หัวใจที่ตามหา
ตอนที่ 2
หัวใจที่ตามหา
กิจการที่เกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้าตามแบบฉบับของ ชาวพื้นเมืองในจังหวัดน่านคือสถานที่ฝึกงานของเตชินที่เขาตั้งใจนอกเหนือจากการเรียนรู้กระบวนการทำงานเพื่อนำไปสู่การเรียนจบแล้วเขายังมาที่นี่ด้วยเหตุผลอื่นและสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตเขา
“มาอยู่น่านได้เดือนกว่า ๆ สงสัยหลานน้าจะเที่ยวหมด ทุกซอกทุกมุมแล้วมั้งเนี่ย”
กานดาพูดแซวหลานชายเพราะตลอดเวลาที่เตชินมาทำงานที่นี่ เขาใช้ทุกเวลาที่มีโอกาสในการออกไปเที่ยวทุกพื้นที่โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าความจริงแล้วชายหนุ่มไม่ได้ต้องการแค่เพียงเสพ ความสวยงามของธรรมชาติแต่เขากำลังตามหาหัวใจของตัวเองอยู่
“อยู่กรุงเทพฯไม่มีอะไรสวยงามแบบนี้ให้ดู วันนี้ผมคงกลับดึกน้ากานดาไม่ต้องรอนะครับ”
วันนี้เตชินตั้งใจว่าจะใช้เวลาอยู่ในตัวเมืองเที่ยวตามสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆเพราะเท่าที่เขาได้ข่าวมาเฌอปรางและครอบครัวได้มาทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการค้าขายที่นี่จึงคิดว่าการท่องเที่ยวตามแนวธรรมชาติที่เขาไปมาแล้วเกือบเดือนน่าจะไม่ถูกเป้าหมายวันนี้เตชินจึงตั้งใจที่จะเปลี่ยนเป็นการเที่ยวในตัวจังหวัดแทน
ชายหนุ่มใช้เวลาอย่างคุ้มค่าหมดไปครึ่งวันก็มาถึงจุดมุ่งหมายสุดท้ายของเขาในวันนี้ เขาตั้งใจว่าจะฝากท้องมื้อเย็นที่ห้างดังและจะเฝ้าดูผู้คนเดินไปเดินมาเผื่อบางทีโชคชะตาอาจจะนำพาให้เขาได้เจอกับผู้หญิงที่เขาตามหา
“ขอโทษด้วยครับ”
เตชินที่ในมือยังคงถือจานข้าวมันไก่แต่ตาของเขาไม่ได้มองไปข้างหน้ากับมองไปที่บันไดเลื่อนเพื่อมองผู้คนทั่วไปจึงได้เผลอสะดุดเข้ากับเด็กน้อย
“ขอโทษด้วยนะคะ”
ชายหนุ่มกำลังก้มตัวลงไปเพื่อพยุงเด็กน้อยที่ตอนนี้ร้องไห้ไร้เสียงให้ลุกขึ้นแต่กลับมีผู้หญิงวิ่งมาจากร้านค้าข้างๆเข้ามาประคองเด็กน้อยไว้และกล่าวคำขอโทษ
“เฌอปราง ใช่เธอจริง ๆ ด้วย”
เตชินจำได้ดีว่าผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขาคือใครถึงแม้อีกฝ่ายจะรีบพยายามหลบหน้าและทำท่าจะลุกหนีแต่ก็ไม่ทันเมื่อชายหนุ่มคว้าแขนของเธอไว้
“เธอจะหนีเราไปไหนอีก”
“ขอโทษนะคะคุณคงจำคนผิด”
เฌอปรางรีบจับมือของอีกฝ่ายออกจากแขนของเธอแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเตชินหันไปจับมือของเด็กน้อยที่กำลังเดินตามคนที่พยายามหนี
“ปล่อยมือลูกฉันนะคะ”
คำว่าลูกที่เฌอปรางพูดมันทำให้หัวใจของเตชินรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาได้หันมองหน้าเด็กน้อยที่เขากำลังจับมือไว้ใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนี้เหมือนกับเขาตอนเด็กๆไม่มีผิด
“เด็กคนนี้เป็นลูกของเธอ...”
เตชินทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเพื่อให้ใบหน้าของเขาและเด็กผู้ชายอยู่ใกล้กันให้ได้มากที่สุด ยิ่งมองให้ชัดชายหนุ่มก็ยิ่งแน่ใจว่าเด็กน้อยคนนี้มีหน้าตาที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเขาเลย
“เด็กคนนี้ลูกเราใช่ไหม”
หนุ่มกรุงเทพฯไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเขาถึงกล้าถามตรงๆออกไปแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้เฌอปรางยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำว่าเธอกับเขารู้จักกัน
“ฉันไม่ใช่คนที่คุณรู้จักและอยู่ดีๆจะมาหาว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณได้ยังไงถ้ายังไม่ปล่อยมือ ฉันจะตะโกนให้คนมาช่วย”