังไม่จบเรื่องกันนะ แต่ฉันจะพักโทษของเธอเอาไว้ก่อน” แม่ทัพบอกพลางหันไปหยิบกระเป๋าเงินและกุญแจรถสปอร์ตมาถือ
“หมายความว่ายังไง? หนูยังติดค้างอะไรคุณอีก” ช่อเอื้องถามอย่างรู้สึก มึนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย
“กะ...ก็แม่ฉันไง แม่ฉันคิดว่าเธอเป็นเมียฉันแล้ว” แม่ทัพตอบไม่เต็มเสียง
“คุณโกหกท่านเองไม่เกี่ยวกับหนู” ช่อเอื้องบอกอย่างรู้สึกโกรธ
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง เธอน่ะเกี่ยวเต็มๆ เลย” แม่ทัพสวนกลับอย่างไม่ยอม
“หนูไม่เกี่ยว” ช่อเอื้องบอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“เกี่ยว” แม่ทัพรีบเข้าไปช้อนอุ้มคนที่ไม่น่าจะมีแรงลุกเดินขึ้นอย่างไม่รอช้า
“อ๊ะ! จะทำอะไร?” ช่อเอื้องถามเสียงหลง
“ก็อุ้มเธอไง” แม่ทัพกลอกตาก่อนจะเดินไปยังประตูห้องนอน
“ไม่ต้องอุ้มค่ะ” เธอพยายามจะดิ้น
“ยังจะปากดี” แม่ทัพส่งสายตาดุๆ ไปให้ จากนั้นก็เดินออกไปที่ห้องรับแขกด้านนอก
“สะ...สวัสดีครับบอส นะ...นี่ใครเหรอครับ” โดมที่เข้ามาเอาเอกสารสำคัญ เพื่อจะเข้าประชุมแทนผู้เป็นนาย จ้องมองหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างไม่กะพริบตา ‘ให้ตายสิ! นี่บอสกลายเป็นพวกชอบกินเด็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?’
“ผู้หญิงของฉันเอง” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินหน้าตั้งไปที่ประตูหน้า
“บอสจะไปไหนเหรอครับ” โดมรีบเดินตามไปเปิดประตูให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน
“ไปโรงพยาบาลไม่ต้องตาม” แม่ทัพรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เมื่อเห็นสาวในอ้อมกอดซบหน้าลงที่ต้นคอ ก็เดาได้ว่าเธอคงจะอายคนสนิทของตน
“ครับ” โดมขานรับแล้วรีบกดลิฟต์ไปยังชั้นที่จอดรถให้
ช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นบอกหลังจากที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปยังชั้นล่าง “หนูนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียวได้ค่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันยังไม่จบเรื่องกับเธอ” แม่ทัพบอกเสียงเข้ม
“คุณเอาบัตรประชาชนของหนูเก็บไว้ไหมคะ ถ้าเกิดรถติดมันอาจจะ...” คนที่เป็นห่วงพ่อ บอกอย่างรู้สึกเครียดนิดๆ
“รถไม่ติดหรอกน่า” แม่ทัพบอกจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ช่อเอื้องหันไปมองรอบๆ อย่างรู้สึกอึ้ง เมื่อเห็นรถซูเปอร์คาร์หลายคันจอดอยู่
“สวัสดีครับบอส” บอดี้การ์ดที่ประจำอยู่ยังชั้นจอดรถ รีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ด้วยสีหน้าตื่นๆ หลังเอาแต่ชะเง้อมองใบหน้าของหญิงสาวที่ผู้เป็นนายอุ้ม